ตอนที่ 138-3
ฆ่าเตียวหยวน ชิงเกอโกรธ
ตอนแรกที่ฮ่องเต้น้อยฉินจิ่นหยางขึ้นบัลลังก์ มีคนจำนวนมากไม่เห็นด้วย แต่เพราะมีฉินจิ่นเฉินคอยรักษาการแทนอย่างเคร่งครัด ทำให้จำเป็นต้องยอมรับ
แต่ตอนนี้ ฮ่องเต้ตัวน้อยกลับต้องการยืนด้วยตนเอง กักบริเวณผู้แทนพระองค์และขังครอบครัวแม่ทัพของแคว้นฉินไว้ในคุกหลวง ทั้งยังประกาศว่าจะจับตัวคุณชายตระกูลมู่ ทำให้เหล่าประชาราษฎร์แคว้นฉินโกรธแค้น ทั้งเสียงสนับสนุนที่มีต่อจวนตระกูลมู่และคำปรักปรำฮ่องเต้ตัวน้อย จึงเข้าสู่วังหลวงลั่วตูอย่างไม่ขาดสาย
เหล่าขั้วอำนาจที่ถูกบังคับให้ต้องยอมสวามิภักดิ์ก็ฉวยโอกาสนี้ ประณามฮ่องเต้น้อยว่า สังหารขุนนางผู้มีความดีความชอบของแคว้น ไม่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่แคว้น การกระทำชั่วร้ายขัดแย้งกับเหตุผล…
ข่าวนี้ เพราะมู่ชิงเกอเก็บตัวอยู่ในรถม้า จึงไม่ได้รับรู้ แต่ว่า เพราะมั่วหยาวรู้เรื่องนี้จึงเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเร่งรีบเดินทางไปยังแคว้นฉิน อีกครึ่งเดือนผ่านไป ประตูรถม้าของมู่ชิงเกอก็ยังคงไม่เคยถูกเปิดออก
ส่วนพวกเขาก็ได้เข้าสู่จุดศูนย์กลางของที่ราบลั่วรื่อ และใกล้แคว้นฉินมากขึ้นเรื่อยๆ
ในช่องว่าง เหมิงเหมิงมองมู่ชิงเกอที่ผอมซูบลงไปมากอย่างปวดใจจนหน้าซีด
ข้างๆ นาง ยังมีจิ้งจอกตัวขาวที่ขนมีแสงสีทองส่องสว่างออกมา
“เจ้านายไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไร!” เหมิงเหมิงพูด ทั้งโกรธทั้งปวดใจ
ดวงตาสีโลหิตของหยินเฉินจ้องมู่ชิงเกอที่นั่งขัดสมาธิ และหลับตาอยู่ แล้วพูดอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “เจ้านายต้องไปช่วยคนอื่น จึงต้องเร่งทำให้ตนเองเก่งขึ้น” เหมิงเหมิงและหยินเฉินมองสิ่งที่กองอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอ คิดไม่ถึงเลยว่า เพียงครึ่งเดือน นางจะสามารถปรุงยา และเสื้อเกราะให้กับคนทั้งห้าร้อยคนได้
เหมิงเหมิงพูดกับหยินเฉินว่า “แม้ว่าปกติเจ้านายของเราจะตระหนี่ แต่จริงๆ แล้วนางรักลูกน้องของตนเองมาก นางสร้างเสื้อเกราะอ่อนจากหนังมังกรวารีทั้งวันทั้งคืนไม่หลับไม่นอน และใช้กระดูกมังกรวารีสร้างอาวุธ อีกทั้งยังปรุงยาที่ช่วยเพิ่มระดับพลังเวทโดยไม่เกิดอันตราย เพื่อจะให้ลูกน้องของนางรอดชีวิตเมื่อพบกับศัตรู”
หยินเฉินพยักหน้าเห็นด้วย ครึ่งเดือนมานี้ มันเห็นความพยายามของมู่ชิงเกอกับตา จะไม่รู้เป้าหมายของนางได้อย่างไร
ทันใดนั้น มันก็หันหลังและเดินจากไป
เหมิงเหมิงรีบเรียกมันเอาไว้ “เจ้าจิ้งจอกเหม็น เจ้าจะไปไหน”
หยินเฉินหยุด แล้วหันหน้ากลับมาพูดว่า “ข้าจะไปฝึกพลังเวทแล้ว”
ไม่เพิ่มพลังของตนเอง จะสู้รบเคียงคู่นางได้อย่างไร
มันไม่อยากจะให้ในวันที่พวกเขาพบกับศัตรู แล้วเจ้านายจะต้องเสียเลือดเสียเนื้อเช่นนี้เพื่อรักษาชีวิตของพวกเขาเอาไว้
หยินเฉินพูดจบก็ออกจากห้องไป เหมิงเหมิงยังคงอยู่ต่อ ขมวดคิ้ว แล้วมองมู่ชิงเกอที่กำลังฝึกพลังเวทอย่างเป็นกังวล พลางพึมพำว่า “เจ้านายโง่ ได้เตรียมอะไรให้ตนเองบ้างหรือยังเนี่ย”
