Skip to content

พลิกปฐพี 136-4

ตอนที่ 136-4

ไม่ว่าทางไหนล้วนชนะขาดลอย!

จุดหมายที่วิ่งไล่ตามมาทั้งชีวิต ในตอนนี้สามารถเป็นจริงได้ในตัวของลูกศิษย์ของเขาแล้ว?!

ความตะลึงอย่างเป็นที่สุดเกิดขึ้นในใจของโหลวชวนป่าย ทำให้มือที่อยู่ในแขนเสื้อของเขาสั่นอย่างห้ามไม่ได้

ครื้นๆๆ เสียงที่ดังราวกับเสียงฟ้าร้อง เกิดขึ้นในเมฆาโอสถอันหนาแน่น

บนอัฒจันทร์ลูกศิษย์จำนวนนับไม่ต่างก็ถ้วนลุกขึ้นด้วยความตื่นตะลึง เงยหน้าขึ้นมองเมฆาโอสถและต่างวิพากษ์วิจารณ์

จ้าวหนานซิงถามเหมยจื่อจ้งด้วยความตื่นตระหนก “ศิษย์พี่เหมย นี่คืออะไร” เหมยจื่อจ้งกลับไม่สามารถตอบเขาได้ จ้าวหนานซิงยิ้มอย่างจนใจ “เหตุใดทุกครั้งที่ศิษย์น้องมู่ปรุงยา จะต้องเกิดเรื่องยิ่งใหญ่เช่นนี้ แม้ข้าจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี”

จูหลิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ท่านดูจากท่าทางของเตียนหยวน ก็รู้ได้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี”

จ้าวหนานซิงและเหมยจื่อจ้งเงยหน้าขึ้นตาม มองเตียนหยวนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเวทีและเป็นอย่างที่พูด ความได้ใจและความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขาได้หายไปจนหมดสิ้น เหลือแต่ใบหน้าโหดเหี้ยมที่มองมู่ชิงเกอด้วยสายตาอันเลือดเย็น

เซี่ยเทียนอู๋นั่งอยู่กับที่ของตนเอง พร้อมกล่าวอย่างชื่นชมว่า “คิดไม่ถึงว่าการมาครั้งนี้จะได้พบกับนักปรุงยาระดับจิต! อีกอย่างยังอายุน้อยแค่นี้ ความสามารถระดับนี้ช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก!”

ที่เหลืออีกสามคนไม่ได้ปฏิเสธ ราวกับเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของเขา นักปรุงยาระดับจิตอย่างนั้นหรือ เหอะเหอะ พวกเขาทั้งสี่ยังเพิ่งทะลวงเข้ามาได้เพียงแค่สิบกว่าปีเท่านั้น แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าล่ะ อายุคงจะไม่มากกว่าสิบเจ็ดสิบแปด

กลับสามารถทะลวงสู่ระดับที่พวกเขาใฝ่ฝันมาทั้งชีวิตได้!

สิ่งที่น่าอิจฉาคือ เขายังสามารถเข้าถึงเส้นทางของระดับสมบูรณ์แบบในตำนานที่ผู้คนจำนวนมากล้วนปรารถนาได้!

“นักปรุงยาระดับสูง เมื่อเข้าสู่ขั้นสูงสุด จะเกิดชิ้นส่วนโอสถขึ้น แต่เมื่อนักปรุงยาระดับจิตปรุงยาและคุณภาพของยาเข้าสู่ระดับสมบูรณ์แบบ จะเกิดพิรุณโอสถ” ชางเอ๋อร์จื่อจ้องเมฆาโอสถที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วพึมพำเบาๆ

“พิรุณโอสถ!” แทบจะในขณะเดียวกันซือมั่วที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงสุดของ อัฒจันทร์เปล่งคำๆ นี้ออกมาเบาๆ

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา เมฆหมอกหนาแน่นที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าเหนือสถานที่แข่งขัน ก็ราวกับระเบิดออก เม็ดยาจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาราวกับสายฝน กระทบกับพื้นอัฒจันทร์ แล้วก็ตกลงในทุกซอกทุกมุม

