Skip to content

พลิกปฐพี 137-1

ตอนที่ 137-1

ยอดฝีมือมาเยือน ครอบครัวตกอยู่ในอันตราย

“ท่านผู้อาวุโส ข้าปรุงเสร็จแล้ว”

เสียงของมู่ชิงเกอ ราวกับเสียงระฆังที่เรียกสติท่านผู้อาวุโสบนเวทีกลับมา เขาเงยหน้าขึ้นอย่างมึนงง พลันมองมู่ชิงเกอและมองเตียวหยวน ราวกับเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ว่ากำลังทำอะไรอยู่

เขามองอัฒจันทร์ที่อยู่ตรงกลางและมองไปที่หัวชางซู่ หางตาของหัวชางซู่กระตุกทีหนึ่ง ในใจมีทั้งความอิจฉา ความเกลียดและไอสังหารรวมกันไม่สามารถสงบลงได้เลยจริงๆ

แต่ทว่า ทันทีที่นึกถึงคนที่อยู่ด้านหลัง เขาก็จำต้องพยายามเก็บความรู้สึก ค่อยๆ ลุกขึ้น พลันคำนับกับท่านผู้อาวุโสผู้ดูแลจากโรงโอสถกลาง “ท่านผู้อาวุโสทั้งสี่ พวกท่านว่า…”

ทั้งสี่ต่างมองกัน สุดท้ายหยวนหูเป็นคนลุกขึ้น คำนับผู้ที่อยู่ข้างบนสุดของอัฒจันทร์อย่างนอบน้อมและพูดอย่างระมัดระวังว่า “ท่านมหาปราชญ์นี่เป็นรอบสุดท้ายของ การแข่งขันเพื่อคัดเลือก ท่านช่วยตัดสินดีหรือไม่”

ซือมั่วกระตุกมุมปากทีหนึ่งและใช้นํ้าเสียงที่ทั้งอ่อนโยนแผ่วเบาและไม่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย “นี่เป็นเรื่องในโรงโอสถของพวกเจ้า เกี่ยวอะไรกับข้าเล่า?”

คำพูดนี้ของเขา ทำให้สีหน้าของทั้งสี่ฉายความอึดอัด สุดท้ายเซี่ยเทียนอู๋ที่ถูกเลือกออกมาแล้วก็ขึ้นสู่เวทีประลองไปตัดสินแพ้ชนะของยาทั้งสองเม็ดด้วยตนเอง

ความจริงแล้วแพ้ชนะทุกคนล้วนรู้ดีแก่ใจเพียงแต่ว่า ให้ท่านผู้อาวุโสจากโรงโอสถเป็นฝ่ายพูดด้วยตนเอง จึงจะถือว่าได้รับการรับรอง

เซี่ยเทียนอู๋เดินขึ้นเวทีและส่งรอยยิ้มจางๆ ให้มู่ชิงเกอก่อน เพื่อแสดงความเป็นมิตร จากนั้นก็มองเตียวหยวนแวบหนึ่ง เห็นว่าเขายังคงจมอยู่ในความคิดของตนเอง ด้วยใบหน้าอันโหดเหี้ยม สีหน้าจึงเคร่งขรึมขึ้น พลันส่ายหน้าเล็กน้อย

เขายื่นมือไปหาเตียวหยวนและพูดว่า “เอายามา”

เตียวหยวนตะลึง เพิ่งได้สติ วางขวดยาของตนเองไว้บนมือของเซี่ยเทียนอู๋ หลังจากนั้น เขาก็จ้องมู่ชิงเกอด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

เซี่ยเทียนอูมองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็ก้มสายตาลง เปิดขวดออก จากนั้นก็เทยาออกมาบนฝ่ามือ

หลังจากที่พินิจครู่หนึ่ง เขาจึงพูดเสียงดังว่า “ยาระดับสูง ลิ่วจ่วนเสี่ยวหวนตาน คุณภาพสูงสุด” ยาที่ควรจะได้รับการชื่นชมในตอนแรก ตอนนี้กลับมีเพียงแค่ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังมาจากอัฒจันทร์ เพราะว่า ทุกคนล้วนกำลังรอคอยเซี่ยเทียนอู๋ประเมินค่ายาระดับจิตของมู่ชิงเกออยู่

เมื่ออยู่ต่อหน้ายาระดับจิต ไม่ว่าจะเป็นยาระดับสูงเท่าใดก็ไม่เพียงพอ แม้จะปรุงยาก หรือเป็นยาที่มีคุณภาพสูงสุดก็ตาม!

