ตอนที่ 348
ไว้ชีวิตนางสักครั้ง ข้าจะปล่อยมือ
ภายในร่างกายของหานหัวทั่วในตอนนี้ฤทธิ์ยากำลังออก ฤทธิ์ทั้งตัวคนอ่อนปวกเปียกไปหมด
เห็นได้แล้วว่ายานั้นมีฤทธิ์ร้ายแรงขนาดไหน!
หากว่ามู่ชิงเกอดื่มลงไปแล้วจริงๆ หานฉายไฉ่ไม่กล้าคิดถึงผลลัพธ์เลย แม้ว่าในใจของเขาจะรู้ว่าฝีมือแค่นี้ไม่สามารถต่อกรกับมู่ชิงเกอได้ แต่ก็ยังอดกลัวไม่ได้
ตอนนี้นั้นเขาแค้นจนอยากจะฆ่าหานหัวหั่วให้ตาย
แต่ในตอนที่เขาจะลงมือนั้น หานอี้เหรินกลับตะโกนเสียงดังขึ้นว่า “พี่รอง! ท่านเคยสัญญากับบิดาไว้ว่าจะไม่ทำร้ายพี่ใหญ่ถึงตาย! หากว่าท่านทำ ตำแหน่งประมุขน้อยของท่านก็อาจจะต้องสิ้นสุดลงแล้ว”
การเคลื่อนไหวของหานฉายไฉ่หยุดชะงักไป ใบหน้าดูบ้าคลั่งน่ากลัว พลังจิตที่รวมอยู่ในมีดสั้นไม่ยอมจางหายไป
“พี่รอง!” เห็นเขายังไม่ยอมปล่อยหานหัวหั่ว หานอี้เหรินก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
แต่คำพูดของนางเพิ่งจะหลุดออกไป มีดสั้นในมือของหานฉายไฉ่ก็เกิดเปลวไฟลุกขึ้นในทันใด
เขาชูมือขึ้นแล้วลงมือท่ามกลางอาการตกตะลึงของหานอี้เหรินและมู่ชิงเกอที่ดูเย็นชา สะบัดไปยังกึ่งกลางหว่างขาของหานหัวหั่ว
“อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนดังสะท้อนไปออกไปจากคลังเก็บสุรา
แต่ว่าเมื่อสะท้อนออกไปถึงด้านนอกก็ถูกความมืดกลืนกินไป
ชิ้นส่วนเนื้อเปื้อนเลือดหล่นลงจากร่างของหานหัวหั่ว กลิ้งบนพื้นดินหลายรอบและเปื้อนฝุ่น ส่วนแผลที่หว่างขาของเขาก็ถูกเปลวไฟเผาไหม้ เจ็บปวดจนเขาตื่นขึ้นมาจากฤทธิ์ยา แล้วก็หมดสติไปอีก
ชิ้นส่วนเนื้อเปื้อนเลือดที่กลิ้งไปอีกทางนั้น มู่ชิงเกอไม่แม้แต่จะหันไปมองสักแวบ นางเบนสายตาออก นางรังเกียจไม่อยากให้ดวงตาของตนเองต้องแปดเปื้อน เพราะมัน
ส่วนหานอี้เหรินกลับยืนหน้าซีดอยู่ที่เดิมริมฝีปากสั่นเล็กน้อย
นางคิดไม่ถึงว่าหานฉายไฉ่จะโมโหขนาดนี้ และก็ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ตอนที่แย่งชิงตำแหน่งประมุขน้อยนั้น เขาถูกกำลังทางฝั่งของหานหัวหั่วกดดันแต่ก็ไม่เคยโมโหเช่นนี้มาก่อน
แต่มาวันนี้ เขากลับทำเช่นนี้เพียงเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง…
หานอี้เหรินค่อยๆ ได้สติจากอาการตกตะลึง หันคออันแข็งทื่อมองไปยังมู่ชิงเกอ ทันใดนั้นก็พูดเสียงแหลมออกมาว่า “เป็นเจ้า! ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้า!”
