ตอนที่ 347
เจ้าบังอาจมาก!
หานฉายไฉ่เดินกลับไปที่ห้องหนังสือของตนเอง กลับพบว่าในห้องไม่มีใครนอกจากเทียนที่เปล่งแสงอยู่ในห้อง รอบด้านดูหนาวเหน็บ
ไหนเลยจะเหมือนมีเรื่องด่วนที่จำเป็นต้องให้เขาจัดการ?
นัยน์ตาของหานฉายไฉ่ฉายแวววาววาบ แวบเดียวก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล!
เขาชะล่าใจเกินไป! เดิมทีคิดว่าอยู่ในพื้นที่ของตนเองจะไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่ามีคนวางแผนล่อให้เขาออกมา เช่นนั้นเป้าหมายของฝ่ายตรงข้าม หากไม่ใช่เขาก็ต้องเป็นมู่ชิงเกอ!
เพียงคิดถึงความปลอดภัยของมู่ชิงเกอ ทั้งหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมา
หานฉายไฉ่ไม่ทันได้คิดอย่างละเอียดว่าใครเป็นคนลอบวางแผนเรื่องราวทั้งหมดนี้ ตอนนั้นคิดแค่เพียงต้องการจะรีบกลับไป
กลับไม่คิดว่า เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากประตูไปก้าวหนึ่ง ทางข้างหน้าก็มีคนมาขวางอยู่แล้ว
“อี้เหริน?” เมื่อมองหน้าของคนที่มาชัดๆ หานฉายไฉ่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที
“พี่รอง ท่านจะรีบไปไหนงั้นหรือ?” หานอี้เหรินขวางอยู่ที่ประตูไม่ให้เขาไปไหน
ทำให้ใบหน้าของหานฉายไฉ่เย็นชาและพูดออกไปด้วย นํ้าเสียงที่โกรธเคืองว่า “หลีกไป!”
“ท่านบอกข้ามาว่าท่านจะไปทำอะไร แล้วข้าจะหลีกทาง” หานอี้เหรินไม่ยอมหลีกทาง
หานฉายไฉ่ขมวดคิ้ว เขามองหานอี้เหรินแล้วถามว่า “เจ้าวิ่งมาที่นี่ดึกดื่นป่านนี้มีเรื่องอะไร? หากว่าไม่มีก็รีบไป กลับไปเรือนของตนเอง”
“ข้ามาก็ต้องมีเรื่องหาท่านอยู่แล้ว” หานอี้เหรินยิ้มและพูดออกมา
หานฉายไฉ่พูดอย่างรีบร้อน “มีเรื่องอะไร พรุ่งนี้ค่อยพูดกัน”
พูดจบเขาก็เดินอ้อมหนีหานอี้เหรินไป แต่ทว่าพอขยับได้นิดหน่อยหานอี้เหรินก็ขวางทางข้างหน้าเขาไว้พร้อมกับยื่นสองแขนไปปิดประตู “พี่รอง เรื่องนี้ของข้ารอข้าไม่ได้ ท่านฟังข้าพูดก่อน แล้วค่อยไปจัดการเรื่องของท่าน”
อุโมงค์ทางเดินของห้องเก็บสุรา มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา มู่ชิงเกอเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้านั้น ‘คนๆ นี้ไม่ใช่หานฉายไฉ่ และก็ไม่ใช่สาวใช้คนเมื่อครู่’
หลังจากคิดเสร็จ สายตาของมู่ชิงเกอก็ตกไปอยู่ที่ถ้วยสุราตรงหน้าอีกครั้ง
ในถ้วยสุรานั้น บรรจุสุราที่เพิ่งส่งเข้ามาเมื่อครู่ แต่นางกลับไม่ได้ดื่มเลยแม้แต่คำเดียว
เวลานี้เอง เจ้าของเสียงฝีเท้าก็เข้ามาในห้องเก็บสุรา มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างผอมเพรียว ลักษณะท่าทางของชายผู้นั้นมีส่วนคล้ายกับหานฉายไฉ่ แต่ว่าไม่ได้ดูมีเสน่ห์เท่าเขา
ยิ่งไปกว่านั้นสายตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย หว่างคิ้วเขียวคลํ้าดูเสื่อมโทรม
“คนงาม ข้ามาแล้ว!” เพียงหานหัวหั่วเข้ามาถึง เมื่อมองเห็นมู่ชิงเกอเขาก็สูดหายใจเข้าอย่างอดไม่ได้ แววตาทั้งคู่เปล่งแสงประกายแวววับออกมา
คำพูดที่ดูเจ้าชู้เช่นนี้ทำให้สายตาของมู่ชิงเกอเย็นชาขึ้น
เจ้าบ้าที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนคนนี้ กลับกล้ามาล่อเล่นกับนางงั้นหรือ?