เซี่ยเทียนอู๋คืนยาของเตียวหยวนให้กับเขา แล้วยื่นมือไปหามู่ชิงเกอ พร้อมรอยยิ้มบางๆ มู่ชิงเกอตอบกลับด้วยรอยยิ้มและวางยาในมือลงบนฝ่ามือของ เซี่ยเทียนอู๋

เซี่ยเทียนอู๋กำยาเอาไว้ในมือ รับรู้ได้ถึงพลังอันบริสุทธิ์จากยาอีกครั้ง พยายามรวบรวมสมาธิ แล้วจึงเริ่มตรวจสอบยาอย่างละเอียด

ทันใดนั้น เขาก็พลันเบิกตากว้างในทันทีและชี้ยาด้วยความแปลกใจ พลันหันไปมองและถามมู่ชิงเกอว่า “เจ้าปรุงยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อ!”

ยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อ!

ทันทีที่เซี่ยเทียนอู๋พูดจบ ก็ทำให้ทั้งสามที่อยู่บนอัฒจันทร์ชั้นสองจ้องยาในทันที และโน้มตัวไปข้างหน้า

“ยาลิ่วจ่วนเสี่ยวหวนตาน ยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อเหตุใดจึงมีชื่อคล้ายกัน” มีลูกศิษย์บางคนสงสัย

เสียงที่แฝงความสงสัยนี้ ราวกับจะดังเข้าหูของเซี่ยเทียนอู๋ เขาหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แล้วมองมู่ชิงเกอและพูดว่า “ลิ่วจ่วนเสี่ยวหวนตานและลิ่วจ่วนตู้เอ้อนี้ แม้ชื่อจะมีส่วนคล้ายกัน แต่สรรพคุณนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อปรุงขึ้นด้วยยาสมุนไพรธรรมดา แต่กลับสามารถต้านทานการโจมตีของจิตมารได้หกครั้ง ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญล้วนรู้ดีว่า ตบะยิ่งสูง มารในใจก็จะยิ่งมาก ทุกครั้งที่การฝึกถึงจุดสำคัญ จิตมารจะถือโอกาสเข้าครอบงำ ผู้ที่อาการไม่หนักมาก เมื่อถูกครอบงำแล้วจะเสียสติ ส่วนผู้ตู้ที่มีอาการหนัก ชีพจรก็จะขาดสะบั้น ตบะพลังสิ้นสูญ แต่ว่า หากมียาลิ่วจ่วนตู้เอ้อแล้ว ถ้าหากพบกับจิตมารในขณะที่ฝึก ก็จะสามารถผ่านไปได้อย่างมั่นคง ช่วยให้ก้าวผ่านความตายได้หกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย”

เพราะคำอธิบายของเซี่ยเทียนอู๋ ทุกคนล้วนรู้จักยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อมากขึ้น

ลิ่วจ่วนเสี่ยวหวนตาน สามารถรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสได้หกครั้ง

แต่ทว่ายาลิ่วจ่วนตู้เอ้อกลับสามารถช่วยทำให้ผ่านความทรมานจากมารในใจได้ถึงหกรอบ หลีกเลี่ยงธาตุไฟแตกซ่าน และไม่ต้องเสี่ยงที่จะชีพจรขาดสะบั้นจนกลายเป็นร่างที่ไร้ค่า ใครเก่งกาจมากกว่ากัน มันชัดเจนอยู่แล้ว

