Skip to content

พลิกปฐพี 105-1

ตอนที่ 105-1

สายเลือดแห่งเปลวเพลิง

‘แย่แล้ว!’

ดวงตาหงส์เรียวยาวหรี่ลง สายตาสาดความเย็นเยียบออกมา

คำพูดของมู่ชิงเกอเหมือนเป็นการโยนความผิดทั้งหมดให้กับเขา ไม่เพียงแค่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองจื้อเท่านั้น กระทั่งเรื่องที่เกิดขึ้นภายในผืนป่า ‘อุบัติเหตุ’ ที่คร่าชีวิตคนนั่น ก็โทษว่าเป็นฝีมือของเขาด้วย

เขาคิดที่จะยับยั้ง แต่พอเห็นเงาร่างอันเลือนรางที่อยู่บริเวณทางออกผืนป่า ก็รู้เลยว่าทุกอย่างได้สายเกินไปแล้ว

‘เขาเจตนาที่จะทำเช่นนี้!’

หานฉายไฉ่คาดเอาไว้แล้วว่า มู่ชิงเกอจะต้องตอบโต้ แต่เขาก็ยังคงนั่งใจเย็นอย่างยิ่งว่า เรื่องราวทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขา แต่กลับไม่คิดว่ามู่ชิงเกอจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นดึงเขาลงนํ้า แต่ตนเองกลับปัดสวะให้พ้นตัวได้อย่างหมดจดเช่นนี้

ตนเองถูกเปิดโปงว่าเป็นคนร้ายที่อยู่หลังม่านยังไม่พอ ตอนนี้ยังกลับกลายเป็นฆาตกรตัวจริงที่จะฆ่าคนปิดปากไปเสียอีก!

สิ่งที่น่าโกรธมากที่สุดคือ เขามาหาเรื่องเองถึงที่!

เมื่อเห็นใบหน้าอันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเคียดแค้นของมู่ชิงเกอ เขาเองยังแทบจะเชื่อเลยว่าตนเองมาที่นี่เพื่อฆ่าคนปิดปากจริงๆ แล้วจะนับประสาอะไรกับเจ้าพวกสุกรโง่เมืองจื้อนั้นเล่า

“คุณชายตระกูลมู่ ท่านรู้หรือไม่ว่าจุดจบจากการเล่นกับไฟคืออะไร” หานฉายไฉ่กล่าวเตือนด้วยนํ้าเสียงโทนต่ำ ในโทนเสียงอันเกียจคร้านเจือมาด้วยความเย็นเยียบและไอสังหาร

มู่ชิงเกอเองก็กระตุกรอยยิ้มอย่างไม่ยอมน้อยหน้า พลันถามย้อนว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านหานคงจะรู้ความหมายของคำว่าเล่นกับไฟจนโดนไฟเผาใช่ไหมว่า หมายความว่าอะไร”

สายตาที่ทั้งสองปะทะกันกลางอากาศเกิดเป็นแสงประกายอันร้อนแรง จนไม่อาจจะประเมินได้ว่าใครด้อยกว่า!

ท่าทางการเผชิญหน้าของหานฉายไฉ่และมู่ชิงเกอ สะท้อนอยู่ในสายตาของทุกคนราวกับเป็นการยืนยันคำพูดที่นางพูดเมื่อครู่นี้

ขบวนจากเมืองจื้อที่ในตอนแรกจะเข้ามาจับตัวมู่ชิงเกอ ได้หยุดการเคลื่อนไหวในขณะที่นางพูดและหลังจากที่ฟังนางพูดจบ ทุกคนล้วนยืนอึ้งอยู่กับที่

ราวกับว่า ท่ามกลางพวกเขาไม่มีใครเคยคิดเลยว่า เรื่องนี้จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่แอบซ่อนอยู่มากมายถึงเพียงนี้!

หอสรรพสิ่งคิดจะกวาดล้างผู้มีอำนาจในเมืองจื้อและเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ

เพื่อการนี้จึงได้เชิญคนนอกเข้ามาใช้โอสถในการหลอกล่อ ทำให้พวกเขาไม่ทันได้ระมัดระวัง แล้วเข้าสู่ขบวนตามล่าโอสถโดยไม่อาจจะปฏิเสธได้

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ ‘อุบัติเหตุ’ ภายในผืนป่าที่ทำให้ทุกคนต่างหวาดผวานั้นล้วนเป็นฝีมือของมนุษย์อย่างนั้นหรือ

ประมุขแห่งหอสรรพสิ่งผู้นี้ถึงขั้นสั่งคนให้มาวางกับดักต่างๆ เอาไว้ในผืนป่าแห่งนี้อย่างนั้นรึ!

ระหว่างที่เขาเดินทางมานั้น ก็ได้ฆ่าคนของพวกเขาไปแล้วหลายร้อยอย่างเงียบเชียบ!