“หุบปาก!” หานฉายไฉ่หันไป ใช้พลังจิตตบไปบนแก้มของหานอี้เหริน
ชั่วขณะนั้น เขาตบนางจนเลือดกลบปาก ฟันหัก กลิ้งไปบนพื้นหลายรอบ
เปลวไฟบนหว่างขาของหานหัวหั่ว ค่อยๆ จางหายไป ตรงส่วนนั้นถูกเผาจนเกรียม แม้จะเป็นเทพเซียนก็ยากที่จะกู้คืนดังเดิมได้
หานฉายไฉ่หันไปมองมู่ชิงเกอ ความบ้าคลั่งบนใบหน้าถอยกลับคืน เขาเอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วย ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าคิดอยากจะฆ่าเขาให้เจ้า แต่ข้าก็ไม่สามารถทำได้…”
มู่ชิงเกอมองเขาอย่างสงบ ค่อยๆ เอ่ยปากขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าจัดการแล้ว ข้าก็จะไม่สอดมือ แต่ว่าต่อไปอย่าให้เขามาปรากฎตัวอยู่ต่อหน้าข้าอีก”
หานฉายไฉ่พยักหน้า
ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็เอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่าตอนนี้ข้าสงสัยว่าที่เขาหาที่นี่พบนั้นเป็นเพราะมีใครชักใยอยู่เบื้องหลังหรือไม่”
นางกับหานหัวหั่วไม่เคยพบกันมาก่อน เหตุใดเขาจึงมาวางยาตนเอง?
รวมกับท่าทางของหานอี้เหริน หากว่าบอกว่าทั้งสองคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน ถึงให้ตายนางก็ไม่เชื่อ คิดว่านางโง่หรืออย่างไร!
คนที่คิดจะเล่นงานนาง นางไม่ยอมปล่อยไปแน่นอน
นางไม่ได้มีจิตใจเยี่ยงพระโพธิสัตว์ ยิ่งไม่ใช่คนใจกว้าง คำพูดสงสัยของนางเพิ่งจะหลุดออกไป หานฉายไฉ่ก็หันไปมองหานอี้เหรินที่กุมปากสีหน้าซีดขาวคลานอยู่บนพื้น
“ไม่…ไม่ใช่ข้า…” ถูกหานฉายไฉ่มองมาเช่นนั้น หานอี้เหรินก็เอ่ยออกไปอย่างหวาดกลัว
แต่ว่าหานฉายไฉ่กลับไม่เชื่อแม้แต่ครึ่งคำ ก้าวเข้าไปหานางทีละก้าว เงาร่างสูงใหญ่โอบคลุมตัวนางเอาไว้ “บอกข้ามาว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?”
เผชิญหน้ากับหานอี้เหริน หานฉายไฉ่ไม่ได้ใช้ความเด็ดขาดเช่นเดียวกับหานหัวหั่ว แต่ภายในนํ้าเสียงดุดันซ่อนความปวดใจเอาไว้
หานอี้เหรินไม่เคยคิดมาก่อนว่าหานฉายไฉ่จะทำกับตนเองเช่นนี้
ทันใดนั้น นางก็หลุดปากตะโกนออกไปว่า “ข้ากำลังช่วยท่านนะ! ตัวท่านไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือ? ข้าไม่อาจยอมให้ท่านเดินเส้นทางเดียวกันกับหานหัวหั่วได้! ท่านจะชอบใครไม่ชอบดันไปชอบผู้ชายคนหนึ่ง? แม้ว่าจะงดงามแค่ไหนก็เป็นเพียงแค่ผู้ชาย เขาสามารถสืบทอดทายาทแก่ตระกูลหานได้งั้นหรือ? ต่อไปท่านจะกลายเป็นประมุขตระกูลหาน ไม่อาจแปดเปื้อนเพราะผู้ชายคนหนึ่งได้!”