ตั้งแต่อดีตกาล การบาดเจ็บของร่างกายรักษาง่าย แต่จิตใจนั้นยากจะรักษา

ต่อให้ลิ่วจ่วนเสี่ยวหวนตานของเตียวหยวนจะร้ายกาจมากกว่านี้ ก็เพียงแค่รักษาอาการบาดเจ็บของร่างกาย แต่ของมู่ชิงเกอ ยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อของนาง เป็นการห้าม มารไม่ให้เข้าสู่จิตใจ นอกจากนี้ทั้งร่างกายและจิตใจก็จะไม่ได้ถูกทำลาย ยาเช่นนี้บอกได้ว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ใด มีอำนาจมากเพียงใด แม้นในอาณาจักรเซิ่งหยวนเองก็ล้วนเป็นที่หมายปองของผู้คน

ยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อและลิ่วจ่วนเสี่ยวหวนตานนั้นเหมือนกัน ตรงที่ปรุงยากเป็นอย่างมากเพราะจะต้องแบ่งประสิทธิผลของยาเป็นหกรอบ นั้นก็หมายความว่าจะต้องทำการแบ่งชั้นของยา การแบ่งชั้นในหนึ่งครั้งก็เท่ากับการปรุงยาหนึ่งรอบ หากไม่ระวังที่ทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

ถึงขั้นที่ว่า เพราะความเป็นเอกลักษณ์ของยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อในขณะที่ปรุง นักปรุงยาจะต้องต้านทานกับการต่อต้านของฤทธิ์ยา เพราะฉะนั้นจึงมีระดับความยาก มากกว่าหนึ่งชั้น

เซี่ยเทียนอู๋หายใจเข้าลึกๆ และพูดเสียงดังว่า “ยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อ ยาระดับจิต คุณภาพระดับ…สมบูรณ์แบบ!”

โห—–!

ทุกคนตกอยู่ท่ามกลางความตื่นตระหนก!

โรงโอสถกลางของพวกเขามีนักปรุงยาระดับจิตเกิดขึ้นอีกคนหนึ่งแล้ว! อีกประการหนึ่ง ยังเป็นลูกศิษย์ที่เข้ามาไม่นาน นี่…นี่มันช่างน่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว!

“ไม่! เป็นไปไม่ได้! ยาระดับสมบูรณ์แบบคืออะไร!” เตียวหยวนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เขาไม่เคยได้ยินคำว่ายาที่มีระดับสมบูรณ์แบบมาก่อน เซี่ยเทียนอู๋กลับพูดด้วยใบหน้าอันเฉยชาว่า “คุณภาพในระดับที่มากกว่าระดับสูงสุดคือสมบูรณ์แบบ!” “เป็นไปไม่ได้!” เตียวหยวนปฏิเสธ พลันชี้หน้ามู่ชิงเกอ “เขาน่ะหรือ เขาจะสามารถปรุงยาที่มีคุณภาพระดับสมบูรณ์แบบได้อย่างไร นอกเสียจากว่าเขาโกง!”

“บังอาจ!” เซี่ยเทียนอู๋เบิกตาโตและพูดด้วยความโกรธ

“เตียวหยวนเงียบ!” หัวชางซู่ลุกขึ้นห้ามไม่ให้เขาพูด เขากลัวจริงๆ ว่า หากเตียวหยวนยังคงพูดต่อไป จะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา

เตียวหยวนมองเขาด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม

หัวชางซู่ใช้สายตาเตือนเขา เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลมากนัก จึงพูดด้วยความโกรธ “อย่าได้เหิมเกริม! หรือว่าเจ้าคิดจะเสียมารยาทต่อหน้าองค์มหาปราชญ์!”

เตียวหยวนได้สติในทันที เขาเงยสายตาขึ้นมองชายผู้ที่นั่งอยู่สูงสุด พลันคุกเข่าและหมอบลงตรงหน้าเขา แล้วพูดด้วยความตื่นกลัวว่า “องค์มหาปราชญ์โปรดทรงอภัย!”

