ตอนที่ 137-3
ยอดฝีมือมาเยือน ครอบครัวตกอยู่ในอันตราย
ขบวนเพิ่งออกจากเมืองซางจื่อ มู่ชิงเกอก็พูดกับกู่หยาที่ซ่อนตัวอยู่ว่า “เจ้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้วหรือ”
กู่หยากลับตอบไม่ตรงคำถาม “ศพของคนจากโลกยุคกลางที่ถูกฆ่าไปในเทือกเขาฉินเมื่อครั้งก่อนถูกพบแล้ว”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” สายตาของมู่ชิงเกอเคร่งขรึมขึ้นมา “พบได้อย่างไร ที่นั้นมีสัตว์ที่วิญญาณมากมายเพียงนั้น แล้วมันผ่านไปนานมากแล้ว ศพจะยังอยู่ได้อย่างไร”
ทันใดนั้น นางก็ได้คิดอะไรบางอย่างออก และถามกู่หยาว่า “พวกคนที่ปรากฏในแคว้นฉิน มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นหรือ”
“ข้าประมาทเอง” กู่หยาพยักหน้า “ข้าคิดไม่ถึงว่าในร่างกายของคนผู้นั้นจะมีวิชาลับที่สามารถรักษาศพของตนเองได้ยิ่งไปกว่านั้นคือคิดไม่ถึงว่า จะมีคนจากโลกยุคกลางเข้ามาในหลินชวนเพื่อหาคนผู้นี้ แล้วพบศพของเขา และอ่านความทรงจำก่อนตายของเขา จนตามมาถึงจวนตระกูลมู่แห่งแคว้นฉิน”
มู่ชิงเกอเงียบ
เมื่อรู้แล้วว่าศัตรูเป็นคนจากโลกยุคกลาง นางกลับสงบลง
หากคนพวกนั้นตามมาถึงที่นี่เพราะนางฆ่าคนจากโลกยุคกลางคนนั้นจริง ถ้าเช่นนั้น ก่อนที่พวกเขาจะพบกับนาง ท่านปู่และท่านอาของตนเองจะต้องปลอดภัย
“ท่านปู่และท่านอาของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” มู่ชิงเกอถาม
อยู่ๆ กู่หยาก็หยุดพูด “เพียงแค่ถูกจับเข้าคุกหลวง ไม่ได้ เป็นอะไรมาก แต่ว่า…”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว “แต่ว่าอะไร”
กู่หยาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ฮ่องเต้น้อยแคว้นฉินของเจ้าช่างมีการกระทำต่ำช้าโดยแท้ ราวกับคิดว่าได้พบกับต้นไม้ต้นที่ใหญ่กว่า จึงไปกล่าววาจาเยาะเย้ยในคุกหลวงอยู่บ่อยครั้ง”
สายตาของมู่ชิงเกอดูเย็นเยียบ นางพูดด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึม “ฉินจิ่นเฉินถูกกักบริเวณหรือ”
กู่หยามองนางแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า “ไม่ได้สนใจเขา”
“…” มู่ชิงเกอเงียบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงพูดว่า “หากว่าเจ้ารู้มาตั้งนานแล้ว เหตุใดจึงไม่บอกข้า” นํ้าเสียงแฝงการกล่าวโทษ
กู่หยาอธิบาย “ได้ข่าวนี้ ตอนเริ่มการแข่งขันเพื่อคัดเลือก หากบอกท่านตอนนั้น ท่านต้องเลือกสละการแข่งขัน แล้วกลับไป ส่วนผลลัพธ์ที่ได้ นอกจากเดินทางถึงลั่วตูก่อน ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงประการใด เมื่อเทียบกันแล้ว ให้ท่านแข่งขันให้เสร็จสิ้นอย่างสบายใจก่อน ค่อยว่ากันจะดีกว่า”
มู่ชิงเกอไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เพราะสิ่งที่กู่หยาพูดเป็นความจริง เพราะหากเป็นนาง นางเองก็จะเลือกวิธีที่มีเหตุผล
ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง มู่ชิงเกอพูดกับกู่หยาว่า “เจ้ารีบกลับลั่วตูไปก่อน และคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ ท่านปู่และท่านอาของข้า อย่าให้พวกเขาได้รับความอยุติธรรม หากมี ใครกล้าลบหลู่หรือทำอันตราย ฆ่าไม่ต้องเว้น!”
คำหลังสุด นางพูดด้วยไอสังหารอันรุนแรง
กู่หยามองนางแวบหนึ่ง พลันพยักหน้าและจากไป
หลังจากที่เขาจากไปแล้ว ไอสังหารในใจของมู่ชิงเกอจึงถูกกดลงไป นางอยากให้กู่หยาลงมือช่วยญาติของตนเองและจบการข่มขู่ทั้งหมด แต่ว่า นางกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้นางจะต้องช่วยท่านปู่และท่านอาด้วยความสามารถของตนเอง!
