ตอนที่ 137-2
ยอดฝีมือมาเยือน ครอบครัวตกอยู่ในอันตราย
มู่ชิงเกอมองเตียวหยวนและเห็นสายตาอันโหดเหี้ยมของเขา แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าเขากล้าเข้ามา ข้าก็กล้าฆ่า”
ซือมั่วกระตุกมุมปากและพูดพร้อมรอยยิ้ม “นิสัยเช่นนี้ ของเสี่ยวเกอเอ๋อร์ ข้าชอบมาก”
ทันทีที่มู่ชิงเกอได้ยินเช่นนั้นจึงหันหน้าหนี ไม่สนใจซือมั่วอีก
รอบข้างเต็มไปด้วยเสียงชื่นชม
จูหลิงที่ยืนอยู่ข้างล่างเวที พูดอย่างแปลกใจว่า “หืม? เหตุใดศิษย์น้องมู่จึงหน้าแดงขึ้นมา”
ซางจื่อซูเงยสายตาขึ้นมอง สายตาอันเย็นเยียบมีความแปลกใจแฝงอยู่และคาดเดาว่า “บางที อาจจะเหนื่อยเกินไป”
ในขณะนี้เอง จ้าวหนานซิงเดินเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสอง และพูดกับจูหลิงว่า “การแข่งขันได้จบลงแล้ว เราก็ทำตามแผนเดิม ข้าส่งเจ้าออกจากโรงโอสถไปก่อน ศิษย์น้องมู่จะตามมาโดยเร็ว แล้วจะพาเจ้าไป”
สีหน้าของจูหลิงฉายความเคร่งขรึม พยักหน้าเล็กน้อย นางหันมองซางจื่อซู แล้วพูดกับนางว่า “จื่อซู เจ้าต้องรักษาตัวด้วยนะ แล้วไปพบกันที่แคว้นฉิน”
ซางจื่อซูพยักหน้าและพูดกับนางว่า “เจ้าเองก็เช่นกัน ทุกอย่างต้องระมัดระวังตัว”
จูหลิงเดินตามจ้าวหนานซิงออกไปอย่างเงียบๆ
และหลังจากที่มู่ชิงเกอชนะ จึงออกจากเวทีไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน
ตำแหน่งในการส่งยา นางได้มาแล้ว เรื่องหลังจากนั้น นางไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลอีก
แต่ว่า ก่อนไป เซี่ยเทียนอู๋กลับเชิญให้นางไปที่โรงโอสถกลาง
ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูด มู่ชิงเกอเข้าใจดี นั่นคือให้นางไปศึกษาการปรุงยาต่อที่โรงโอสถกลาง ก่อนหน้านั้นนางไม่มีความคิดเช่นนี้ เพราะฉะนั้นจึงเพียงแค่ตอบไปอย่างคลุมเครือ เพราะอย่างไรก็ตามหลังจากนั้นสามเดือน พวกเขาก็ต้องเดินทางไปที่โรงโอสถกลางแล้ว
มู่ชิงเกอออกจากโรงโอสถไปเงียบ ๆ แต่เพิ่งจะออกจากโรงโอสถ ก็พบกับกู่หยา
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจ
นางจำได้ว่า เมื่อครู่นี้กู่หยายังยืนอยู่ข้างหลังซือมั่ว
ใบหน้าของกู่หยายังคงเย็นเยียบ พูดกับมู่ชิงเกอว่า “ท่านประมุขให้ข้ามาคอยรับใช้ข้างกายคุณชาย”
“ไม่จำเป็น” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วปฏิเสธ
กู่หยากลับพูดว่า “ท่านประมุขบอกแล้วว่า ท่านจะต้องการ”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “นี่มันเป็นการบังคับซื้องั้นหรือ”
สีหน้าของกู่หยามืดมนลง แอบโต้เถียงในใจว่า บังคับซื้อ เห็นเขาเป็นสินค้าหรืออย่างไร
แต่ว่า กลับไม่กล้าแสดงความโกรธออกมา จึงพูดกับมู่ชิงเกอต่อว่า “คุณชายให้ข้าอยู่ต่อเถิด เผื่อมีอะไรให้ช่วยเหลือ”
มู่ชิงเกอรู้สึกว่าคำพูดของกู่หยามีความหมายอื่นแอบแฝง แต่ก็ไม่ได้ถามในตอนนี้ ทำได้เพียงพูดอย่างไม่จำยอมนักว่า “เหมือนกับที่ผ่านมา เร้นกายในที่ลับ หากมีอะไรให้ช่วย ข้าจะเรียกเจ้าเอง”