ไม่รู้ว่ากำลังรนหาที่ตายจริงๆ น่ะหรือ!
หานหัวหั่วไม่ทันสังเกตเห็นสายตาอันเย็นชาของมู่ชิงเกอ เพราะมัวแต่ตกตะลึงอยู่กับรูปลักษณ์ของเขา ด้วย ระยะที่ใกล้แค่นี้เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งมองยิ่งงาม ยิ่งมองยิ่งชวนหลงใหล
เขาก็ยิ่งรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ แทบทนไม่ไหวคิดอยากจะโอบคนงามนี้มาอยู่ในอ้อมแขน อยากฟัดแรงๆ สักรอบหนึ่ง ฟังเสียงร้องครวญครางของเขาใต้ร่างของตนเอง
ในสมองของหานหัวหั่วในตอนนี้เต็มไปด้วยเรื่องสกปรก หัวใจดุจดั่งมีไฟเผา แทบจะทนไม่ไหว โผเข้าไปหามู่ชิงเกอ
ปัง!
มู่ชิงเกอสะบัดมือออกไป นัยน์ตาเผยความรังเกียจออกมา
ร่างที่พุ่งเข้าไปของหานหัวหั่ว ดุจดั่งปะทะชนเข้ากับกำแพงโปร่งแสง สะท้อนกลับคืนมา ตกลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง การปะทะนี้ ทำให้เขาได้สติขึ้นมาในทันที ถึงได้สังเกตเห็นถ้วยสุราตรงหน้าของมู่ชิงเกอ
“เจ้าไม่ได้ดื่ม!” หานหัวหั่วหลุดเสียงออกไป
เขาคำนวณเวลาแล้ว ถึงได้เข้ามา เดิมคิดว่ามู่ชิงเกอดื่มสุราสูตรพิเศษของเขาแล้วสูญเสียสติไป แต่คิดไม่ถึงว่า เขากลับไม่ได้ดื่มเลย
มู่ชิงเกอค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าของนางดูเลือดเย็น ก้มลงมองเขาพร้อมกับพูดว่า “ดูแล้ว สุราที่เติมวัตถุดิบลงไปนี้ เป็นเจ้าที่ส่งมาสินะ”
หานหัวหั่วมีท่าทางเปลี่ยนไปในทันที “เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างไร…” เขารู้ได้อย่างไรว่าในสุรานั้นเติมของบางอย่างลงไป?