สายตาพลันดูเคร่งขรึม มู่ชิงเกอสั่งมั่วหยางว่า “รวบรวมกองทหารพันเพลิงและองครักษ์เขี้ยวมังกรทุกคนให้ไปรอที่ลั่วตู และ…” มู่ชิงเกอหยิบสัญญากู้ยืมออกมาแล้วส่งให้มั่วหยาง “ไปหอสรรพสิ่งและนำของที่ระบุในใบนี้มา”
มั่วหยางรับมาดูแวบหนึ่ง แล้วสูดหายใจเข้าอย่างตกใจทันที
บนใบนั้นเขียนว่า ติดค้างแก่นสมองสัตว์ที่มีพลังเวทสายครามหนึ่งพันแก่น!
มั่วหยางเม้มปากแน่น ไม่ได้ถามอะไรและไปทำตามคำสั่งของมู่ชิงเกอทันที
หลังจากที่มั่วหยางจากไปแล้ว มู่ชิงเกอก็แอบคำนวณเวลาในใจ ออกเดินทางจากที่นี่โดยไม่หยุดพัก ไวที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือน
ครึ่งเดือนนั้นนางไม่มีทางเสียเวลาไปกับการเดินทาง!
มู่ชิงเกอกลับเข้าไปในรถม้า จูหลิงที่นั่งอยู่ข้างในมองนางตาเป็นประกาย จนมู่ชิงเกออึ้งและถามว่า “ทำไมหรือ”
จูหลินปลาบปลื้มใจ “ไม่คิดว่า ฐานะที่แท้จริงของศิษย์น้องมู่กลับเป็นถึงคุณชายจวนตระกูลมู่แห่งแคว้นฉิน ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง!”
มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก นั่งลงข้างนาง แล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงใช่หรือไม่”
จูหลิงพยักหน้า “คิดไม่ถึงจริงๆ แม้แคว้นอวี๋จะห่างไกลจากแคว้นฉิน แต่เราก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของคุณชายตระกูลมู่แห่งแคว้นฉิน”
“ได้ยินอะไรมาบ้าง” มู่ชิงเกอพูด จูหลิงหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อืม ว่ากันว่า คุณชายแห่งแคว้นฉินเป็นจอมเสเพลอันดับหนึ่ง ไม่เพียงแค่ไม่สามารถฝึกพลังเวทได้ แต่ยังเป็นร่างที่ไร้ค่า และยังเล่ากันอีกว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การสร้างภาพของคุณชายตระกูลมู่ หลังจากสงครามที่เมืองอี้ เมืองของตระกูลมู่ คุณชายตระกูลมู่ก็เผยตัวตนที่แท้จริง สังหารพระมาตุลากลางถนนจึงได้สูญเสียคู่หมายที่หมั้นหมายกันตั้งแต่วัยเด็กไป ซึ่งก็คือองค์หญิงแคว้นฉิน หลังจากนั้น คุณชายตระกูลมู่ก็ตัดสินใจออกจากลั่วตูไปยังเมืองอี้ เมื่อกลับลั่วตูมาอีกครั้ง ก็กลายเป็นทหารหนุ่มผู้สง่างาม ถึงขั้นที่ว่ามีอาชาเพลิงเป็นพาหนะ สง่างามห้าวหาญ ทำให้พวกคนที่คอยนินทาได้เปลี่ยนความคิดไปอย่างสิ้นเชิงและยังว่ากันอีกว่า ในขณะที่คุณชายกลับมาถึงลั่วตู เป็นช่วงที่แคว้นถูมาสู่ขอองค์หญิงพระองค์ที่เคยหมั้น หมายกับคุณชาย ในงานเลี้ยง หมานอ๋องแห่งแคว้นถูจงใจหาเรื่อง คุณชายตระกูลมู่กลับฆ่ายอดฝีมือแคว้นถูจนตายในทีเดียว ทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึง จากนั้น ก็ก่อกบฏในวังหลวงแคว้นฉิน ผลักดันฮ่องเต้ที่ยังทรงพระเยาว์ขึ้นบัลลังก์ จากนั้นก็นำองครักษไใปชิงตัวองค์หญิงกลับมา ทำให้อีกฝ่ายโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่ชิงตัวองค์หญิงกลับไป แต่ยังทำให้แคว้นถูและแคว้น ฉินเกิดสงครามครั้งใหญ่ ในตอนแรก ทุกคนคิดว่าแคว้นฉินจะต้องพ่ายแพ้ เพราะแคว้นฉินเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในวังหลวงและสถานการณ์ยังไม่มั่นคง แต่คิดไม่ถึงว่า คุณชายกลับเด็ดเดี่ยว เข้าไปสังหารถึงวังหลวงและสังหารรัชทายาทแคว้นถู ณ ที่ราบลั่วรื่อ สั่งสอนแคว้นถูจนหลาบจำ ทำให้แคว้นถูส่งจดหมายยอมแพ้ฉบับแรกตั้งแต่สถาปนาแคว้นมาให้กับแคว้นฉิน!”