กู่หยาพยักหน้าและหายไปจากตรงหน้ามู่ชิงเกอ
จัดการเรีองของกู่หยาเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอจึงรีบกลับไปยังเรือนในเมืองซางจื่อ
เมื่อมู่ชิงเกอเร่งเดินทางมาถึงเรือน จ้าวหนานซิงและจูหลิงก็นั่งดื่มชาใต้ต้นไม้ด้วยกันตั้งนานแล้ว โย่วเหอและฮวาเยวี่ยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ
เห็นนางเข้ามา ทั้งสองสาวก็เดินไปเรียกทันที “คุณชาย”
มู่ชิงเกอพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปหาจ้าวหนานซิงและจูหลิง
จ้าวหนานซิงยืนขึ้นและชื่นชมมู่ชิงเกอ “ศิษย์น้องมู่ เจ้าชนะการประลองรอบสุดท้ายกับเตียวหยวนได้อย่างสวยงามนัก เพราะมีเจ้าคอยเตือนเราจึงร่วมมือกันและทำให้ลูกศิษย์หัวชางซู่ไม่ได้รับตำแหน่งเลยแม้แต่คนเดียว”
มู่ชิงเกอยิ้ม จูหลิงพูดต่อว่า “ขอบคุณเจ้ามากศิษย์น้องมู่ เช่นนี้หากข้าขึ้นเรือไปแล้วก็จะปลอดภัยขึ้นมาก”
มู่ชิงเกอยกมือขึ้นโบกและพูดว่า “ศิษย์พี่จูอย่าได้เกรงใจ ตอนนี้ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่เราวางไว้ แต่จะประมาทไม่ได้ วันนี้เตียวหยวนแพ้การแข่งขัน ต้องโกรธแค้นเรามาก หัวชางซู่เองก็กำลังโกรธ ไม่แน่ว่าจะสั่งให้เขาก่อเรื่องมากกว่านี้ท่านไปเตรียมตัว เราจะออกเดินทางกันตอนนี้”
จูหลิงพยักหน้าและพูดกับมู่ชิงเกอว่า “ข้าไม่มีอะไรต้องเตรียม ออกเดินทางได้ตลอดเวลา”
“ถ้าเช่นนั้น เราไปกันเถิด” มู่ชิงเกอพูด
“ข้าและศิษย์น้องมู่จะไปส่งเจ้าด้วยกัน” จ้าวหนานซิงพูด
มู่ชิงเกอไม่ได้ปฏิเสธการร่วมเดินทางของจ้าวหนานซิง ทั้งสามรวมทั้งโย่วเหอ ฮวาเยวี่ยเดินทางออกนอกเมืองไป
ระหว่างทาง มู่ชิงเกอถามโย่วเหอเกี่ยวกับสถานการณ์ของแคว้นลี่
โย่วเหอตอบว่า “หลังจากที่ฟ่งอวี๋กุยซมซานกลับแคว้นไป เพราะชื่อเสียงเรื่องขโมยยาและทำร้ายผู้คน ความน่าเชื่อถือจึงลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งในตอนนี้อยู่ ๆ ฟ่งอวี๋เฟยก็กลับแคว้นไป ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ยํ่าแย่เป็นอย่างมาก ทั้งอยากกอบกู้ชื่อเสียงของตนเอง ทั้งยังคิดหาวิธีเล่นงานฟ่งอวี๋เฟย คุณชายต่อจากนี้เราควรทำอย่างไรต่อไป”
มู่ชิงเกอจึงตอบว่า “ให้ฟ่งอวี๋เฟยเล่นกับเขาไปก่อน”
โย่วเหอพยักหน้า เข้าใจความหมายของมู่ชิงเกอ
ทั้งห้ามาถึงจุดนัดหมายที่นัดไว้กับมั่วหยาง มั่วหยางได้นำองครักษ์เขี้ยวมังกรกลุ่มหนึ่งมารออยู่ตั้งนานแล้ว
ข้างๆ พวกเขา ยังมีรถม้าสองคันของมู่ชิงเกอจอดอยู่ มู่ชิงเกอรู้สึกมีอะไรผิดปกติ จากสายตาของมั่วหยางนางราวกับสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
เมื่อมีความคิดเช่นนี้ มู่ชิงเกอก็รีบเดินมาอยู่ตรงหน้ามั่วหยางเป็นคนแรก
ทันทีที่เห็นมู่ชิงเกอ มั่วหยางก็รีบเดินเข้าไปหาและพูดเบาๆ กับนางว่า “คุณชาย เกิดเรื่องขึ้นกับนายท่าน!”