“ทำไมข้าถึงรู้น่ะหรือ?” มู่ชิงเกอพึมพำออกมาพร้อมกับ ยิ้มที่มุมปาก
“หานอี้เหริน เจ้ามีอะไรก็ริบพูดออกมาเถอะ” หานฉายไฉ่โดนหานอี้เหรินขวางอยู่ที่ประตู ความอดทนมาถึงขีดสุดแล้ว
แม้ว่าเขาจะรู้ถึงความสามารถของมู่ชิงเกอ ว่าน้อยคนนักที่จะสามารถทำร้ายนางได้ แต่ภายในใจก็ยังคงกังวลไม่หยุด คนที่อยู่ตรงหน้า หากว่าไม่ใช่หานอี้เหรินก็คงโดนเขาฆ่าตายในกระบวนท่าเดียวไปนานแล้ว
“ก็เรื่องท่านกับชิงเหลียนไง ตระกูลหร่วนเองก็เร่งเร้ามาหลายครั้งแล้ว ข้าดูบิดาเองก็ได้ตัดสินใจแล้ว” หานอี้เหรินพูด
“เรื่องนี้เองหรอกหรือ?” คิ้วของหานฉายไฉ่ขมวดแน่นขึ้น
หานอี้เหรินพยักหน้า “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเรื่องใหญ่ตลอดทั้งชีวิตของท่าน แน่นอนว่าเป็นเรื่องสำคัญ ชิงเหลียนนั้นไม่เลวเลย บริสุทธิ์ไร้เดียงสาทั้งยังควบคุมง่าย ทั้งตัวนางเองมีตระกูลหร่วนอยู่เบื้องหลัง พี่รอง ข้าไม่เข้าใจว่าท่าน จะยังลังเลอะไรอยู่อีก เหตใดถึงได้ปฏิเสธตลอด”
หานฉายไฉ่ยังคงปิดปากแน่น นัยน์ตาเรียวยาวของเขามองไปที่หานอี้เหรินแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “เรื่องคืนนี้ เจ้าเป็นคนสร้างขึ้นใช่ไหม?”
ยิ่งคิด เขายิ่งสงสัยมากยิ่งขึ้น
หากไม่ใช่หานอี้เหรินเป็นคนทำ แล้วเหตุใดตอนเขาจะออกไป นางถึงมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ ทั้งยังเอาคำพูดไร้สาระมารั้งเขาอีก?
“เรื่องอะไรงั้นหรือ?” หานอี้เหรินถามกลับ
ทันใดนั้น หานฉายไฉ่ก็จับข้อมือของนาง แล้วยกแขนนางขึ้นมา พูดขู่ด้วยนํ้าเสียงที่เย็นชาว่า “เจ้าอย่าแสร้งทำเป็นโง่หน่อยเลย หากว่าเจ้ามีแผนการชั่วร้ายอะไร ทางที่ดีก็ให้เก็บไปซะ มิเช่นนั้นแม้แต่ข้าก็คงช่วยเจ้าไม่ได้!”
“พี่รอง ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจจริงๆ” หานอี้เหรินขัดขืนเอ่ยออกมา
หานฉายไฉ่บีบใกล้นางขึ้นเรื่อยๆ ตะคอกถามว่า “บอกข้ามา เจ้ามีแผนการอะไร? คิดจะทำอะไร?”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!” หานอี้เหรินแก้ต่างให้ตนเอง
หานฉายไฉ่กลับหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา “เจ้าคิดว่าข้าจะ เชื่อเจ้างั้นหรือ?”
เขาเข้าใจน้องสาวของเขาคนนี้ดี นางมีเล่ห์เหลี่ยม แต่กลับไม่ฉลาดพอ ไม่รู้จักตำแหน่งของตัวเองอย่างชัดเจนและยังไม่รู้ถึงความสามารถของศัตรูดีพอ
ลมหายใจของหานฉายไฉ่ค่อยๆ เย็นลงเรื่อยๆ ความเย็นชาในนัยน์ตาเรียวยาวมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้สายตาของเขา หานอี้เหรินเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา พึมพำออกมาว่า “ข้าเห็นพี่ใหญ่เดินเข้าไปในห้องเก็บสุราของท่าน”
“อะไรนะ!” นัยน์ตาเรียวยาวของหานฉายไฉ่เบิกกว้างขึ้น เขาสลัดหานอี้เหรินทิ้ง ไม่สนใจว่านางจะกองอยู่กับพื้น แล้วก็หายไปในทันที
หานอี้เหรินลุกขึ้นมาจากพื้นใบหน้าดูมืดครึ้มลูบข้อมือที่มีรอยแดงอยู่ นางผลักทุกอย่างไปยังหานหัวหั่ว ถึงแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา ก็ยังมีเขารองรับความโกรธของหานฉายไฉ่
ก็แค่ มู่ชิงเกอนั้น…
สายตาของหานอี้เหรินดูน่ากลัว ในใจก็คิดว่า ‘เวลาก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าหานหัวหั่วจะได้เศษสวะนั้นมาอยู่ในมือหรือยัง หากว่ายังไม่สำเร็จดี ก็เยี่ยมไปเลย ให้พี่รองได้เห็นด้วยตาตนเองว่าคนที่เขารักและคิดถึงนั้นทำเรื่องน่าเกลียดแบบไหนกับหานหัวหั่ว’
กลอกตาไปมา แล้วหานอี้เหรินก็วิ่งไปยังห้องเก็บสุราเช่นกัน
เรื่องสนุกขนาดนี้นางจะพลาดได้อย่างไรเล่า?