จูหลิงพูดอยู่ดีๆ ก็หยุดไป พินิจมู่ชิงเกอแวบหนึ่ง สายตาพลันเปลี่ยนไป “ทุกคนล้วนคิดว่าคุณชายยังอยู่ในแคว้นฉิน แต่ไม่คิดว่าเขาจะปลอมตัวเข้ามาอยู่ในแคว้นอวี๋ สร้างเรื่องอัศจรรย์ให้กับโรงโอสถย่อยได้เชิดหน้าชูตา!”
หลังจากที่ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับตนเองจบแล้ว มู่ชิงเกอเพียงยิ้ม “เรื่องเล่าเชื่อไม่ได้ทั้งหมด”
จูหลิงส่ายหน้า “เรื่องก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้เห็นกับตา ไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงโอสถ ข้าพบเจอมาด้วยตนเอง ไม่มีอะไรที่ไม่เป็นความจริง”
มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้ม ไม่มีอารมณ์พูดเล่นกับจูหลิง จึงพูดไปว่า “ตอนแรกคิดว่าจะให้ศิษย์พี่จูหลบอยู่ในจวนตระกูลมู่อย่างมั่นคง หลังจากนั้นสามเดือน ก็ไปเมืองมู่เพื่อเข้าสู่ทะเลแห่งความจริง แต่ว่า” หยุดไปครู่หนึ่ง นางจึงพูดต่อว่า “เมื่อครู่นี้ได้ข่าวมาว่าที่จวนเกิดเรื่องขึ้น คงจะไม่สามารถจัดเตรียมที่ๆ ปลอดภัยให้กับศิษย์พี่จูได้เร็วๆ นี้ ข้าทำได้เพียงแค่ให้ท่านอยู่ในที่ๆปลอดภัยของชายแดนแคว้นฉิน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะรับท่านกลับไปที่จวนตระกูลมู่ ขอให้ศิษย์พี่จูอภัยด้วย”
จูหลิงฟังจบ ไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมาแต่อย่างไร กลับพูดอย่างเป็นห่วงว่า “เจ้าเปลี่ยนแผนมาร่วมเดินทางกับข้า ข้าก็เดาออกแล้วว่าต้องเกิดอะไรขึ้น เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า ออกจากแคว้นอวี๋แล้ว ข้าคิดว่าความปลอดภัยของข้าคงจะไม่มีปัญหาอะไร หากต้องการความช่วยเหลือจากข้า เจ้าอย่าได้เกรงใจ ขอให้สั่งมาได้เลย แม้ว่าพลังเวทของข้าจะไม่สูงมากนัก แต่อย่างน้อยก็เป็นนักปรุงยาระดับสูง อย่างอื่นช่วยไม่ได้ แต่การปรุงยาถือว่าสามารถช่วยได้”
พูดจบ นางก็หลุดเสียงหัวเราะพรึ่ดออกมา “แอบบอกเจ้านะ ก่อนออกจากโรงโอสถ ข้าได้ไปเตรียมสมุนไพร จากสวนสมุนไพรมาจำนวนมาก ล้วนอยู่ในกระเป๋าจัดเก็บของข้า เรื่องการปรุงยา ศิษย์น้องมู่ไม่ต้องคิดมาก”
คำพูดของจูหลิง ทำให้มู่ชิงเกออุ่นใจมากขึ้น
นางเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ได้หากต้องการความช่วยเหลือจากศิษย์พี่จู ข้าจะไม่เกรงใจ”
พูดจบ นางก็พูดกับโย่วเหอและฮวาเยวี่ยว่า “ช่วงนี้ข้าจะเก็บตัว หากไม่มีเรื่องใหญ่อะไรห้ามรบกวนข้า”
โย่วเหอและฮวาเยวี่ยพยักหน้า
หลังจากที่จูหลิงฟังแล้ว ก็ออกจากรถม้าและไปขี่ม้าแทน
ส่วนในรถม้า ให้มู่ชิงเกอใช้เก็บตัว
ความจริงแล้วมู่ชิงเกอไม่ได้เก็บตัว แต่เข้าไปอยู่ในช่องว่าง นางจะต้องใช้เวลานี้ ในการสร้างปืนกรีเนทลันเชอร์ ที่วางโครงร่างเอาไว้ ศัตรูที่มาจากโลกยุคกลาง ไม่ใช่ ศัตรูที่องครักษ์เขี้ยวมังกรจะเผชิญหน้าได้โดยตรง!
ปืนที่ใช้แก่นสมองเป็นกระสุน จะกลายเป็นอาวุธลับของนาง
นอกจากนั้น นางก็อยากไปดูเจ้าราชาจิ้งจอกหิมะตัวนั้น หากสามารถทำให้มันเชื่อฟังได้ ถ้าเช่นนี้ในการสู้กับศัตรู จะต้องได้ผลเหนือความคาดหมาย!