ช่างน่ากลัวเสียจริง!

ประมุขหอสรรพสิ่งผู้นี้ฉลาดแกมโกงมากถึงเพียงนี้เชียว! ทั้งโหดเหี้ยม! และน่ากลัว!

ผู้คนเมืองจื้อที่ถูกฝันร้ายจากผืนป่าแห่งนั้นทรมานจนสะบักสะบอม ในตอนนี้พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ของมู่ชิงเกอก็ได้ ‘กระจ่าง’ ทุกอย่างในทันที!

ไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากเนี่ยซง พวกเขาต่างก็ถืออาวุธของตนเองและพุ่งตัวออกจากผืนป่ามายืนอยู่ตรงกลางระหว่างมู่ชิงเกอและหานฉายไฉ่

พวกเขาจับจ้องกำลังคนและม้าของทั้งสองฝ่าย ในแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยการระวังภัยและความเคียดแค้น

เนี่ยซงเป็นตัวแทนของทุกคนในการถามมู่ชิงเกอว่า “คนแซ่มู่ ที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องจริงหรือ” เขายังไม่ลืมว่าหลานที่เขารักมากที่สุดก็ได้ทิ้งชีวิตเอาไว้ในผืนป่าแห่งนี้เช่นกัน

เขาก็เอะใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเหตุใดเถาวัลย์พิษนั้นจึงได้รุนแรงมากถึงเพียงนั้น

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีคนแอบวางยาเอาไว้!

สายตาอันสว่างไสวของมู่ชิงเกอกวาดผ่านเขาอย่างช้าๆ พลางยิ้มอย่างเย็นเยียบในใจ แต่บนใบหน้าโกรธแค้น พลันกัดปากและพยักหน้า ท่าทางเช่นนั้น ความเคียดแค้นและความหมดหวังเหล่านั้นช่างเหมือนคนที่กำลังจะถูกฆ่าปิดปาก

ความมั่นใจของนาง ยิ่งทำให้แรงอาฆาตในใจของเนี่ยซงเพิ่มมากขึ้น

แต่ทว่า เขากลับไม่รู้จักหานฉายไฉ่ ทำได้เพียงมองและถามเขาว่า “เจ้าคือประมุขแห่งหอสรรพสิ่งอย่างนั้นหรือ”

หานฉายไฉ่ที่หลงตัวเองมากถึงเพียงนี้ จะตอบคำถามของสุนัขแก่อย่างเนี่ยซงได้อย่างไรกัน แม้นจะรู้ว่าตนเองถูกมู่ชิงเกอใส่ความและควรจะแก้ตัว แต่เขาก็ไม่ทำ

ในดวงตาที่เรียวยาวและงดงามนั้น มีความเหยียดหยามอย่างคลุมเครือเกิดขึ้น ทำให้แรงอาฆาตในดวงตาของเนี่ยซงพุ่งทะลัก มือทั้งคู่ถูกแสงสีนํ้าเงินครอบคลุมไว้ในทันที

“ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่คนแซ่มู่พูดเมื่อครู่นี้ เจ้ายอมรับทั้งหมดอย่างนั้นสินะ” เนี่ยซงยังคงไม่ละความพยายามที่จะถาม

หานฉายไฉ่กลับหัวเราะเยาะ ในสายตาเต็มไปด้วยความขบขัน พลันพูดด้วยนํ้าเสียงที่เจือความความสงสารว่า “ช่างโง่เขลาเสียจริง ใครพูดอะไรก็เชื่อไปหมด”

“เจ้าอยากตายรึ!” เพราะความโกรธ เนี่ยซงจึงเกือบจะใช้พลังในทันที

แต่ทว่า กลับถูกท่านเนี่ยที่ยืนอย่างสงบอยู่ข้างๆ ห้ามเอาไว้ ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงกํ่า หลังจากที่ลูกชายของตนเองตายก็กลายเป็นเช่นนั้น ท่าทางของเขาดูโหดเหี้ยมและน่ากลัว

เขาห้ามเนี่ยซงเอาไว้ พลันเดินออกมา ดวงตาสีโลหิตกวาดผ่านหานฉายไฉ่ แล้วจึงหันไปหามู่ชิงเกอและถามว่า : “เจ้ามีหลักฐานอันใดที่จะมายืนยันว่า ที่เจ้าพูดนั้นเป็นความจริง” เขาไม่หลงเหลือสติใดแล้ว เพียงแต่ไม่อยากจะผิดพลาดจนปล่อยตัวคนร้ายตัวจริงไป ในขณะที่แก้แค้นให้กับลูกชาย

“หลักฐานอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มอย่างเย้ยหยัน สายตาที่เจือรอยยิ้มฉายแววเยาะเย้ย “ก็เพราะข้าหลงเชื่อในชื่อเสียงของหอสรรพสิ่ง จึงถูก พวกเขาดึงเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้น่ะสิ”