“นั่นเป็นเรื่องของข้า!” หานฉายไฉ่คำรามออกมา
แต่มู่ชิงเกอกลับถูกคำว่า ‘ผู้ชาย’ ของนางทำให้เลิกกระดากใจ
แต่นางจะไม่อธิบายอะไร และก็ไม่ได้จำเป็นต้องอธิบายอะไร
เพียงแต่ว่าหานอี้เหรินคิดมากเกินไปแล้ว ระหว่างนางกับหานฉายไฉ่นั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
หานอี้เหรินถูกหานฉายไฉ่ตะคอกใส่ก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้น นางมองไปทางมู่ชิงเกอแล้วตะโกนออกมาว่า “ล้วนแต่เป็นเพราะเจ้า! หญิงงามเป็นเคราะห์กรรมอะไรกัน ข้าดูแล้วเจ้าที่เป็นผู้ชายก็เป็นเคราะห์กรรมหนึ่งเช่นเดียวกัน! พี่รองของข้าตกไปอยู่ในมือของเจ้าได้อย่างไร? ไม่เพียงแต่พี่รองของข้า ยังมีใต้เท้าท่านนั้น ในสายตาของเขาก็มี เพียงแต่เจ้า!”
คำพูดของนางทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย มองไปยังนางเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “หากเจ้าไม่เตือนข้า ข้าก็เกือบลืมไปเลย”
นางเดินเข้าไปหาหานอี้เหรินไม่สนใจว่าหานฉายไฉ่ก็อยู่ข้างกาย ก้มมองนาง รอยยิ้มดูอำมหิต “ผู้ชายของข้า เจ้าก็สามารถคิดจับจองได้งั้นหรือ?”
‘ผู้ชายของข้า’ ในคำพูดของนางทำให้นัยน์ตาของหานอี้เหรินเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมา ความหวาดกลัวนี้แฝงไปด้วยความรังเกียจ นางพูดอย่างรังเกียจกับมู่ชิงเกอว่า “ที่แท้เจ้าชอบผู้ชายจริงๆ!”
“ข้าชอบผู้ชายแล้วเป็นอย่างไร?” มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างขบขันขึ้นมา
หานอี้เหรินยิ่งรู้สึกคลื่นไส้มากขึ้น นางมองหานฉายไฉ่ แล้วเอ่ยว่า “ท่านอาศัยความชอบนี้ของพี่ใหญ่ถึงลากเขาลงมาจากตำแหน่งประมุขน้อยได้ เหตุใดตอนนี้ตนเองกลับจมเข้าไปเองเล่า?”
หานฉายไฉ่ฟังคำพูดของนางจนสีหน้าบิดเบี้ยวเขียวคลํ้า เพียงแต่เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก มู่ชิงเกอก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “เรื่องตระกูลหานของเจ้านั้นไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไม่คิดจะสอดมือ แต่ว่าเจ้าไม่สมควรมายั่วยุข้า”
“หานอี้เหริน เจ้าทำอะไรลงไปลับหลังข้ากันแน่?” หานฉายไฉ่กัดฟันถามออกไป
หานอี้เหรินสะดุ้ง ท่าทางเปลี่ยนเป็นดูวุ่นวายสับสนขึ้น ปฏิกิริยาเช่นนี้ของนางทำให้หานฉายไฉ่ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกแล้ว นัยน์ตาเรียวยาวของเขาเผยรอยยิ้ม ปวดใจ “เจ้าลงมือไปแล้ว ข้าได้เตือนเจ้าหลายครั้งแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่ฟัง?”