ภายในห้องเก็บสุรา หานหัวหั่วรู้สึกว่าแขนขาของตนเองไม่สามารถควบคุมได้ เหมือนกับว่ามีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นควบคุมเอาไว้หลุดออกไม่ได้
ส่วนมู่ชิงเกอกลับถือถ้วยสุรา เดินมาทีละก้าวๆ เข้ามาที่ตนเองอย่างช้าๆ
“เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าคือคุณชายใหญ่ของตระกูลหานเชียวนะ!” หานหัวหั่วพูดอย่างลนลาน พร้อมกับแสดงสถานะของตนเองออกไป หวังว่าจะสามารถทำ ให้ตนหลุดออกไปจากที่นี่ได้
แต่ว่า เมื่อมู่ชิงเกอได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็ไม่ได้หยุด ยังคงเดินเข้าไปหาเขา เรื่อยๆ สายตาของนางเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและเย็นชา
ทันใดนั้นหานหัวหั่วก็พบว่า คนตรงหน้าไม่ได้สนใจถึงสถานะของเขาเลย ความหวาดกลัวพุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจแพร่กระจายออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
มู่ชิงเกอเดินมาถึงตรงหน้าของเขา ก้มลงมองหานหัวหั่ว ที่นอนอยู่บนพื้นไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ พูดออกมาอย่างช้า ๆ ว่า “เจ้าเป็นใครนั้นข้าไม่สนใจ แต่ว่าข้ากลับสนใจสิ่งที่อยู่ในสุราที่เจ้าส่งมานี่ต่างหากว่าเติมอะไรลงไปกันแน่”
พูดจบแล้ว นางก็ยกเท้าขึ้นเหยียบที่หน้าอกของหานหัวหั่ว กดลงไปอย่างรุนแรง ทำให้หานหัวหั่วอ้าปากออก ในตอนนี้เองมือของมู่ชิงเกอก็เอียงถ้วยสุรา นํ้าสุราที่อยู่ด้านใน ไหลงจากที่สูงตกเข้าไปในปากของหานหัวหั่ว หานหัวหั่วพยายามขัดขืนแต่ไม่ได้ผล นํ้าสุราส่วนมากล้วนแต่ไหลเข้าไปในปากของเขา
ส่วนเวลานี้ในที่สุดหานฉายไฉ่ก็กลับมาถึง และเห็นฉากนี้เข้าพอดี
เมื่อได้เห็นว่ามู่ชิงเกอไม่เป็นอะไร หายฉายไฉ่ถึงได้โล่งใจขึ้นมา แล้วก็ค่อยมองไปยังหานหัวหั่วที่ถูกมู่ชิงเกอเหยียบไว้ใต้เท้า ใบหน้าอันมีเสน่ห์เคร่งขรึมขึ้นในทันที แฝงร่องรอยบ้าคลั่ง
มู่ชิงเกอโยนถ้วยสุราเปล่าในมือลงพื้น เก็บเอาเท้าออกจากร่างของหานหัวหั่ว มองไปยังหานฉายไฉ่ด้วยน้ำเสียงที่เรียบสงบว่า “เจ้ามาแล้ว พอดีเลย มีเรื่องสนุกให้ดู”
ในตอนนี้เองหานหัวหั่วถึงได้เห็นเงาร่างของหานฉายไฉ่ ชั่วขณะนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวขึ้นมา แต่เขาก็ยังถือว่าฉลาดอยู่รีบตะโกนบอกหานฉายไฉ่ว่า “น้องรอง คนผู้นี้ทำร้ายข้า! เจ้ารีบช่วยข้าฆ่าเขาที! ไม่ ไม่ต้องฆ่าเขา! ขังเอาไว้ก่อน ทรมานให้หนัก รอเขาเปลี่ยนนิสัยแล้ว ค่อยส่งให้ข้าจัดการเอง!”