นางหันไปมองหานฉายไฉ่ พลางถามเสียงดังด้วยความโกรธที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่ “ตอนนี้ ข้าอยากจะถามท่านหานว่า ข้าเป็นเพียงแค่คนต่างบ้านต่างเมืองที่ผ่านมาและต้องการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลกับหอสรรพสิ่ง เหตุใดจึงต้องดึงข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องพวกนี้ วย หอสรรพสิ่งของท่านอยากจะเป็นผู้มีอำนาจเพียงหนึ่งเดียว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า นี่เป็นการกลั่นแกล้งคนต่างถิ่นที่ไม่มีทางสู้อย่างนั้นหรือ”

พูดถึงตรงนี้นางก็หันไปมองขบวนของเมืองจื้อ และตะโกนว่า “ทุกท่าน ข้าเคยพูดหรือว่าโอสถนั้นเป็นของข้าและเคยออกไปประกาศอะไรหรือไม่ ข้าเพียงแค่ถูกเชิญให้เข้าร่วมงานประมูลของหอสรรพสิ่งอย่างไร้ที่มา จากนั้นก็กลายเป็นเป้าหมายของทุกคน ตอนนั้นข้าเพียงคิดว่าจะคลี่คลายเรื่องนี้อย่างไร แต่ท่านหานกลับเข้ามาหา ให้ข้าออกจากเมืองจื้อไปตามเส้นทางที่เขาได้วางเอาไว้ข้าเองก็เพิ่งจะรู้ว่าตนเองถูกหลอกใช้หลังจากที่ออกมาจากผืนป่าแห่งนี้!”

ท่าทางของมู่ชิงเกอสมจริงเป็นอย่างมาก ราวกับว่า ตนเองเป็นคนที่ถูกกระทำจากเรื่องราวทั้งหมดนี้

หานฉายไฉ่ดูการแสดงของเขาโดยไม่พูดอะไร ราวกับว่าไม่เห็นผู้คนเมืองจื้อเหล่านั้นอยู่ในสายตา

ลูกน้องทุกคนของมู่ชิงเกอล้วนตะลึงกับภาพที่เห็น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้านายของตนเองจะมีพรสวรรค์ด้านการแสดงมากขึ้นเพียงนี้และทำการแสดงได้อย่างแนบเนียนเช่นนี้

“ไม่ใช่! ข้าเห็นกับตาว่าท่านผู้เฒ่าตานไปเอาโอสถเก้าชีวิตหวนคืนออกมาแลกเปลี่ยนกับข้าจากห้องของเจ้า” ในขณะที่ผู้คนเมืองจื้อล้วนเชื่อในการแสดงของมู่ชิงเกอ ทันใดนั้นก็มีคนแสดงความแปลกใจ

คนพูด แน่นอนว่าคือจูลี่

ความทรงจำที่เขามีต่อมู่ชิงเกอถือว่าชัดเจนเป็นอย่างมาก ก่อนอื่น คือความไม่พอใจที่นางสามารถเข้างานประมูลได้ ต่อมาคือรูปลักษณ์และท่าทางอันสง่างามของนาง จากนั้นคือการเปิดศึกการประลองอย่างดุเดือดกับนาง สุดท้ายคือเขาชนะและเสียเงินจนหมดตัว

ข้อสงสัยของจูลี่ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มลังเล

ในสายตาอันสว่างไสวของมู่ชิงเกอมีไอเย็นเยียบวาบผ่านปรากฏท่าทางโศกเศร้าแล้วหัวเราะออกมาเสียงเบา

ในเสียงหัวเราะนั้น ราวกับได้เต็มไปด้วยความทุกข์อันมหาศาล “หากเป็นโอสถของข้า ข้ายังจะต้องแย่งประมูลราคากับเจ้าหรือ ข้าเองก็แปลกใจเป็นอย่างมาก ว่าเหตุใดเจ้าเป็นผู้ชนะ แต่ท่านผู้เฒ่าตานกลับไม่ได้เข้าไปในห้องของเจ้า แต่เข้ามาในหัองของข้าแทน จากนั้นก็พูดคุยไปเรื่อยเปื่อย แล้วจึงออกไป อีกทั้งหลังจากที่จบงานประมูลยังห้ามให้ข้าออกจากประตูหลัก และให้ออกทางลับแทนด้วย”

คำพูดนี้ คลุมเครือเป็นอย่างมาก แต่กลับทำให้ทุกคนรู้สึกว่ามันสมจริงมาก

หากสามารถอธิบายทุกข้อสงสัยได้อย่างชัดเจน ก็จะยิ่งทำให้ผู้คนเกิดความเคลือบแคลงมิใช่หรือ?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version