ตอนที่ 137-4
ยอดฝีมือมาเยือน ครอบครัวตกอยู่ในอันตราย
ภาพลวงตาของราชาจิ้งจอก ถือได้ว่าเหมือนจริงที่สุด!
สำหรับทางด้านของท่านปู่และท่านอา มีกู่หยาไปแอบปกป้องอยู่ น่าจะไม่มีอะไร ส่วนฉินจิ่นเฉิน หึ ฮ่องเต้คนนี้เขาเป็นคนเลือก วันนี้ถูกหมาป่าน้อยที่เลี้ยงเอาไว้ แว้งกัดก็ไม่สามารถโทษใครได้
หลังจากที่มู่ชิงเกอเข้าไปในช่องว่างก็ตรงไปยังห้องที่ขังราชาจิ้งจอก
เพิ่งจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู ก็ได้ยินเสียงของเหมิงเหมิง “ข้าว่านะ เจ้าจิ้งจอก เหตุใดจึงดื้อเพียงนี้! จะยอมเชื่อฟังเจ้านายของข้าหรือไม่ เจ้าให้คำตอบมาสิ ข้าให้ อาหารกินทุกมื้อไม่มีขาด แต่กลับไม่ยอมพูดสักคำ หมายความว่าอย่างไร”
ราชาจิ้งจอกหิมะก้มหน้าลงกินเนื้อมังกรวารี เมื่อได้ยินคำพูดของเหมิงเหมิง ก็เงยสายตาขึ้นมองนางแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าลงกินอีกครั้ง
เหมิงเหมิงเอามือเท้าเอว แล้วพูดด้วยความโกรธ “เจ้า บังอาจเยาะเย้ยข้า!”
“เหมิงเหมิง” มู่ชิงเกอเดินเข้ามา
ความโกรธหายไปจากร่างกายของเหมิงเหมิงทันที และเผยท่าทางทุกข์ใจ พุ่งเข้าไปบิดเอวตรงหน้ามู่ชิงเกอ “เจ้านาย เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นกลั่นแกล้งข้า!”
มู่ชิงเกอยกมือขึ้นตบหัวนาเบาๆ และพูดกับนางว่า “เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องคุยกับมัน”
“อืม” เหมิงเหมิงเดินออกอย่างไม่จำยอม ก่อนไป ยังหันหน้าไปทางราชาจิ้งจอกแล้วทำหน้าผีใส่มัน
มู่ชิงเกอนั่งอยู่ตรงหน้าราชาจิ้งจอกหิมะ ดูมันกินเนื้อเงียบๆ
หลังจากที่ราชาจิ้งจอกหิมะกินเนื้อมังกรวารีคำสุดท้ายเข้าไป ร่างสีขาวดั่งหิมะของมันราวกับมีแสงสีนํ้าเงินประกายม่วงส่องสว่างออกมา ขนและหนังสีขาวก็สว่างขึ้นมาก
เรอออกมาทีหนึ่ง ราชาจิ้งจอกหิมะเบิกตาสีเลือดขึ้น ลิ้นสีแดงของมันเลียคราบเลือดที่ติดมุมปาก สายตาอันเย็นเยียบจ้องมู่ชิงเกอ
“อร่อยหรือไม่” อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็ถาม นํ้าเสียงของนางแนบนิ่งมาก ยากที่จะคาดเดาอารมณ์
จิ้งจอกหิมะอึ้ง ราวกับคิดไม่ถึงว่ามู่ชิงเกอจะเปิดประเด็นเช่นนี้ “ดูเหมือนว่า เจ้าจะอารมณ์ดี” ราชาจิ้งจอกหิมะใช้ภาพลวงตาในการพูด มู่ชิงเกอไม่ได้ตอบคำถามนี้ของเขาและพูดต่อว่า “วันนี้เป็นโอกาสสุดท้าย จะเชื่อฟังหรือตาย”
สายตาของจิ้งจอกหิมะฉายความเคร่งขรึมและค่อยๆ หรี่ลง