“นี่มันอะไรกัน!” มีคนพูดด้วยความตื่นตระหนก

“ยา! นี่มันยานี่!” ผู้ที่หยิบยาขึ้นมารีบตอบข้อสงสัย ของคนผู้นั้น

“อะไรนะ?! ยา!” ผู้คนจำนวนนับไม่ล้วนล้วนตะลึง หลังจากที่เม็ดยาตกลงมากระทบบนร่างกาย

เหมยจื่อจ้งยื่นมือออกไปรับและกำยาหลายเม็ดที่ตกลงมาจากฟ้า เมื่อเขาแบมือออก ก็ได้กลิ่นหอมจางๆ จากยาลอยออกมา ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง พลางพูดด้วยนํ้าเสียงยากจะสงบเอาไว้ได้อีกต่อไป “นี่มัน…ยาระดับกลาง!”

จ้าวหนานซิง ซางจื่อซูและจูหลิงเบิกตากว้างทันที

ทันใดนั้น จ้าวหนานซิงก็ก้มลงอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์ เก็บยาขึ้นมาดมด้วยตนเอง “ยาระดับกลางจริงๆ ด้วย!”

พูดจบ เขาก็ช้อนสายตาที่แฝงความตื่นตระหนก ขึ้นมองมู่ชิงเกอที่ยังคงจดจ่อกับหม้อหลอมยาในมือบนเวที

พิรุณโอสถไม่มีวี่แววว่าจะหยุด

มียาตกลงมาไม่หยุด ส่วนบนอัฒจันทร์ก็เกิดเสียงฮือฮา

เตียวหยวนยืนอยู่บนเวที มีเม็ดยาตกลงมากระทบบนร่างกายอย่างต่อเนื่อง ข้างเท้าของเขาและบนเวทีล้วนเต็มไปด้วยยา นี่เป็นยาแท้ๆ ไม่ใช่ภาพลวงตา

เขาอิจฉาจนแทบคลั่ง! พร่ำถามตัวเองไม่หยุดว่า ‘เพราะอะไร เพราะอะไร เป็นเพียงแค่การปรุงยาเท่านั้น เหตุใดจึงมียาตกลงมาจากฟ้ามากมายถึงเพียงนี้ เขาจะ ชนะแล้วแท้ๆ เหตุใดเจ้านั้นจึงสร้างปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ เช่นนี้ขึ้นได้!’

บนชั้นสองของอัฒจันทร์เซี่ยเทียนอู๋ถอนหายใจและพูดว่า “พิรุณโอสถเช่นนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยจริงๆ”

ในโรงโอสถกลาง นักปรุงยาระดับจิตไม่ใช่ว่าจะสามารถทำให้เกิดพิรุณโอสถได้ทุกคน จากประวัติศาสตร์ของโรงโอสถกลาง อย่างมากก็ตกลงมาแค่ร้อยเม็ด แต่ตอนนี้ล่ะ เกรงว่าคงจะมากกว่าพันเม็ดแล้ว! ความแตกต่างนั้นช่าง…

เซี่ยเทียนอู๋อยากจะพูดว่า ‘คลื่นลูกใหม่ช่างน่ากลัวนัก’ แต่สุดท้ายกลับเหลือเพียงแค่รอยยิ้มขมขื่นและส่ายหน้าเบาๆ

บางคน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสู้เขาได้จริงๆ!

ชั้นบนสุดของอัฒจันทร์กู่หยามองมู่ชิงเกอ แล้วหันมามองท่านประมุขของตนเอง “ท่านประมุข นี่มัน…”

รอยยิ้มของซือมั่วเต็มไปด้วยความอบอุ่น “เพราะเสี่ยวเกอเอ๋อร์อยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ”

กู่หยาและกู่เย่ล้วนสูดลมหายใจเข้าและเข้าใจระดับสมบูรณ์แบบมากขึ้นกว่าเดิม!

ตูม!