“ข้าทำเพื่อท่านนะ!” หานอี้เหรินแก้ต่างเสียงดัง
นางทุ่มเทสนับสนับสนุนให้หานฉายไฉ่ได้ตำแหน่งประมุขน้อยอย่างเต็มที่ ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วหานฉายไฉ่พ่ายแพ้ ถูกทำลายไป นางก็ไม่มีจุดจบที่ดี ดังนั้นนางไม่อาจยอมให้หานฉายไฉ่พลาดพลั้งได้
“เจ้าพอแล้ว! ไม่ต้องหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองอีก เจ้าคิดว่าข้ายังเป็นหนุ่มน้อยที่ถูกตระกูลทอดทิ้งแล้วต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าถึงสามารถหลบหนีการไล่ล่าคน นันอยู่อีกหรือ? ข้าชัดเจนดีว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำอะไร และก็รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ” หานฉายไฉ่ตะคอกเสียงดัง
คำพูดของเขาทำให้มู่ชิงเกอกวาดตามองไปที่เขา นางได้ยินความเจ็บปวดในคำพูดนั้น
“ชิงเกอ…” ทันใดนั้นหานฉายไฉ่ก็มองไปทางมู่ชิงเกอ ใบหน้าที่ดูเหมือนปีศาจข่มกลั้นความบ้าคลั่งเอาไว้ “ไว้ชีวิตนางสักครั้ง ข้ารับรองว่าจะไม่ให้นางมีความคิดที่ไม่สมควรมีอีกเด็ดขาด”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดจา
หานอี้เหรินกลับวุ่นวายจับชายเสื้อของหานฉายไฉ่ ตะโกนใส่เขาว่า “เหตุใดท่านต้องขอร้องเขา! เขามีสิทธิ์อะไรทำให้ท่านที่เป็นประมุขน้อยของตระกูลหานก้มหัวให้? เป็นเพียงแค่คนชั้นตํ่าที่ใช้ร่างกายยั่วยวนคนอื่นขึ้นมาก็เท่านั้น”
“หานอี้เหริน!” หานฉายไฉ่หันไปมองนาง นัยน์ตาเรียวยาวฉายแววแข็งกร้าวดุดัน
เขาค่อยๆ ส่ายหน้า “ไม่ช้าก็เร็วความโอหังของเจ้าจะทำให้เจ้าตาย แทนที่จะปล่อยให้เจ้าไปตาย ข้ายอมให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างคนโง่ไปตลอดชีวิตเสียจะดีกว่า!’’
พูดแล้ว เขาก็ลงมือในทันใด ฝ่ามือฟาดเข้าไปยังกระหม่อมของหานอี้เหริน
เขาลงมืออย่างดุดันเช่นนี้ ทำให้ตัวมู่ชิงเกอเองก็รู้สึ แปลกใจ เดิมทีนางคิดว่าหานฉายไฉ่จะเพียงลงโทษเล็กน้อย แล้วดูแลควบคุมหานอี้เหรินให้ดีๆ ก็เท่านั้น เห็นแก่หน้าของหานฉายไฉ่ นางก็ไม่ได้คิดจะฆ่านางให้ได้
แต่ว่า นางกลับคิดไม่ถึงว่าหานฉายไฉ่จะลงมือเด็ดขาด เช่นนี้
เปรี้ยง!
หานอี้เหรินชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง เลือดสีแดงหยดหนึ่ง หยดลงมาจากหน้าผากของนาง
ในตอนที่สติของนางกำลังกระจายหายไปนั้น ก็ได้ยินมู่ชิงเกอพูดอย่างคลุมเครือ “เหตุใดเจ้าไม่บอกนางไปตรงๆ ว่าข้าเป็นผู้หญิง เรื่องที่นางเป็นกังวล ไม่ว่าเจ้าจะชอบผู้ชายหรือไม่ เรื่องราวระหว่างข้ากับเจ้าก็ไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด?”
มู่ชิงเกอเป็นผู้หญิง?
ผู้หญิง!
นี่เป็นไปได้อย่างไร?
ตรงหน้าของหานอี้เหรินมืดลง สลบไป