ทันใดนั้น สายตาของนางก็พลันเป็นประกาย แล้วยิ้มย่องพูดว่า “ข้าจะไปหาดูว่ามีสมบัติอันใด ที่ตอนนี้เจ้านายสามารถใช้ใด้บ้าง!” พูดจบ นางก็หายไปจากที่เดิม
เพราะการจากไปของนาง ห้องก็เงียบลงอีกครั้ง
ครู่หนึ่ง พลังของมู่ชิงเกอที่กำลังฝึกพลังเวทก็เปลี่ยนไป
ใบหน้าดูเจ็บปวดจนบิดเบี้ยว พลังที่ของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไป เหมิงเหมิงที่เป็นตัวควบคุมช่องว่างและหยินเฉินที่มีสัญญากับนางก็ล้วนสามารถสัมผัสได้
หยินเฉินที่กำลังฝึกพลังเวทลืมดวงตาสีโลหิตขึ้นมาในทันที พลันพุ่งไปยังที่อยู่ของมู่ชิงเกออย่างไม่รอช้า
เหมิงเหมิงที่กำลังหาสมบัติให้มู่ชิงเกอก็หยิบกระจกบานหนึ่งขึ้นมา แล้วก็หายไปจากตำแหน่งเดิมทันที เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็เกือบชนกับหยินเฉินที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ
“เกิดอะไรขึ้น” เหมิงเหมิงรีบถาม
หยินเฉินพูดด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม “เหมือนว่าเจ้านายกำลังจะทะลวงขั้นพลังแล้ว!”
เหมิงเหมิงเบิกตาโตทันที พูดอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้านายจะทะลวงขั้นพลังแล้ว!”
หยินเฉินพยักหน้า “น่าจะใช่ ข้าสัมผัสได้ว่าพลังในร่างกายของนางกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกำลังจะทะลวงแล้ว”
“เรามาสร้างอาคมคุ้มกันกันเถิด!” เหมิงเหมิงรีบพูด
หยินเฉินไม่ปฏิเสธ
“ตายแล้ว!” อยู่ๆ เหมิงเหมิงก็ร้องขึ้นมา
หยินเฉินตกใจ พลันตะโกนว่า “เจ้าร้องทำไม”
เหมิงเหมิงรีบบอกว่า “เจ้าจิ้งจอกเหม็น เรารีบไปเอาสิ่งของทั้งหมดที่เจ้านายสร้างอย่างยากลำบากออกมาก่อน จะได้ไม่เสียหายเพราะแรงจากการเลื่อนระดับขั้นของเจ้านาย”
หยินเฉินรีบพุ่งเข้าไปในห้อง เหมิงเหมิงเองก็รีบตามไป ไม่นาน เหมิงเหมิงก็ได้ขนอาวุธเสื้อเกราะและยาชนิดต่างๆ ที่สร้างขึ้นไปไว้ในห้องที่ไกลกว่า ทันใดนั้น เหมิงเหมิงก็รีบวิ่งออกมา หลังจากที่ค้นหาจนเจอแล้ว ก็หยิบยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อที่มู่ชิงเกอปรุงไว้ก่อนหน้านี้ออกมา
“นี่อะไรน่ะ” หยินเฉินถามด้วยความสงสัย
เหมิงเหมิงกลอกตาหลายทีและดูถูกว่า “เจ้าไม่รู้จักยาหรือ”
หยินเฉินแยกเขี้ยวใส่นาง “แน่นอนว่าข้ารู้ว่ามันคือยา ข้าถามว่ายานี้ใช้ทำอะไร!” เหมิงเหมิงจึงตอบว่า “นี่คือยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อ เป็นยาระดับจิต ข้าจะให้เจ้านายกิน”
“ทำไม เจ้านายไม่ได้บาดเจ็บเสียหน่อย” หยินเฉินพูดอย่างไม่เข้าใจ
เหมิงเหมิงพูดอย่างรังเกียจ “โง่ชะมัด! เจ้าจิ้งจอกโง่ ในขณะที่เจ้านายกำลังเหน็ดเหนื่อย และอยู่ๆ ก็จะทะลวงขั้นพลัง ทั้งยังกำลังจะเข้าสู่สายม่วงอีก จะต้องมีจิตมารฉวยโอกาสเข้ามาแน่ ยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อนี้ใช้สำหรับปราบจิตมารโดยเฉพาะ ตอนนี้นางกำลังจะทะลวงระดับแต่ลืมกิน แน่นอนว่าข้าต้องช่วยนาง”
“พูดมากอยู่ทำไมรีบป้อนสิ” หยินเฉินพูดทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วพุ่งเข้าไปอยู่ข้างมู่ชิงเกอ อดทนต่อพลังที่ปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่งในตัวนาง แล้วใช้อุ้งเท้าหน้าเปิดปากของมู่ชิงเกอออก
