Skip to content

พลิกปฐพี 138-2

ตอนที่ 138-2

ฆ่าเตียวหยวน ชิงเกอโกรธ

เตียวหยวนหันมองซ้ายมองขวา เทพสังหารทั้งยี่สิบกว่าคนล้อมตนเองเอาไว้พลังเวทในร่างกายของเขาไม่สามารถรวบรวมได้จึงไม่สามารถขยับตัวได้เลย แม้ว่า เขาจะใจแคบโหดเหี้ยมอำมหิต แต่กลับรักชีวิตเป็นอย่างมาก หลังจากที่รู้ว่ามู่ชิงเกอคิดจะฆ่าเขาจริงๆ และเห็นว่าตนเองหมดสิ้นทางหนี สีหน้าก็พลันขาวซีดขึ้นมา คุกเข่าลงพื้นและพูดกับมู่ชิงเกอว่า “อย่าฆ่าข้า! ทั้งหมดนี้เจ้าเฒ่าหัวชางซู่บังคับให้ข้าทำ ข้าไม่สามารถปฏิเสธได้ คนที่สมควรตายคือเจ้าเฒ่านั่น ข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่ง!”

เพื่อความอยู่รอดของตนเอง เตียวหยวนโยนความผิดให้อาจารย์ของตนเองอย่างไม่ลังเล

ใบหน้าอันเย็นเยียบของมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย สายตาที่จูหลิงมองเขาก็เติมไปด้วยความเย้ยหยัน และดูถูก “ข้าอยู่สำนักเดียวกับคนเช่นนี้ได้อย่างไรนะ”

เตียวหยวนจ้องจูหลิงทันที แต่ก็เก็บสายตาอย่างรวดเร็ว

เขาอ้อนวอนมู่ชิงเกอ “เพียงแค่เจ้าไม่ฆ่าข้า เจ้าจะให้ข้า ทำอะไรข้าก็ยอม! ข้าสามารถปรุงยาให้เจ้า หากเจ้าต้องการให้หัวชางซู่ตาย ข้าก็ช่วยได้!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่ชิงเกอฉายความขบขันยิ่งกว่าเดิม นางก้มสายตาลงมองเตียวหยวนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตนเอง แล้วพูดด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบ “ผู้ที่เคย แพ้ข้า คิดว่าข้าจะต้องการยาที่เจ้าปรุงหรือ ข้าต้องการให้หัวชางซู่ตาย โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”

สายตาของเตียวหยวนฉายความเกลียดชัง รู้ว่ามู่ชิงเกอไม่ยอมปล่อยเขาไป

ดังนั้น เขาจึงไม่อ้อนวอนอีก พลันลุกจากพื้นและหยิบขวดโปร่งแสงขวดหนึ่งขึ้นมา ในขวดนั้นมีสารสีเขียวส่อง ประกายไหลไปมา

เขาชูขวดขึ้นสูงและพูดกับมู่ชิงเกออย่างเคร่งขรึม “หากเจ้าไม่ยอมปล่อยข้าไป วันนี้ เราก็จะพินาศไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย!”

สายตาอันแนบนิ่งของมู่ชิงเกอกวาดมองขวดในมือของเขา โดยไม่มีปฏิกิริยาตื่นเต้นอันใด

เตียวหยวนกำขวดแน่นกว่าเดิม สายตาอันโหดเหี้ยมของเขาจ้องมู่ชิงเกอและพูดว่า “ข้ายอมแพ้แล้ว! หากวันนี้เจ้าปล่อยข้าไป ข้ารับรองว่าหลังจากนี้จะไม่หาเรื่อง เจ้าอีก”

“ข้าเชื่อเพียงแค่คำสัญญาของคนตาย” นํ้าเสียงของมู่ชิงเกอแนบนิ่งมาก

“เจ้าคิดจะฆ่าข้าจริงหรือ” เตียวหยวนหรี่ตาลง ในร่องตาฉายความโหดเหี้ยม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรเรียกว่า สารดูดเลือด”

“สารดูดเลือด!” จูหลิงเบิกตาโตทันที

นางหันมองมู่ชิงเกอ อธิบายง่ายๆ สั้นๆ ว่า “ได้ข่าวว่า หัวชางซู่ได้ยาพิษขวดหนึ่งมาโดยบังเอิญ ทันทีที่ออกจากขวด มันก็จะปะทุ หลังจากที่ปะทุ หากโดนใส่ร่าง กาย เลือดในร่างกายก็จะถูกสูบออกทั้งหมด กลายเป็นเพียงศพแห้งๆ”