ครู่หนึ่ง มันจึงยิ้มเยาะ “ข้านึกว่าเจ้าจะมีความอดทนมากกว่านี้ แต่กลับมีเพียงเท่านี้”
มู่ชิงเกอไม่เถียง เพียงแค่ก้มสายตาลงและขีดเส้นเวลาให้กับมัน “เจ้ามีเวลาคิดหนึ่งเค่อ”
ราชาจิ้งจอกหิมะขมวดคิ้วขึ้นมา มันถนัดเรื่องการอ่านใจคน ภาพมายาของมันสามารถเข้าถึงส่วนลึกที่สุดในหัวใจของคนและขุดความทรงจำที่อยู่ส่วนลึกที่สุดของจิตใจแล้วคัดลอก ถึงขั้นว่าสามารถรู้จุดอ่อนในใจของมนุษย์ ใช้ภาพมายาสร้างภาพลวงตาที่ไม่อาจปฏิเสธได้
แต่ทว่า ในขณะนี้ มันกลับไม่เข้าใจความคิดของมู่ชิงเกอ
ก่อนหน้านี้ มันสามารถสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้านี้จะเก็บมันเอาไว้เลี้ยงและไม่อยากฆ่าตน
แต่ทว่า ในวินาทีนี้ มันกลับไม่สามารถสัมผัสความคิดของคนที่อยู่ตรงหน้าได้ ราวกับนางไม่ได้คิดอะไร สภาพจิตใจสงบนิ่งจนไม่มีความรู้สึกอันใด
ที่นางให้มาสองทางเลือก ราวกับจะเป็นจริงทั้งสองอย่าง!
ดวงตาสีโลหิตของราชาจิ้งจอกหิมะมืดมนลงและพูดอย่างช้าๆ ว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ฆ่าข้าเสียเถิด”
“ได้ ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า” มู่ชิงเกอยืนขึ้น ค่อยๆ เงยสายตาขึ้น ส่วนลึกของดวงตาอันสว่างไสวเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ ราวกับเกิดไอสังหารขึ้นจริงๆ
ราชาจิ้งจอกหิมะตัวสั่นและพูดเสียงหลงว่า “เจ้าจะฆ่า ข้าจริงๆ หรือ!”
มู่ชิงเกอมองมันด้วยความแนบนิ่ง ราวกับกำลังพูดว่า ‘เจ้าเป็นคนเลือกเอง’
“เดี๋ยวก่อน” ราชาจิ้งจอกหิมะเสียงหลง
มู่ชิงเกอกลับไม่มีวี่แววที่จะหยุด
ราชาจิ้งจอกรีบพูดว่า “เมื่อครู่นี้ข้าพูดเล่น!”
ท่าทางที่ดูน่าโมโหทั้งน่าปวดหัวนี่ใช่ราชาจิ้งจอกหิมะจอมหยิ่งตัวนั้นจริงหรือ สายตาอันเย็นเยียบของมู่ชิเกอหรี่ลง
“ข้ารับปากเจ้า!” ถือโอกาสนี้ ราชาจิ้งจอกหิมะรีบเปลี่ยนคำพูด
ดวงตาของมู่ชิงเกอหรี่จนกลายเป็นเส้นตรงและพูดอย่างขบขันว่า “รับปากอะไรข้า”
ราชาจิ้งจอกหิมะมองนางด้วยความโกรธและพูดอย่างเคืองๆ “รับปากเจ้าว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า พอใจหรือยัง!” ตอบไปเช่นนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ายากเย็นมากนัก ราชาจิ้งจอกหิมะรู้ว่า ก่อนที่มู่ชิงเกอจะมา ในใจของมันก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว
เมื่อครู่นี้ที่บอกว่าจะให้ฆ่ามัน ก็เพราะโกรธที่มู่ชิงเกอข่มขู่มันเช่นนั้น!
หึๆ จิ้งจอกก็ต้องรักษาภาพลักษณ์นะ!