เหมิงเหมิงกอดยาเอาไว้ และเล็งปากที่เปิดอยู่ของมู่ชิงเกอ พลันออกแรงโยน หลังจากนั้นยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อก็เข้าไปอยู่ในปากของมู่ชิงเกออย่างรวดเร็ว
“เรียบร้อย!” เหมิงเหมิงสะบัดมือ พร้อมกับพูดอย่างกระหยิ่มใจ
“รีบไป!” หยินเฉินพุ่งเข้าไปคาบพุงของเหมิงเหมิงขึ้นมา และพานางวิ่งออกไป
พวกเขาพุ่งออกจากประตู พลังอันรุนแรงบางอย่างพุ่งออกจากร่างกายของมู่ชิงเกอ สั่นสะเทือนจนของใช้ในห้องแตกกระจาย
หากพวกเหมิงเหมิงไม่ได้ขนของที่นางสร้างขึ้นออกไป บางทีนางอาจจะเสียแรงไปโดยสูญเปล่า
ทั้งหมดนี้มู่ชิงเกอล้วนไม่รู้ นางรับรู้ได้เพียงว่าในตอนแรกตนเองเพียงแค่พักผ่อน เพื่อทดแทนพลังที่ใช้ใป แต่ทันใดนั้น พลังเวทก็ไม่สามารถควบคุมได้ พลันกระจายไปทั่วและพลังก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะโดนพลังที่พุ่งขึ้นสูงนั้นระเบิดชีพจรแล้ว
โชคดีที่ว่า ชีพจรของนางได้เติบโตขึ้นมากับพลังสายฟ้า จึงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เลยสามารถต้านทานเอาไว้ได้
เมื่อนางสัมผัสได้ว่าพลังเวทของตนเองค่อยๆ กลายเป็นสีม่วง นางจึงรู้ว่าตนเองเริ่มการเข้าสู่การทะลวงขั้นพลังแล้ว ทำให้นางไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลยจริงๆ
โชคดีที่ในขณะที่นางกำลังพยายามควบคุมพลังเวท ก็มีสารบางอย่างไหลเข้าปากของนาง ทำให้สมองของนางตื่นตัวขึ้นไม่น้อยและรวบรวมสมาธิขึ้นใหม่ เตรียมจะทะลวงสู่สายม่วง!
‘การเลื่อนชั้นทุกครั้ง ล้วนเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการ ฝึกฝนร่างกายตนเอง!’ ทันใดนั้น มู่ชิงเกอคิดถึงสิ่งที่ซือมั่วเคยกล่าวเอาไว้
นางพยายามลืมตาขึ้นและใช้พลังเวทที่สามารถใช้ได้ในการเคลื่อนตนเองไปยังบ่อสายฟ้าที่อยู่หลังห้อง
เข้าไปอยู่ในบ่อสายฟ้า แสงจากสายฟ้าโอบล้อมและรัดพันอยู่บนร่างกายของนาง
พลังเวทในร่างกายพุ่งขึ้นดั่งคลื่นทะเล และจู่โจมโลหิตเนื้อหนังและโครงกระดูกของนาง พลังสายฟ้าในบ่อสายฟ้า ฉวยโอกาสในการเข้าสู่ร่างกายของนาง กัดกร่อนทุกอณูในเลือดเนื้อและกระดูกของนาง
พลังสายฟ้าในบ่อ ราวกับรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพลังสายฟ้าในร่างกายของนาง ทำให้ดวงตาทั้งคู่ของนาง กลายเป็นสีม่วงนํ้าเงิน ดวงตากลายเป็นศูนย์กลางการรวบรวมสายฟ้า
เส้นผมของนางตั้งขึ้น ผมทุกเส้นล้วนมีสายฟ้าพันอยู่ บนร่างกายเต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงนํ้าเงิน และไหลไปมาบนร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง
ตูม—!
พลังเวทในร่างกายของมู่ชิงเกอ ราวกับสิงสาราสัตว์ที่คำรามอย่างบ้าคลั่ง สะท้านสะเทือนจนนางกระอักเลือดออกมา โชคดีที่มีพลังจากยาลิ่วจ่วนตู้เอ้อสติของนางจึงยังคงตื่นตัวอยู่ ไม่มีจิตมารมาคอยรบกวน
พลังเวทสีนํ้าเงินเข้มปะทุออกมาจากมู่ชิงเกอ ปกคลุมทั่วทั้งบริเวณเหนือบ่อสายฟ้าเอาไว้ ราวกับพายุกระหนํ่า ท่ามกลางพลังเวท ยังมีสายฟ้าเป็นเส้นๆ ที่ราวกับเป็นงูตัวเล็กๆ รัดพัวพันอยู่ด้วย
มู่ชิงเกอราวกับนั่งอยู่ในศูนย์กลางพายุ ใช้ร่างกายรับพลังมหาศาลที่เข้ามา