หานฉายไฉ่มองหานอี้เหรินที่สลบลงไปอย่างเงียบเชียบ เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา เขาเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “อิงตามนิสัยของนางแล้ว แม้ว่าวันนี้เจ้าจะยอมปล่อยนางไป จะต้องมีสักวันที่นางจะต้องออกนอกกรอบอย่างแน่นอน เกิดอยู่ในตระกูลหานนี้พบเจอกับเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายมาเยอะเกินไป ข้าไม่คิดอยากจะให้นางเอาชีวิตเข้าไปแขวนเอาไว้ด้วย ยิ่งไม่อยากให้นางทำให้ทั้งตระกูลหานล่มสลายเพราะความโง่ของตนเอง ทำเช่นนี้กับนางเป็นทางออกที่ดีที่สุด ต่อไปก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไป ข้าก็จะดูแลนางเป็นอย่างดีเอง”
มู่ชิงเกอนิ่งเงียบไม่พูด
นางเพิ่งจะมาถึงตระกูลหาน กลับทำให้สายหลักของตระกูลหานสองคน คนหนึ่งพิการ คนหนึ่งโง่ไป
ฝ่ามือนั้นของหานฉายไฉ่เอาชีวิตของหานอี้เหรินไม่ได้ แต่กลับทำให้ความทรงจำของนางหายไปทั้งหมด ไม่สามารถจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แม้แต่สติปัญญาก็จะได้รับผลกระทบ
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นางทำ แต่หากว่าถูกประมุขตระกูลหานคนปัจจุบันรู้เข้าก็คงจะไม่ปล่อยนางไปแน่
“เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้ดี ไม่พัวพันถึงเจ้าอย่างแน่นอน” ทันใดนั้นหานฉายไฉ่ก็เอ่ยขึ้น
ม่ขิงกอมองเขาไม่พูดจา
หานฉายไฉ่ย่อกายลงไปอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย มองหานอี้เหรินแล้วเอ่ยว่า “ข้ากับอี้เหริน ที่จริงก็ไม่ใช่พี่น้องมารดาเดียวกัน มารดาของนางนั้นเป็นที่โปรดปรานมาก ส่วนมารดาของข้าก็เป็นเพราะไม่รู้จักแย่งชิงความรักถึงได้ถูกหมางเมินโดยเฉพาะอย่างยิ่งสายเลือดของข้าในตอนแรกนั้นไม่ดี เป็นอี้เหรินคอยช่วยข้าลับๆ มาโดยตลอด ทำให้ข้าหลบหลีกอันตรายมาได้ไม่น้อย ต่อมามารดาของข้าก็ได้นางดูแลถึงอยู่ได้ครึ่งชีวิต ข้ากลับมาตระกูลหานและแย่งได้ตำแหน่งประมุขน้อยก็เป็นเพราะการช่วยเหลือของนางเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าหากเทียบ กับการช่วยเหลือเมื่อก่อน ตอนนี้การช่วยเหลือของนางกลับเต็มไปด้วยผลประโยชน์เพราะว่านางก็ไม่อยากให้หานหัวหั่วได้ตำแหน่งประมุขน้อย ข้าขอบคุณนางและก็ยังคิดถึงความสัมพันธ์เก่าก่อน แต่ว่านางกลับยิ่งลํ้าเส้นขึ้นเรื่อยๆ บีบให้ข้าหมั้นกับตระกูลหร่วนเพื่อผลประโยชน์แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หนี้ที่ข้าติดนางก็ ต้องคืนให้หมด ข้าจะไม่ให้นางตาย เหลือชีวิตให้นาง ดูแลนางตลอดชีวิตก็ถือเป็นการทดแทนแล้ว”
มู่ชิงเกอยังคงไม่พูดอะไร ทันใดนั้นหานฉายไฉ่ก็หัวเราะลุกขึ้นมา เสียงหัวเราะของเขาแฝงความเจ็บปวดเอาไว้
เขาหันกายมองมู่ชิงเกอ เอ่ยกับนางว่า “เจ้าพูดถูก สุดท้ายแล้วที่ข้ารักมากที่สุดก็คือตัวข้าเอง วันนี้ ดูแล้วก็เหมือนว่าทำเพื่อเจ้า แต่ผู้ที่ลงมือทำร้ายนั้นเป็นข้า แต่ ใครจะรู้ว่าเป็นเพราะว่าข้ารู้สึกว่าหานหัวหั่วนั้นขัดตา รู้สึกว่าถูกหานอี้เหรินบีบบังคับจนรำคาญถึงได้ลงมือหนักเช่นนี้หรือเปล่า?”