ในบริเวณที่ไกลออกไป มีเสียงอุทานอันเย็นเยียบไม่ชัดเจนดังลอยมา

ทันใดนั้น สีหน้าของทั้งสามที่มาจากโรงโอสถกลางก็เปลี่ยนไป และระมัดระวังมากขึ้น

หลี่เหรินมองหัวชางชู่แล้วพูดด้วยสีหน้าอันโหดเหี้ยม “ดูลูกศิษย์ตัวดีที่เจ้าสอนออกมาสิ!”

หัวชางชู่ตัวสั่นทันที ในใจมีแม้กระทั่งความคิดที่จะสังหารเตียวหยวนเสีย

หากท่านมหาปราชญ์ทรงพิโรธ ซากศพจะกองนับพันลี้

เสียงอุทานอันเย็นเยียบนั้นทำให้ลูกศิษย์นับพันของโรงโอสถตัวสั่น ในใจล้วนกระวนกระวาย กลัวว่าตนเองจะตายโดยไม่รู้ตัว

เสียงอุทานอันเย็นเยียบ ทำให้เตียวหยวนได้สติ ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า ที่นี่ยังมีผู้ใหญ่อีกหนึ่งท่านที่เขาจะทำให้ไม่พอใจไม่ได้เด็ดขาด!

มู่ชิงเกอยืนอยู่กับที่ สายตาอันเย็นเยียบกวาดมองคนเหล่านี้ที่ถูกใครบางคนทำให้ตกใจจนกลายเป็นไก่ตื่น อย่างช้าๆ แล้วขมวดคิ้ว

‘พอได้แล้ว’ มู่ชิงเกอถ่ายทอดเสียงให้กับซือมั่ว

ซือมั่วยิ้มและถ่ายทอดเสียงกลับว่า ‘หากเสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่อยากให้ข้าโกรธ จนฆ่าทุกคนที่นี่ก็ส่งเสียงขอร้องข้าดีหรือไม่’

สายตาของมู่ชิงเกอฉายความเคร่งขรึมและพูดด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบว่า “ท่านอยากฆ่าก็ฆ่า เกี่ยวอะไรกับข้า”

‘หืม เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้ายอมได้หรือ ที่นี่มีสหายของเจ้าอยู่ไม่น้อยเลยนะ’ ซือมั่วโน้มน้าวใจ

ดวงตาทั้งสองข้างของมู่ชิงเกอฉายความเย็นเยียบ เงยสายตาขึ้นมองตำแหน่งที่หลังจากที่นางรู้ว่าใครนั่งอยู่ ก็ไม่มองไปอีกเลย ‘ท่านข่มขู่ข้าหรือ’

‘ข้าเพียงแค่รอไม่ไหว อยากรู้คำตอบของเสี่ยวเกอเอ๋อร์ อยู่ๆ ซือมั่วก็พูด

มู่ชิงเกออึ้ง เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ในใจก็สับสนอย่างบอกไม่ถูกทันที

และในขณะนั้นเอง เสียงของซือมั่วก็ดังก้องไปทั้งอัฒจันทร์ในทันที “เอาเถิด วันนี้อารณ์ดี ให้อภัยที่พวกเจ้าที่ล่วงเกิน”

คำพูดของซือมั่ว ทำให้หินก้อนใหญ่ที่ทับอกทุกคนอยู่ ตกลงสู่พื้น พร้อมกับความตึงเครียดในใจของมู่ชิงเกอที่ผ่อนคลายลงในทันที

เพราะการข่มขู่ของซือมั่ว เตียวหยวนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก

เพียงแค่ฟังเซี่ยเทียนอู๋พูด “การแข่งขันในครั้งนี้ มู่เกอชนะ!”

มู่เกอชนะ!

สามคำนี้ ราวกับเป็นมีดสามเล่มที่ปักลงกลางใจของเตียวหยวน เจ็บปวดจนเขาอยากจะกลายร่างเป็นปีศาจร้าย ฆ่าทุกคนที่เป็นศัตรูกับเขา

เสียงแสดงความยินดีที่ตามมา ยิ่งทำให้ในใจของเขาโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น

‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์ เจ้าคนนี้คิดจะฆ่าเจ้า’ อยู่ๆ ซือมั่วก็ถ่ายทอดเสียงมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version