Skip to content

พลิกปฐพี 105-2

ตอนที่ 105-2

สายเลือดแห่งเปลวเพลิง

“จนถึงตอนนี้ ข้าจึงได้เข้าใจว่าทั้งหมดนี้มีคนวางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว เหตุผลก็เพื่อเป้าหมายอันสกปรกที่ไม่อาจบอกใครได้” พูดจบสายตาของมู่ชิงเกอก็หันไปมองหานฉายไฉ่อย่างเคียดแค้นรังเกียจผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง

เพราะได้รับผลกระทบจากความรู้สึกของมู่ชิงเกอ ผู้คนเมืองจื้อต่างมองหานฉายไฉ่ด้วยความโกรธ

“ท่านหาน ท่านไม่คิดจะแก้ตัวสักหน่อยเลยหรือ” ท่านเนี่ยมองหานฉายไฉ่ด้วยสายตาที่แฝงความเย็นเยียบ ในแววตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต

หานฉายไฉ่ไม่มองเขาเลยแม้แต่เสี้ยวสายตาเดียว สายตาอันงดงามและน่าเย้ายวนนั่น หยุดอยู่บนตัวของมู่ชิงเกอ

ราวกับว่า คนที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้ มีเพียงร่างในชุดแดงที่สามารถดึงดูดความสนใจจากเขาได้

ท่าทางอันเย่อหยิ่งนั่น ทำให้ผู้คนเมืองจื้อต่างก็โกรธจนทนดูไม่ได้อีกต่อไป ทันใดนั้น ท่ามกลางผู้คนก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร

“หึ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าหอสรรพสิ่ง” ท่านเนี่ยพูดด้วยนํ้าเสียงเย็นเยียบ

ท่ามกลามผู้คนมีคนพูดด้วยความโกรธในทันทีว่า “หอสรรพสิ่งคิดจะกวาดล้างเราอยู่แล้ว ยังจะต้องไว้หน้าอีกหรือ ประมุขแห่งหอสรรพสิ่งบ้าบออะไรกัน ฆ่าให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย กำลังคนของเรามากมายถึงเพียงนี้จะตื่นตระหนกเพราะแค่ชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิงคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ”

‘รนหาที่ตายจริงๆ!’ มู่ชิงเกอแอบจุดเทียนไว้อาลัยในใจให้กับคนที่กล้าพูดตรงๆ ออกมาแบบนี้

แน่นอนว่า ทันทีที่เขาพูดจบ สายตาอันเย็นเยียบของมู่ชิงเกอก็หันมามองเขา เขายังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ล้มลงบนพื้นอย่างไม่อาจจะตั้งตัวได้

ฉากนี้ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างตื่นตระหนกและถอยหลังไปหลายก้าว

เนี่ยซงกลับเดินเข้ามา สังเกตสภาพของร่างไร้วิญญาณนั่น

“เจ้าฆ่าเขา!” เนี่ยซงหรี่ตาลง พลางเงยหน้าขึ้นถามหานฉายไฉ่อย่างกล่าวโทษ

สามารถสังหารคนได้อย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้เชียวหรือ ในใจของเนี่ยซงเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา ความสามารถของประมุขหอสรรพสิ่งนี้ คงไม่ง่ายจะต่อกรเป็นแน่

แต่ในตอนนี้หลานชายของตระกูลเนี่ยตายด้วยนํ้ามือของประมุขหอสรรพสิ่งผู้นี้ ระหว่างพวกเขาจะยังสามารถปฏิบัติต่อกันอย่างใจดีมีเมตตาได้อีกหรือ สายตาของเนี่ยซงฉายแววเคร่งขรึมและยังคงเต็มไปด้วยไอสังหาร

ดูเหมือนว่า ศึกในวันนี้จะต้องเกิดขึ้นจริงๆ เสียแล้ว !

โชคดีที่ว่า กำลังคนของพวกเขามีมาก ฝ่ายศัตรูจึงไม่สามารถลอบทำร้ายพวกเขาได้อย่างง่ายดาย!