มู่ชิงเกอหรี่ตาลง สีหน้าเย็นเยียบและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
มั่วหยางรีบตอบว่า “ข้าน้อยก็เพิ่งได้ข่าว เป็นข่าวจากกลุ่มคนของเราที่แฝงตัวอยู่ในลั่วตู บอกว่าหลายวันนี้ ลั่วตูมีคนแปลกหน้าเข้ามาหลายคน ไม่รู้ว่าคุยอะไรกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้น้อยถึงได้กักบริเวณผู้แทนพระองค์ ขังนายท่านและคุณหนูใหญ่ไว้ในคุกหลวง”
ท่าทางของมู่ชิงเกอดูเย็นเยียบ ในสายตาอันสว่างไสวไม่สามารถดูความรู้สึกในขณะนี้ออก
“ศิษย์น้องมู่เจ้าเป็นอะไรไป” จ้าวหนานซิงที่เพิ่งเดินมาถึง เห็นท่าทางอันเย็นเยียบของมู่ชิงเกอพอดี
มู่ชิงเกอหันไปบอกเขาว่า “ศิษย์พี่จ้าว ฝากท่านกลับโรงโอสถไปรายงานท่านอาจารย์ว่า ที่จวนข้าเกิดเรื่องขึ้น จะต้องกลับไปจัดการ อีกสามเดือนเราพบกับที่เมืองมู่”
จ้าวหนานซิงขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น มีอะไรที่ข้าช่วยได้หรือไม่”
มู่ชิงเกอส่ายหน้าช้าๆ และพูดกับจ้าวหนานซิงว่า “เรื่องนี้ ศิษย์พี่ช่วยข้าไม่ได้ ข้าต้องไปจัดการด้วยตนเอง”
จ้าวหนานซิงพยักหน้าและถอนหายใจ “อย่างไรก็ตาม หากมีอะไรที่ข้าช่วยได้ ก็จงบอก”
มู่ชิงเกอพยักหน้า เรียกให้จูหลิงขึ้นรถม้าไป แล้วตนเองขี่บนหลังเพลิงรัตติกาลที่มั่วหยางเตรียมมา โย่วเหอและฮวาเยวี่ยก็ขึ้นรถม้าไปพร้อมกัน
“อาชาเพลิง!” จ้าวหนานซิงหรี่ตาลงและพูดอย่างตื่นตระหนก “เจ้าเป็น…”
มู่ชิงเกอพยักหน้า ยอมรับฐานะของตนเอง “ข้าเป็นคุณชายจวนตระกูลมู่แห่งแคว้นฉิน มู่ชิงเกอ ศิษย์พี่จ้าวรักษาตัวด้วย!”
พูดจบ นางก็นำมั่วหยางและทุกคนออกเดินทางโดยไม่อยู่ต่อเพียงเสี้ยววินาที จ้าวหนานซิงยืนอึ้งอยู่กับที่ พักใหญ่จึงสามารถรับได้กับฐานะที่แท้จริงของมู่ชิงเกอ
ทันใดนั้น เขาได้ตื่นจากอาการมึนงง เรียกตัวองครักษ์ของตนเองออกมาและสั่งเขาว่า “เจ้ารีบกลับไปสืบกับทางวังหลวงว่า ที่แคว้นฉินเกิดเรื่องใหญ่อันใดกันแน่”
องครักษ์เตรียมจะออกไป เขาก็เตือนอีกว่า “จำเอาไว้ว่า ต้องสืบอย่างเงียบๆห้ามผู้ใดรู้! หากมีใครถามเจ้า ก็จงหาวิธีบ่ายเบี่ยง”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!” องครักษ์หันหลังและไปจาก
จ้าวหนานซิงคิดทบทวนครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบกลับโรงโอสถไป
ฐานะที่แท้จริงของมู่ชิงเกอ เขาจะต้องรายงานท่านอาจารย์ ศิษย์พี่และศิษย์น้องโดยเร็ว หากต้องการความช่วยเหลือจริงๆ นักปรุงยาอย่างพวกเขาจะต้องสามารถ ให้ความช่วยเหลือได้เป็นอย่างดี
อย่าลืมว่า ตอนนี้พวกเขารวมทั้งท่านอาจารย์โหลวชวนป่ายถือเป็นนักปรุงยาระดับสูงกันทั้งสี่คน!