ทันใดนั้น ในหม้อของมู่ชิงเกอเกิดเสียงดังขึ้น

หม้อหลอมยาเกิดรอยร้าว ราวกับว่าหม้อหลอมยาไม่สามารถจะทนรับได้อีกต่อไปและกำลังจะระเบิด

เตียวหยวนที่จับจ้องความเคลื่อนไหวของมู่ชิงเกออย่างไม่คาดสายตา ดวงตาพลันเป็นประกายขึ้นมา ในใจมีความตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกครั้ง หากหม้อหลอมยาระเบิด สุดท้ายคนที่ชนะก็คือเขามิใช่หรือ ความคิดของเขายังไม่ทันจบลง ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจากข้างในหม้อ อยู่ๆ หม้อหลอมยาตรงหน้าของมู่ชิงเกอก็ระเบิด แล้ว หม้อทั้งใบก็กลายเป็นเศษผง

“หม้อระเบิด!”

บนอัฒจันทร์ตกอยู่ท่ามกลางความตื่นตระหนก จนลืมเก็บยาไปเสียสนิท

ข้างเวทีประลอง พวกของจ้าวหนานซิงตกใจและรีบมองมู่ชิงเกอ

“ระเบิดได้อย่างไร เจ้าแซ่เตียวแอบใส่อะไรลงในหม้อ” เว่ยกว่านกว่านพูดด้วยความโกรธ

เว่ยฉีดึงนางเอาไว้ แล้วพูดกับนางว่า “อย่าตื่นตระหนกไป เจ้าไม่เห็นหรือว่ามู่เกอยังคงนิ่งอยู่ ไม่มีอะไรหรอก”

“หม้อระเบิดไปแล้ว” หัวชางซู่ค่อยๆ นิ่งลง ราวกับโล่งใจ

โหลวชวนป่ายยืนตัวเกร็งขึ้นมา แล้วหยุดสายตาไปที่มู่ชิงเกอ

พวกของเซี่ยเทียนอู๋กลับนิ่งสงบ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าทั้งหมดนี้จะต้องเกิดขึ้น เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของโหลวชวนป่าย เซี่ยเทียนอู๋จึงพูดอย่างแนบนิ่งว่า “หม้อ หลอมยาที่เตรียมไว้ในการแข่งขันเพื่อคัดเลือก สามารถรองรับได้เพียงแค่ยาระดับสูง ยาระดับจิตมีพลังมากเกินไป แน่นอนว่าไม่สามารถต้านทานได้”

ชางเอ๋อร์จื่อเองก็พูดต่อว่า “ตอนนี้ก็ด้องรอดูว่าเขาสามารถรักษาความสงบของจิตใจในสถานการณ์ที่หม้อหลอมยาระเบิดเช่นนี้ จนรักษายาเอาไว้ได้หรือไม่” ได้ยินคำพูดของทั้งสอง ร่างกายที่เกร็งจนแข็งทื่อของโหลวชวนป่ายก็ผ่อนคลายลง เขาหันกลับไปประสานมือและโค้งคำนับ “ขอบคุณมาก”

เซี่ยเทียนอู๋และชางเอ๋อร์จื่อล้วนยิ้มรับ แต่ว่าสีหน้าของหัวชางซู่กลับดูแย่ลงอีกครั้ง ท่านผู้อาวุโสทั้งสี่คนที่มาในครั้งนี้ เป็นคนที่เลื่อนขั้นขึ้นมาใหม่หลังจากที่เขาจากมา เขาไม่รู้จัก อีกประการหนึ่ง เขาออกจากโรงโอสถกลางมาสองร้อยกว่าปี สถานการณ์ในตอนนี้ของโรงโอสถเขาไม่รู้แน่ชัด ช่างไม่เป็นผลดีต่อตัวเขาเลย!