เพียงพริบตา เนี่ยซงก็ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว

“แล้วอย่างไร” หานฉายไฉ่ยอมรับว่าตนเองเป็นคนสังหารอย่างตรงไปตรงมา ส่วนคนทั้ง 4 ที่อยู่ข้างๆ เขาก็ราวกับรู้สึกว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา

“หึ! ท่านผู้เฒ่าเนี่ย เจ้าสองคนนี่เย่อหยิ่งและอวดดีมากถึงเพียงนี้ข้าว่าสังหารไปเลยจะดีกว่า!” จูลี่ เดินไปหยุดอยู่ข้างๆ เนี่ยซง พลันพูดอย่างโหดเหี้ยม

คำพูดเหล่านี้ สะท้อนเข้าหูของมู่ชิงเกอและหานฉายไฉ่อย่างสมบูรณ์

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว มองจูลี่ด้วยสายตาที่ฉายแววความคลุมเครือ แต่หานฉายไฉ่แสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน และไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

รับรู้ถึงสายตาของมู่ชิงเกอ จูลี่พลันใช้สายตาอันเย็นเยียบและแฝงอันตรายมองนางแวบหนึ่งอย่างไร้ซึ่งความกลัว

ช่างกล้า!

มู่ชิงเกอแอบหัวเราะอย่างเย็นเยียบ

เป้าหมายของนางคือ การให้หานฉายไฉ่เผยธาตุแท้ของตนเองออกมา เพื่อทำให้เขาไม่สามารถนั่งชมเรื่องราวทั้งหมดอยู่เบื้องหลังอย่างสบายใจได้อีกต่อไป เรื่องที่จะทำให้ตนเองรอดพ้นจากเรื่องนี้ นางรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้

เพราะว่า ระดับความโลภของคนพวกนี้ แม้ว่าสิ่งที่นางพูดจะเป็นจริง พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะปล่อยนางไป และแน่นอนว่าต้องฆ่านางเสียแล้วจึงค้นด้วยตนเองว่ามีโอสถเก้าชีวิตหวนคืนจริงหรือไม่

แต่ว่า สิ่งที่ผิดไปจากที่นางคิดเอาไว้คือ หานฉายไฉ่กลับเย่อหยิ่งอย่างที่สุด ไม่อธิบายและขี้เกียจจะโต้เถียง ถึงขั้นไม่สนใจในชื่อเสียงของหอสรรพสิ่งที่กำลังจะเสียไป

“ใช่! ต้องฆ่าคนพวกนี้ให้หมด เพื่อเป็นการสังเวยให้กับดวงวิญญาณของผู้คนเมืองจื้อที่ตายในป่า!” เนี่ยซงพูด

“ฆ่า!”

“ฆ่า———- !”

ทันทีที่เสียงแห่งการสังหารดังขึ้น ผู้คนที่พุ่งตัวไปข้างหลังก็สาดฉายพลังสีต่างๆ

เนี่ยซงที่เป็นผู้นำสาดแสงประกายสีนํ้าเงินออกมา แสงระยิบระยับแสบตาเป็นที่หวาดกลัวและเป็นที่น่าอิจฉาของผู้คน

เขาได้ใช้ทักษะการสงครามของตนเองในทันที มือทั้งสองข้างกำแน่น พลังทั่วทั้งร่างกายปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ดาบอัสนีบาต————- !” เสียงร้องอันดังก้องของเนี่ยซง บริเวณมือที่กำแน่น ได้มีพลังเคลื่อนเข้ามารวมตัวกัน ดาบด้ามหนึ่งสาดฉายแสงประกายค่อยๆ ปรากฏขึ้นในอุ้งมือของเขา

ดาบยาวเล่มนั้น มีขนาดใหญ่จนทุกคนต้องเงยหน้าขึ้นมอง มันวาดลงมาจากฟากฟ้า ราวกับได้ผ่าท้องฟ้าแยกออกจากกัน

ดาบอันใหญ่เสียดฟ้าเล่มนี้ พุ่งเข้าหาหานฉายไฉ่พร้อมสายลม

ทันใดนั้น บริเวณที่หานฉายไฉ่อยู่กลายเป็นศูนย์กลางการโจมตี แทบจะ 2 ใน 3 ของกำลังคนและม้าจากเมืองจื้อต่างพุ่งเข้าหาเขาเหลือเพียงแค่ 1 ใน 3 ที่พุ่งตัวเข้าไปหามู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอยืนเอามือไพล่หลัง สำหรับคนที่พุ่งเข้ามานั้น นางทำราวกับไม่เห็น เพียงแค่จับจ้องการต่อสู้ระหว่างเนี่ยซงและหานฉายไฉ่อยู่ห่างๆ

มั่วหยางนำองครักษ์เขี้ยวมังกร ก่อตัวกันเป็นกำแพงกล้าที่ไม่อาจจะทะลุผ่านได้ตรงหน้ามู่ชิงเกออย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการเข้ามาของศัตรู เพื่อไม่ให้พวกเขาได้ก่อกวนมู่ชิงเกอเลยแม้แต่น้อย