หานฉายไฉ่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ดูบ้าคลั่งอำมหิต พร้อมกับยกเท้าเตะเข้าที่ท้องของหานหัวหั่วอย่างเหี้ยมโหด
“อ๊าก!” หานหัวหั่วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พูดด้วยความโมโหออกไปว่า “หานฉายไฉ่ เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง! ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้านะ! นี่เจ้าช่วยคนอื่นมาทำร้ายข้างั้นหรือ?”
หานฉายไฉ่ขี้เกียจที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา ต่อยตีเขาไปยกหนึ่ง
มู่ชิงเกอยืนอยู่ข้างๆ มองดูด้วยสายตาที่เย็นชา
หานฉายไฉ่ใช้กำปั้นต่อยลงไปโดยไม่ได้ใช้พลังจิต ไม่นานแนวกระดูกบนหลังมือของก็ฉีกออก เลือดไหลออกมา ด้านหานหัวหั่วก็ยิ่งแย่ เขาโดนต่อยตีจนหน้าบวม จมูกเขียว ดูเหมือนจะถูกตีจนเกือบจะพิการไปแล้ว
ภายในห้องเก็บสุรา มีเพียงเสียงโหยหวนไม่หยุดของหานหัวหั่ว
เมื่อหานอี้เหรินพุ่งเข้ามา ก็ได้เห็นภาพที่หานฉายไฉ่ทุบตีหานหัวหั่วอยู่ตรงหน้า ส่วนคนที่นางเกลียดที่สุด กลับยังยืนอยู่ดีๆ ด้านข้าง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สายตาอันเยือกเย็นของมู่ชิงเกอมองไปที่หานอี้เหริน ไม่ได้พลาดประกายความผิดหวังที่ฉายวาบขึ้นในดวงตาของนาง
นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในใจขยับไหว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปในทันที
“พี่รอง ท่านกำลังทำอะไร?” หานอี้เหรินตื่นขึ้นมาจากความผิดหวังรีบเดินเข้าไปลากหานฉายไฉ่ให้หยุด ในใจคิดต่อว่าหานหัวหั่วที่ไร้ประโยชน์
“หลีกไป!” หานฉายไฉ่พลิกมือ โยนหานอี้เหรินลงไปกองบนพื้น
ตอนนี้ หานหัวหั่วที่โดนทุบตีเหมือนสุนัขตายก็ไม่ปาน นอนตัวขด ถูสองขาไปมา ส่งเสียงร้องครวญครางออกมาไม่หยุด เมื่อเสียงครวญครางดังขึ้นในห้องเก็บสุรา เพียงหานฉายไฉ่ได้ยิน ก็คิดไปถึงสุราที่มู่ชิงเกอเทกรอกลงไปในปากของหานหัวหั่วในตอนที่เขาเข้ามา ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็แทบจะระเบิดออกมา
เขาดึงชายเสื้อของหานหัวหั่วขึ้นมา และต่อยลงไปแรงๆ ที่ใบหน้าของเขา ตะคอกว่า “เจ้าบังอาจนักนะ!”