ลูกศิษย์จำนวนมากล้วนจ้องมองมู่ชิงเกออย่างตื่นเต้น แต่ท่าทางของนางกลับเหมือนเดิม ราวกับรู้อยู่แล้วว่า หม้อจะระเบิด

เตียวหยวนทนไม่ได้จึงพูดเยาะเย้ย “ศิษย์น้องมู่ หม้อหลอมยาระเบิดก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ครั้งนี้ผิดพลาดไปแล้ว ครั้งหน้าเอาใหม่ก็พอ เหตุใดจึงต้องมาวางท่า เช่นนี้หรือว่าเจ้าสามารถเสกยาออกมาใหม่ได้”

มู่ชิงเกอเงยสายตาขึ้นและยิ้มเยาะเขา “ใครบอกเจ้าว่า หม้อระเบิดแล้วจะทำลายยา”

พูดจบ นางก็ยกมือขึ้นสะบัด หม้อหลอมยาที่กลายเป็นเศษผงปลิวกระจายออกไป ยาเม็ดหนึ่งที่ส่องประกายเจ็ดสีเจือไปด้วยพลังกดดันบางอย่างก็ค่อยๆ เผยโฉม หน้าออกมา

เตียวหยวนเบิกตาโตในทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยสีโลหิต มองยาเม็ดที่ลอยอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกออย่างไม่อยากเชื่อ

ยาเม็ดนั้นขนาดไม่ต่างจากยาธรรมดา แต่กลับส่องแสงเจ็ดสีและโปร่งใสดั่งอัญมณี พลังบางอย่างกระจายออกจากเม็ดยาอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น ทั่วทั้งสนามแข่งขันก็ถูกปกคลุมจมอยู่ท่ามกลางแสงเจ็ดสี

“ ว๊าว! งดงามยิ่งนัก!”

“สวยจริง!”

“ราวกับอยู่ในความฝันอย่างนั้นละ!”

ลูกศิษย์โรงโอสถที่ตกอยู่ท่ามกลางแสงเจ็ดสีนั้น ล้วนแสดงสีหน้าที่ราวกับกำลังดื่มดํ่ากับมัน

ซือมั่วเองก็ถูกแสงทั้งเจ็ดสีปกคลุมเช่นกัน แต่กลับขับให้เขาดูเหมือนเทพเซียนมากยิ่งขึ้น จนไม่สามารถปฏิเสธได้!

“น่าทึ่งมาก!” เซี่ยเทียนอู๋ชื่นชมไม่ขาดปาก เขาพูดกับโหลวชวนป่ายด้วยความอิจฉาว่า “ท่านปรมาจารย์โหลว ลูกศิษย์คนนี้ของท่านช่างน่าอิจฉานัก! ข้าอยากแย่งไปจากมือท่านเสียจริง!”

โหลวชวนป่ายลุกขึ้นพร้อมใบหน้าที่แสดงความหวาดหวั่นและยิ้มให้กับ เซี่ย เทียนอู๋อย่างอึดอัด

เซี่ยเทียนอู๋พูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องกลัว ข้าเพียงแค่พูดเล่น อัจฉริยะพลิกฟ้าเช่นนี้ คงไม่ใช่ผู้ที่คนอย่างข้าและเจ้าจะสอนสั่งได้”

“ท่านผู้อาวุโสพูดถูก” โหลวชวนป่ายยอมรับ เรื่องนี้เขากระจ่างมาตั้งนานแล้ว แต่ทว่า การที่มีโชคชะตาได้เป็นอาจารย์ของมู่เกอได้ เขาก็พอใจแล้ว

เตียวหยวนอึ้งเป็นไก่ตาแตก ท่ามกลางแสงเจ็ดสีราวกับ ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

ทันใดนั้น แสงเจ็ดสีที่อยู่บนยาก็สาดแสงสีขาวอันเข้มข้นออกมา เมื่อแสงสีขาวหายไป ทั้งเมฆาโอสถ พิรุณโอสถ แสงเจ็ดสีล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เหลือเพียงแค่ยาเม็ดหนึ่งที่ดูเรียบง่ายค่อยๆ ตกลงมาจากฟ้า และในที่สุดก็ตกลงในมือของมู่ชิงเกอ

มันส่องแสงสีทองระยิบระยับ ราวกับมีอักขระอันลึกลับบางอย่างอยู่อย่างนั้น

มู่ชิงเกอกำยาเอาไว้และพูดพร้อมรอยยิ้มกับท่านผู้อาวุโสบนเวทีที่ยืนอึ้งมาตั้งนานแล้วว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าปรุงเสร็จแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version