ที่เหมือนกับองครักษ์เขี้ยวมังกร คือองครักษ์ทั้งสี่ของหานฉายไฉ่

ในขณะที่คนและม้าของผู้คนเมืองจื้อเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาก็ได้กระจายตัวออกไปทั้ง 4 ทิศ เพื่อป้องกัน แต่ว่าคนของพวกเขามีน้อย ศัตรูที่ต้องรับมือมีจำนวนมากและต่างฝ่ายต่างต้องต่อสู้ศัตรูที่สามารถหยุดเอาไว้ได้มีไม่มาก แต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่เปลี่ยนทิศทางและพุ่งโจมตีหานฉายไฉ่

มู่ชิงเกอค่อยๆ หรี่ตาลง นางเห็นสารถีของหานฉายไฉ่ยกแส้ม้าขึ้นสูงและสะบัดซ้ายขวาอย่างไม่รู้หยุด

เงาของแส้แต่ละที คอยปกป้องดอกไม้ที่อยู่ภายใต้ร่างของหานฉายไฉ่เอาไว้เป็นอย่างดี ผู้คนที่เข้าใกล้ต่างก็ถูกแส้ม้าเฆี่ยนตีจนตัวปลิวออกไป!

‘ผู้ที่สามารถปรนนิบัติประมุขแห่งหอสรรพสิ่งได้ ช่างเป็นผู้ที่มีความสามารถไม่ธรรมดาจริงๆ!’ มู่ชิงเกอแอบชื่นชมในใจ

ในตอนนี้ทักษะการสงครามของเนี่ยซงได้เสร็จสมบูรณ์ดาบที่สาดฉายแสงประกายลีนี้าเงินนำพาพลังอันมหาศาลที่ยากจะต้านทานเอาไว้ได้ ผ่าแส้เหล่านั้น และเล็งศีรษะของหานฉายไฉ่เอาไว้

หานฉายไฉ่เงยดวงตาดวงเรียวยาวดวงนั้นขึ้น ในสายตาอันฉายแววความเกียจคร้านมีเงาของดาบยาว และใบหน้าอันโหดเหี้ยมของเนี่ยซงสะท้อนอยู่

รอยยิ้มจางๆ ที่ฉายแววความเยาะเย้ยเกิดขึ้นตรงมุมปากของเขาอย่างไร้ร่องรอย

เขาค่อยๆ ยกมือขึ้น นิ้วมืออันเรียวยาวรับดาบที่พุ่งเข้าหาตนเองเอาไว้!

ดาบยาวหยุดลงอย่างกะทันหัน เพราะถูกหานฉายไฉ่ใช้นิ้วมือในการควบคุมเอาไว้จนไม่อาจขยับเลยแม้แต่น้อย

ฉากนี้ทำให้เนี่ยซงตื่นตระหนกและคิดจะหนี

แต่ว่า แน่นอนว่าในตอนนี้หานฉายไฉ่จะไม่ให้โอกาสเขาในการหนีเป็นแน่ บนใบหน้าปรากฏความโหดเหี้ยม ริมฝีปากสีแดงดั่งโลหิตค่อยๆ กระตุกขึ้นมา ในดวงตาที่สาดฉายแสงสีนํ้าเงินสะท้อนภาพของดาบยาวที่แตกกระจายและกลายเป็นเศษผงก่อนจะกระจายลงสู่พื้นดิน

“อัก——– !” ทักษะการสงครามถูกทำลาย ในปากพลันมีโลหิตสีแดงสดพุ่งทะลักออกมา และเดินถอยหลังไปหลายก้าว

“ท่านผู้เฒ่า!” ท่านเนี่ยที่สังเกตสถานการณ์ทุกอย่างอย่างใกล้ชิดรีบพุ่งตัวออกไปพยุงเขาเอาไว้

เนี่ยซงเอามือจับหน้าอกที่กำลังม้วนตัวเป็นเหมือนดั่งคลื่นแรงเอาไว้ ยังไม่ทันได้เช็ดคราบเลือดบริเวณมุมปาก พลันมองหานฉายไฉ่อย่างตื่นตระหนก และพูดกับท่านเนี่ยว่า “แย่แล้วรีบหนีไป!”

เสียงของเขาไม่ได้ดังมากนัก แต่ก็ทำให้ทุกคนที่ อยู่ ณ ที่แห่งนั้นได้ยินโดยทั่วกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version