มู่ชิงเกอเม้มริมฝีปากไม่ได้คิดจะต่อคำ
หานฉายไฉ่เดินไปที่ข้างชั้นวางสุรา หยิบขึ้นมาไหหนึ่ง เปิดจุกออก สองมือโอบไหสุราแล้วเทเข้าไปในปากของตนเอง
นํ้าสุราส่วนมาก ล้วนแต่ไหลลงมาจากขอบปาก หางตาของเขาดูเหมือนจะมีหยดน้ำสดใสวาววาบและก็ดูเหมือนว่าไม่มี เพียงพริบตาเดียวมู่ชิงเกอไม่อาจจะแน่ใจได้
ไหสุรานั้น หานฉายไฉ่ดื่มไปครึ่งหนึ่ง หกไปครึ่งหนึ่ง เขาทิ้งแขนลง ไหสุราคลายลงมาจากนิ้วมือของเขา ไหสุราเปล่าตกลงบนพื้น กลิ้งมาที่ข้างเท้าของมู่ชิงเกอ
“มู่ชิงเกอ พวกเรายังคงเป็นเพื่อนกันเถอะ” หานฉายไฉ่มองไปยังมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยขึ้น
ภายในนัยน์ตาเรียวยาวดูเหมือนว่าได้กลับคืนสู่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้พบกันอีกครั้ง ทำให้คนมองไม่ออกถึงความคิดของเขา
เขาโซเซเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะเตี้ย ชุดลายดอกไม้ที่หรูหราดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นมืดทึบขึ้นมาหลายส่วน “ข้าวางมือแล้ว ข้าจะไม่พัวพันเจ้าอีก และก็จะไม่ไล่ถามเจ้าว่า เหตุใดจึงไม่รักข้าอีก ข้าเห็นแก่ตัวเกินไป และเห็นแก่ประโยชน์เกินไป ไม่สามารถรักเจ้าทั้งใจ ทุ่มเทให้เจ้าทุกอย่างได้ ข้าอาลัยตำแหน่งประมุขน้อยตระกูลหาน ข้าไม่ยอมที่จะละทิ้งทุกอย่างที่ไม่ง่ายดายเลยที่จะได้มาไป ในเมื่ออะไรๆ ข้าก็ทำไม่ได้ แล้วจะยังมีสิทธิ์อะไรไปขอความรักจากเจ้า?”
“หานฉายไฉ่..ในที่สุดมู่ชิงเกอเอ่ยปาก
แต่ว่าหานฉายไฉ่กลับยกมือตัดบท เขามองนาง นัยน์ตาเรียวยาวฟื้นคืนสู่แรกเริ่ม “ข้ารู้สึกว่าความสัมพันธ์ ระหว่างเรานั้นเป็นกึ่งคู่แข่งกึ่งเพื่อนนั้นเหมาะสมกว่า ข้าก็จะยังพยายามให้มากขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าจะมีสักวันที่สามารถไล่ตามเจ้าทัน ลํ้าหน้าเจ้า ชนะเจ้าได้สักครั้ง”
‘เจ้าเข้าใจขึ้นมาแล้วจริงๆ ใช่ไหม?’
มู่ชิงเกอเอ่ยในใจ นางมองหานฉายไฉ่ ทันใดนั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา
ดี
พูดกับหานฉายไฉ่ให้เข้าใจ นี่เป็นเรื่องที่นางคิดอยากจะทำมาโดยตลอด แต่ว่า วันนี้ปฏิกิริยาของหานฉายไฉ่ กลับทำให้นางไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร
“เจ้าอย่าได้คิดว่าเป็นเพราะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ข้าถึงได้พูดกับเจ้าเช่นนี้ ในความเป็นจริงในตอนก่อนที่ข้าจะถูกเรียกออกไปนั้น ข้าก็ตัดสินใจจะพูดกับเจ้าเรื่องนี้แล้ว”
เขากวาดตามองไปยังร่างที่นอนอยู่บนพื้นของหานหัวหั่ว และหานอี้เหริน ยิ้มอย่างขมขื่น “ใครจะรู้ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็เป็นความผิดของพวกเขา”
‘ที่แท้เรื่องที่หานฉายไฉ่อยากจะพูดกับข้าในตอนนั้นก็คือเรื่องนี้เอง’ มู่ชิงเกอเข้าใจขึ้นมา
“เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้หากไม่ใช่เพราะว่ามีความสัมพันธ์กับข้า เกรงว่าพวกเขาทั้งสองคน บางทีก็รวมไปถึงตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา หากอิงตามนิสัย ของเจ้าแล้วคงจะต้องสาบสูญหายไป” หานฉายไฉ่ชี้มือไปยังทั้งสองคนบนพื้น พูดเยาะเย้ยออกมา
“ใช่” มู่ชิงเกอพยักหน้า
แต่ไหนแต่ไรมานางเป็นคนที่มีแค้นก็ต้องชำระ
หานฉายไฉ่ยิ้มขึ้นมา “ดังนั้น ขอบคุณแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจ” มู่ชิงเกอเอ่ยเสียงเข้ม