“ไม่ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง” มู่ชิงเกอแก้ “เป็นสหายที่เคียงคู่กันในสนามรบ สหายที่สามารถวางใจฝากฝังได้”
ราชาจิ้งจอกหิมะยืนอึ้งอยู่กับที่ หัวใจทวนคำพูดของมู่ชิงเกออย่างต่อเนื่อง
พักใหญ่ มันจึงมองมู่ชิงเกออย่างมุ่งมนและพูดด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึมว่า “เจ้ามนุษย์เจ้าพูดจริงหรือ”
มู่ชิงเกอหันมองมันในสายตาอันสว่างไสวเต็มไปด้วย ความจริงใจ
ราชาจิ้งจอกหิมะเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วจึงพูดว่า “ได้จำ คำพูดวันนี้ของเจ้าเอาไว้หากเจ้ากล้าหลอกลวงข้า แม้ตายไปแล้ว ข้าก็จะลากเจ้าลงนรก!”
มู่ชิงเกออึ้ง และได้สติกลับคืนมา
สัตว์เลี้ยงกับสหาย มันต่างกับมาก สิ่งแรกเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างไม่เท่าเทียมกันและสามารถทอดทิ้งสัตว์เลี้ยงได้ตลอดเวลา แต่สิ่งหลัง คือ นับถือกันด้วยใจและ อยู่ร่วมกันด้วยความเสมอภาค
“ข้าสาบานด้วยหัวใจและโลหิต นับตั้งแต่วันนี้ขอสาบานกับคนตรงหน้าว่า ตั้งแต่นี้จะนับถือคนผู้นี้เป็นเจ้านาย หากผิดคำสาบานทรยศหักหลังขอให้วิญญาณแตก สลาย” ราชาจิ้งจอกหิมะเอ่ยคำสาบานแบบโบราณ ทันใดนั้นใต้เท้าของมันและมู่ชิงเกอมีสัญลักษณ์อันลึกลับราวกับมีการสลักปรากฏขึ้น หลังจากที่มันปรากฏจน ชัดเจนแล้ว โลหิตหยดหนึ่งก็ออกจากปากของราชาจิ้งจอกหิมะ แล้วเข้าสู่หว่างคิ้วของมู่ชิงเกอ
“เจ้านายของข้า ข้ามีนามว่าหยินเฉิน” ทันใดนั้น เสียงของราชาจิ้งจอกหิมะดังขึ้นในหัวของมู่ชิงเกอ นางรับรู้และนางสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของราชาจิ้งจอก หิมะ ความสัมพันธ์อันลึกลับนี้ได้เกิดขึ้นเพราะสัญญานี้ หลังจากที่เสร็จพิธีแล้ว จิ้งจอกหิมะหยินเฉินก็ยืนขึ้นจากพื้น แล้วพูดกับมู่ชิงเกออย่างเย่อหยิ่งว่า “แม้ว่านับตั้งแต่นี้ท่านจะเป็นเจ้านายของข้า แต่ว่า หากวันหนึ่ง ท่านผิดคำพูด ถึงแม้ข้าตายไปแล้วก็จะกลับมาแก้แค้นด้วยตัวเอง!”
มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากเบาๆ และพูดอย่างมั่นใจว่า “วางใจเถิด เจ้าจะไม่มีวันนั้น”
ในที่สุดก็ทำให้ราชาจิ้งจอกหิมะเชื่อฟังสำเร็จแล้ว ไพ่ใบสุดท้ายของมู่ชิงเกอได้เพิ่มมากขึ้นอีกใบ
ในขณะที่นางเตรียมจะไปจัดการกับปืนกรีเนทลันเชอร์ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของโย่วเหอดังมาจากข้างนอก “คุณชาย เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
สายตาของมู่ชิงเกอฉายความเคร่งขรึม พลันหันหลังและเดินออกจากช่องว่าง
ภายในรถม้า มู่ชิงเกอลืมตาขึ้น พบว่ารถม้าที่ควรจะเร่งเดินทางหยุดลง
โย่วเหออยู่ข้างๆ ตนเอง ใบหน้าฉายความเคร่งเครียด มู่ชิงเกอมองนางแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
โย่วเหอพูด “ข้างหน้ามีคนลอบโจมตี จำนวนคนมีมากกว่าและบอกให้เราคืนตัวแม่นางจูไป”
มาหาจูหลิงอย่างนั้นหรือ
สายตาของมู่ชิงเกอฉายความเย็นเยียบ และพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร