Skip to content

พลิกปฐพี 131-3

ตอนที่ 131-3

ปรมาจารย์โหลวโปรดระงับความโศกเศร้า

“เอ่อ…” เหมิงเหมิงเกาหัว แล้วพูดกับมู่ชิงเกอว่า “โดยพื้นฐานแล้ว เนื้อพวกนี้เอาไปป้อนให้ไอ้จิ้งจอกตัวนั้นกินก็ถือว่าไม่เลว!”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากในทันที แล้วกัดฟันพูดว่า “หมายความว่ามันไม่มีประโยชน์อย่างนั้นหรือ”

“พูดอย่างนี้ไม่ได้นะ!” เหมิงเหมิงปฏิเสธ “เนื้อเหล่านี้ก็มีพลังมังกร แต่มีพลังมังกรวารีมากกว่า มังกรวารีไม่ต่างจากมังกรมากนัก ให้ไอ้จิ้งจอกตัวนั้นกินเนื้อพวกนี้เข้าไป ไม่แน่ว่าจะทำให้มันทะลวงขีดจำกัดของสัตว์อสูรเทวะได้!”

ทะลวงขีดจำกัดของสัตว์อสูรเทวะ!

หัวใจของมู่ชิงเกอเต้นเร็วขึ้นมาในทันที

เหนือกว่าสัตว์อสูรเทวะคืออะไร สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์!

ในหลินชวนยังไม่เคยมีสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์!

ราวกับรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เหมิงเหมิงจึงพูดเสริมอย่างได้ใจคำหนึ่ง “อย่าว่าแต่หลินชวนเลย แม้จะเป็นโลกที่เหนือกว่าหลินชวน ก็ยากที่จะมีสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏอยู่”

มู่ชิงเกอกลืนนํ้าลาย พร้อมอุทานอีกครั้งว่า มังกรวารีช่างเป็นสมบัติที่ล้ำค่าไปทั้งตัว!

เหมิงเหมิงพูดเองเออเองว่า “เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นมีกลิ่นไอของสัตว์อสูรเทวะอยู่แล้ว ให้อาหารมันมื้อใหญ่ มีโอกาสที่จะกลายเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ! ว๊าว! ในประวัติศาสตร์ของเผ่าจิ้งจอกหิมะยังไม่เคยมีสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏมาก่อน! แต่ว่า เจ้าจิ้งจอกตัวนี้ดื้อมาก ไม่ยอมเชื่อฟังเจ้านาย เป็นเช่นนี้แน่นอนว่าจะให้มันเอาเปรียบไม่ได้+ เนื้อมังกรวารีเหล่านี้เก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า! หาก วันใดได้สัตว์เลี้ยงที่เข้าตา ค่อยเอาออกมา….หืม? เจ้านาย ท่านจะเอาเนื้อมังกรวารีไปไหน”

อยู่ ๆ เหมิงเหมิงก็เห็นว่ามู่ชิงเกอถือเนื้อมังกรวารีชิ้นหนึ่ง เดินออกไป จึงรีบตามไปและดึงชายเสื้อของนางเอาไว้อย่างแรง

แต่ทว่า ร่างเล็ก ๆ ของนางจะควบคุมการเคลื่อนไหวของมู่ชิงเกอได้อย่างไร

นางจึงเรียกเสียงดังออกมาอย่างห้ามไม่ได้ “เจ้านาย ท่านจะต้องใจเย็นนะ! มังกรวารีนั้นลํ้าค่า หากท่านให้เจ้าจิ้งจอกไม่รู้จักบุญคุณนั้นกินไปตอนนี้ อาจจะขาดทุนได้ ! คราวหน้าใช่ว่าจะได้พบกับมังกรวารีอีก!”

“ไปเล่นข้างๆ โน่นไป!” มู่ชิงเกอเพียงยกเท้าเบาๆ ก็สะบัดตัวเหมิงเหมิงออกไป แต่นางยังคงถือเนื้อมังกรวารี แล้วมุ่งไปยังห้องของราชาจิ้งจอกหิมะ

เมื่อเข้าไปภายในห้อง ราชาจิ้งจอกหิมะยังคงนอนอยู่บนพื้น หางอันใหญ่บดบังร่างกายของมันเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงแค่ครึ่งหัว

มู่ชิงเกอมองมันแวบหนึ่งแล้วโยนเนื้อมังกรวกรีไปตรงหน้าของมัน

เพียงเสียงปัง เสียงเนื้อมังกรวารีตกลงพื้น พร้อมกลิ่นคาวเลือดอันรุนแรง กระตุ้นให้ราชาจิ้งจอกหิมะเบิกตาขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงก่ำ

“กินสิ” มู่ชิงเกอดึงเก้าอี้มานั่งลงอย่างผ่อนคลาย ขาทั้งสองข้างไขว้กัน แผ่นหลังก็พิงลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน

นางมองราชาจิ้งจอกหิมะอย่างเหนือกว่า ราชาจิ้งจอกหิมะเพียงอุทาน หึ คำหนึ่งแล้วหลับตาลง

“ไม่กินรึ ยอมหิวตาย” มู่ชิงเกอยักคิ้วและพูดอย่างขบขันว่า “อืม เป็นเช่นนี้ก็ดี ข้าไม่เพียงแค่ประหยัดอาหาร ทั้งยังไม่ต้องคอยเป็นกังวลว่ามีจิ้งจอกตัวหนึ่งจ้องจะเอาชีวิตของข้าด้วย”

ราชาจิ้งจอกหิมะเบิกตาในทันที ในส่วนลึกของสายตา สาดฉายความอำมหิต

มันจ้องมู่ชิงเกอ ราวกับอยากจะมองจนร่างกายของนางทะลุเป็นรูขึ้นมา

พักใหญ่ มันจึงก้มหน้าลงอย่างเย่อหยิ่ง แล้วกัดเนื้อมังกรวารีที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้

เพียงแต่ว่า ทันทีที่เนื้อมังกรวารีเข้าปาก ดวงตาแดงก่ำ ของมันก็หรี่ลงในทันที พลันมองมู่ชิงเกออย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าฆ่าเจ้ามังกรวารีในทะเลสาบเยวี่ยหรือ!” เสียงอันไพเราะของชายหนุ่มดังขึ้นในหูของมู่ชิงเกอ ทำให้นางตาเป็นประกายขึ้นมา และพูดพร้อมรอยยิ้มว่า

“สัตว์อสูรเทวะอย่างไรก็เป็นสัตว์อสูรเทวะ! ถึงยังไม่เติบโตเต็มวัยก็สามารถพูดภาษาคนได้แล้ว”

“หึ โง่เขลา ข้าใช้ภาพลวงตาในการคุยกับเจ้าต่างหาก” ราชาจิ้งจอกหิมะมองนางอย่างเย้ยหยันแวบหนึ่ง

มู่ชิงเกออึ้งและสังเกตราชาจิ้งจอกหิมะอย่างละเอียด

แล้วจึงพบว่าในปากของมันยังคาบเนื้อมังกรวารีเอาไว้ ไม่สามารถอ้าปากพูดอะไรได้

นางยกยิ้มเบาๆ หรี่ตาทั้งสองข้างลง “น่าสนใจ เป็นเช่นนี้ก็ดี จะได้ไม่เป็นการสีซอให้ควายฟัง”

“เจ้าบังอาจเปรียบเทียบราชาจิ้งจอกหิมะผู้สูงส่งอย่างข้ากับควายอย่างนั้นหรือ” ราชาจิ้งจอกหิมะพูดพร้อมความโกรธ

มู่ชิงเกอยักไหล่ “เหมิงเหมิงบอกว่าจ้าดื้อมาก จุดนี้ถือว่าคล้ายกับควาย ล้วนคิดไม่เป็น”

“เจ้า! มนุษย์! เจ้ารนหาที่ตาย!” ราชาจิ้งจอกหิมะจ้อง มู่ชิงเกออย่างโหดเหี้ยม

มู่ชิงเกอกลับยิ้มอย่างเบิกบานใจเป็นที่สุด “อย่าลืมว่า ตอนนี้เจ้าอยู่ภายใต้อำนาจของข้า จะฆ่าเจ้าหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับความคิดของข้า!”

ราชาจิ้งจอกหิมะเงียบ แต่ความไม่จำยอมในสายตากลับชัดเจนเป็นอย่างมาก

มู่ชิงเกอเคลื่อนสายตา ไปมองเนื้อมังกรวารีที่คาอยู่ในปากของมันแล้วถามว่า “เจ้ารู้ด้วยหรือ ว่าในทะเลสาบเยวี่ยมีมังกรวารี”

ราชาจิ้งจอกหิมะมองนางอย่างแนบนิ่งแวบหนึ่งและกัดเนื้อในปากอย่างแรง พลันเคี้ยวหลายครั้งแล้วกลืนลงไป “แน่นอนว่ารู้ มันกินพรรคพวกของข้าไปมาก คิดไม่ถึงว่ามันจะตายด้วยน้ำมือของเจ้า”

ดวงตาอันสว่างไสวของมู่ชิงเกอเป็นประกายทีหนึ่งและ พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ถึงว่าท่าทางตอนเจ้ากินเนื้อของมันจึงได้เต็มไปด้วยความแค้นเช่นนี้ แต่คราวนี้ก็คงจะลำบากแล้ว”

ราชาจิ้งจอกหิมะหยุดการกิน แล้วหันมองมู่ชิงเกอราวกับไม่เข้าใจคำพูดของนาง

มู่ชิงเกออธิบายให้กับมันฟังพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าดูสิ ข้าเป็นศัตรูเจ้า มังกรวารีก็เป็นศัตรูของเจ้า ความจริงแล้ว เจ้าคงจะเกลียดมันมากกว่าและจากนํ้าเสียงของเจ้า แล้ว เจ้าคงเคยไปแก้แค้น แต่เสียดายที่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ข้าฆ่ามังกรวารีไปแล้ว ก็ถือว่าแก้แค้นให้กับเจ้า เจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไรเล่า”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ! ให้ข้าตอบแทนเจ้า!” ดวงตาแดงก่ำ ของราชาจิ้งจอกหิมะเบิกโตในทันที!

มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างตั้งใจ “เจ้าดูสิ ข้าฆ่าพรรคพวกเพียงตัวเดียวของเจ้า เจ้าก็ตามมาเอาชีวิตข้า แต่ว่าข้าได้ล้างหนี้แค้นอันยิ่งใหญ่ให้กับเจ้า เผ่าจิ้งจอกหิมะของ พวกเจ้า คงไม่ใช่ว่ารู้จักแต่ล้างแค้นแต่ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณหรอกนะ!”

ในดวงตาสีแดงราชาจิ้งจอกหิมะราวกับกำลังเคลื่อนไหว มันกัดฟันและพูดว่า “ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าฆ่ามัน มันเทียบกันไม่ได้!”

“เจ้าพูดเช่นนี้ช่างไม่มีเหตุผล” มู่ชิงเกอพูดอย่างมีหลักการว่า “การฆ่าพรรคพวกของเจ้า ข้าก็หาได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตามมันก็ลอบทำร้ายข้าก่อน อีกทั้งยังแสดงท่า ทางว่าหากไม่ได้ฆ่าข้าจะไม่จำยอม เพื่อป้องกันตัวข้าจึงได้ฆ่ามัน เจ้าก็คิดว่าข้าสมควรตาย หรือว่า สำหรับจิ้งจอกหิมะอย่างพวกเจ้าแล้ว มนุษย์ควรจะรอความ ตายโดยไม่ต้องทำอันใด หากเจ้ามีหลักการเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นการที่มังกรวารีกินพรรคพวกของเจ้า เจ้าจะโกรธแค้นไปทำไม มังกรวารีเก่งกาจมากถึงเพียงนั้น ฆ่าพรรคพวกของเจ้าก็เพราะพวกมันสมควรตายแล้ว”

“เจ้าพูดเหลวไหล!” ราชาจิ้งจอกหิมะตะโกนลั่น

ดวงตาคู่นี้ ถูกมู่ชิงเกอกระตุ้นจนแดงกํ่ามากขึ้นกว่าเดิม

มู่ชิงเกอส่ายหน้าและพูดว่า “เจ้าคิดผิดแล้ว ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล แต่อธิบายตามความคิดของเจ้า”

ราชาจิ้งจอกหิมะโกรธจนส่งเสียง ‘กรอดๆ’ เขี้ยวอันแหลมคมเผยออกมาอยู่ข้างนอก

มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ และพูดต่อว่า “หากเจ้าคิดว่าข้าพูดจาเหลวไหล ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า ที่เจ้าตามล่าข้าก็ไม่มีเหตุผลสิ? ข้าฆ่าพรรคพวกของเจ้าเพราะโดนข่มขู่ และมันเข้ามาทำร้ายมนุษย์เอง ก็ควรจะเตรียมใจยอมรับความผิดพลาดและความตาย พูดได้เพียงแค่ว่ามันโชคร้าย ที่เจอคนที่เหนือกว่า ส่วนมังกรวารี กินพรรคพวกจำนวนมากของเจ้าไป นั่นคือการคุกคาม หากว่ามันยังมีชีวิตอยู่ พรรคพวกของเจ้าจะถูกคุกคามต่อไปเรื่อยๆ และจะสูญเสียชีวิตต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้ ข้าฆ่ามันแล้ว ปลดปล่อยการถูกคุกคามของพรรคพวกของเจ้า ฉะนั้นข้าควรจะเป็นผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงของพวกเจ้าถึง จะถูกต้อง! รวมทั้งเจ้า เจ้าคิดจะฆ่าข้า ควักหัวใจของข้า ข้ากลับเลือกที่จะไม่ฆ่าเจ้า ยังให้โอกาสเจ้ากินเนื้อของศัตรู  หึๆข้าช่างเป็นคนดีนัก! ซาบซึ้งจนจะร้องไห้อยู่แล้ว!”

“เป็นเพราะเจ้าต้องการจะให้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงเจ้า ราชาจิ้งจอกหิมะปฏิเสธอย่างไม่จำยอม

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย็นเยียบ “เจ้าก็หลงตัวเองมากไป คิดว่าตนเองไม่มีใครเทียบได้หรือ! เก็บเจ้าไว้เป็นสัตว์เลี้ยง ก็เป็นแค่ความสนใจในชั่วขณะ อยากจะหาเพื่อนให้เจ้าเหมิงเหมิง หากวันใดเหมิงเหมิงของข้าเบื่อแล้ว นางจะต้มหรือย่างเจ้าก็ย่อมได้”

“เจ้านาย! เหมิงเหมิงรักท่านมากเหลือเกิน!” เหมิงเหมิงที่แอบฟังอยู่นอกประตู อดไม่ได้ที่จะชูหมัดของตนเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

ในขณะนี้เอง สายตาที่นางมองราชาจิ้งจอกหิมะ ก็ราวกับกำลังมองอาหารมื้อใหญ่อันเลิศรส…

มู่ชิงเกอมองนางอย่างแนบนิ่งแวบหนึ่ง แล้วมองราชาจิ้งจอกหิมะอีกครั้ง “ไว้หน้าเจ้ามากไปแล้ว คิดว่าข้าขาดเจ้าไม่ได้หรือ”

ลุกขึ้นจากเก้าอี้ มู่ชิงเกอเดินออกไป พอถึงประตู สบกับสายตาที่ซาบซึ้งประกายดวงดาวของเหมิงเหมิง นางจึงหยุดอย่างกะทันหันและพูดกับราชาจิ้งจอกหิมะที่อยู่ข้างหลังว่า “อย่าเอาแต่กินและขี้เกียจ คิดดูให้ดีว่าควรจะตอบแทนผู้มีพระคุณอย่างข้าเช่นไร”

พูดจบ นางก็หิ้วท้องของเหมิงเหมิงและหายลับไปจากสายตาของราชาจิ้งจอกหิมะ

ราชาจิ้งจอกหิมะนอนอยู่บนพื้น กรงเล็บอันแหลมคมขูดพื้นจนเป็นรอยมากมาย และมองตำแหน่งที่มู่ชิงเกอเดินไป แล้วพูดด้วยนํ้าเสียงแฝงความโกรธเกลียดว่า “เจ้ามนุษย์ชั่ว!”

นอกประตู เหมิงเหมิงบิดก้นเล็กๆ ประสานมือทั้งสองข้าง และมองมู่ชิงเกอด้วยใบหน้าที่เติมไปด้วยความกระหาย “เจ้านายๆ ท่านจะให้หนูกินเจ้าจิ้งจอกตัวนั้น จริงๆ หรือ ถ้าต้มมันจืดเกินไป หนูจะย่าง!”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากอย่างแรงทีหนึ่ง พลัน มองนางอย่างเย้ยหยัน “เจ้ามีความคิดเสียหน่อยเถิด เนื้อตัวของจิ้งจอกมีแต่กลิ่นเหม็น น่ากินตรงไหน ช่วงที่ ข้าไม่อยู่ เจ้าเอาเนื้อไปให้มันกินวันละชิ้น นาน ๆ ทีก็กลั่นแกล้งมันบ้างก็ไม่เป็นไร”

เหมิงเหมิงอึ้ง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้านายจึงไม่ยอมให้นางกินเนื้อจิ้งจอก

“ตามนั้น มีเรื่องอะไรให้เรียกข้า ข้าไปก่อน” มู่ชิงเกอโบกมือและหายตัวออกจากช่องว่าง

“ฮือๆๆๆ เจ้านายคนหลอกลวง!” เหมิงเหมิงที่ได้สติ ร้องทุกข์กับตำแหน่งที่มู่ชิงเกอจากไปด้วยความโกรธ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version