พูดจบ นางก็มองเตียวหยวนและหยุดสายตาบนสารสีเขียวครึ่งขวดในขวดโปร่งแสงของเขา แล้วพูดเสียงหลงว่า “หรือว่านี่คือสารดูดเลือด”

เตียวหยวนยิ้มอย่างเย็นเยียบ “สมแล้วที่อยู่ในสำนักเดียวกัน รู้จักของรักของไอ้แก่นั้นดีถึงเพียงนี้”

คำพูดนี้ เป็นการยืนยันคำคาดเดาของจูหลิง

สีหน้าของจูหลิงเปลี่ยนไป พลันหันมองมู่ชิงเกอ

ความหมายในสายตาของนางชัดเจน หากทำให้เตียนหยวนโกรธและเขาทำลายขวด ถ้าเช่นนั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต่างก็หนีไม่รอดและกลายเป็นร่างอันเหี่ยวแห้งไร้โลหิตทันที

ทว่า แม้จะรู้ถึงพิษอันร้ายแรงของสารดูดเลือด ใบหน้าของมู่ชิงเกอก็ยังคงนิ่งสงบ

จูหลิงมองเตียวหยวนและพูดอย่างเหลือเชื่อว่า “หัวชางซู่เอาสมบัติลํ้าค่าเช่นนี้ให้เจ้าเชียวหรือ”

เตียวหยวนเยาะเย้ย “อย่างไอ้แก่คนนั้นน่ะหรือ มีสมบัติอะไรซ่อนเอาไว้จะยอมเอาออกมาได้อย่างไร สารดูดเลือดนี้ แน่นอนว่าข้าขโมยมาจากมัน”

ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็เผยรอยยิ้มและพูดกับเขาว่า “ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้หัวชางซู่ก็ไม่มีสารดูดเลือดแล้วอย่างนั้นหรือ”

เตียวหยวนไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของนาง เพียงตอบไปว่า “ใช่!”

“ดีมาก!” อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็เผยรอยยิ้ม แต่ทว่า วินาทีต่อมา นางก็หายไปจากตำแหน่งเดิม เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง นางก็ยืนอยู่ตรงหน้าเตียวหยวนแล้ว

เตียวหยวนเบิกตากว้าง พลันถอยหลังไปหลายก้าว ในขณะเดียวกันในมือก็เตรียมจะบีบขวดที่บรรจุสารดูดเลือดให้แตก

แต่ว่า ความว่องไวของเขาสู้มู่ชิงเกอไม่ได้

เขายังไม่ทันออกแรง ขวดในมือก็ถูกมู่ชิงเกอแย่งไป จากนั้น มู่ชิงเกอก็บีบหน้าของเขา แล้วก็บังคับให้เขาอ้าปาก หลังจากที่เขาอ้าปาก มู่ชิงเกอจึงยัดปากขวดเข้าไปในปากของเตียวหยวนทันที สารสีเขียวไหลพุ่งจนฝาเปิดออกและไหลเข้าสู่ร่างกายของเตียวหยวน

หลังจากที่หมดขวดแล้ว มู่ชิงเกอก็คลายมือออกและกลับไปอยู่หน้ารถม้า

สะบัดมือทีหนึ่ง มู่ชิงเกอพูดอย่างแนบนิ่งว่า “เหตุผลการตาย พูดไร้สาระมากเกินไป”

หากเตียวหยวนไม่พูดมากและฉวยโอกาสที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัวใช้สารดูดเลือด พวกเขาอาจจะหนีรอดได้ยาก แต่ว่าเขากลับไม่ยอมตาย อยากใช้สารดูดเลือดมาข่มขู่พวกนางให้ปล่อยเขาไป สุดท้ายก็ต้องรับกรรมไปแต่เพียงผู้เดียว

“อ๊าก—–!” เตียวหยวนเอามือจับคอตนเอง ดวงตาปูดโปนออกมา ท่าทางทั้งน่าเกลียดและทุกข์ทรมาน

ร่างกายของเขาแห้งเหี่ยวในทันที โลหิตและนํ้าในร่างกายถูกดูดจนแห้ง ร่างกายแห้งเหี่ยวและขาวซีด ท้ายที่สุดก็ล้มลงพื้นกลายเป็นเถ้าธุลีเพียงพริบตา แต่ท่าทางของเตียวหยวนกลับบ่งบอกถึงความทรมานที่เขาต้องพบเจอในเสี้ยววินาทีนี้

บางทีสำหรับพวกเขาแล้ว อาจจะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาที

แต่สำหรับเตียวหยวน อาจจะเป็นเวลาที่แสนจะยาวนาน

จูหลิงจ้องกองเศษผงของเตียวหยวนและค่อยๆ เดินเข้าไป

ทันใดนั้น ควันสีเขียวก็ลอยออกจากกองขี้เถ้ามาหานาง

จูหลิงรีบถอยหลัง มู่ชิงเกอเดินไปข้างหน้า สะบัดมือออกไปอย่างแรง ทำให้ควันสีเขียวกระจายไป เมื่อควันนั้นกระจายลงบนพื้นหญ้า หญ้าก็พลันแห้งตายในทันทีและกลายเป็นเศษผง

“น่ากลัวเกินไปแล้ว!” จูหลิงพูดด้วยความกลัว มู่ชิงเกอมองพื้นดินที่ถูกกัดกร่อนแวบหนึ่ง พลันหันหลังขึ้นรถม้าไปและสั่งทุกคนว่า “เดินทางกันต่อ”

พูดจบ นางก็เข้ารถม้า จูหลิงหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วจึงตามไป

หลังจากที่จูหลิงขึ้นรถม้าไป ก็เห็นมู่ชิงเกอนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างในและหลับตาทำสมาธิ นางนั่งลงบนเบาะนั่งข้างๆ อยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรจะ ถามอย่างไร

“ศิษย์พี่จูอยากถามอะไร” อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็พูดขึ้น

จูหลิงอึ้งและพูดกับมู่ชิงเกอว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าถามเตียนหยวนว่าหัวชางซู่ยังมีสารดูดเลือดอีกหรือไม่…”

“เพียงแค่ป้องกันไม่ให้เขาสู้แบบหมาจนตรอก’’ มู่ชิงเกอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสุกสว่างเป็นอย่างมาก

หลังจากที่คิดทบทวนคำพูดของนางครู่หนึ่ง จูหลิงก็เข้าใจแล้ว

หากว่าหัวชางซู่ยังมีสารดูดเลือด หากต้องประมือกันในอนาคต ก็จะเป็นการยับยั้งไม่ให้เขาปล่อยสารดูดเลือดออกมาเพราะจนตรอก

ตอนนี้หัวชางซู่ไม่มีอาวุธชิ้นนี้แล้ว ถือว่าโล่งใจได้

จูหลิงเม้มปาก ถามอีกว่า “ฆ่าเตียวหยวนไม่เป็นไรจริงหรือ”

มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มและพูดกับนางว่า “แม้หัวชางซู่จะรู้ว่าเราฆ่าเตียวหยวนแล้วอย่างไร มือของเขาไม่ได้ยาวไปถึงแคว้นฉิน อีกประการหนึ่ง อาจารย์ของเราคือโหลวชวนป่าย”

จูหลิงพยักหน้าเงียบๆ

ในโรงโอสถยังมีเหมยจื่อจ้ง จ้าวหนานซิงและซางจื่อซู รวมทั้งปรมาจารย์โหลว แน่นอนว่าเรื่องราวจะไม่แย่ลง ตอนนี้เตียวหยวนตายไปแล้ว อันตรายของเขาก็ลดน้อยลง จึงรู้สึกโล่งใจอย่างไม่รู้ตัว

“ศิษย์น้องมู่ ไม่รบกวนการฝึกของเจ้าแล้ว ข้าไปอยู่ข้างนอกดีกว่า” จูหลิงยิ้มอย่างร่าเริง และถอยออกจากรถม้า

หลังจากที่จูหลิงไปแล้ว มู่ชิงเกอกลับช่องว่างไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครมารบกวนอีก เวลาครึ่งเดือน นางสร้างปืนกรีเนทลันเชอร์ห้าร้อยกระบอกในช่องว่างอย่างบ้าคลั่ง เพียงแค่ใส่แก่นสมองลงไป ก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังอันมหาศาลได้

ในตอนนี้ขบวนรถม้าได้เข้าสู่อาณาเขตแคว้นลี่ แต่พวกเขาไม่หยุดพักและใช้ทางลัด ผ่านที่ราบลั่วรื่อเข้าไปในแคว้นฉินโดยตรง

ระหว่างทาง มีข่าวจากลั่วตู บอกว่าฮ่องเต้น้อยออกประกาศว่า ให้มู่ชิงเกอปรากฏตัวโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีกับจวนตระกูลมู่แน่

การกระทำเช่นนี้ทำให้อาณาเขตของแคว้นระดับสามล้วนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น

แต่ว่า กลับไม่มีแคว้นใดมีความเคลื่อนไหว

แคว้นถูที่ใกล้กับแคว้นฉินได้ถูกมู่ชิงเกอจัดการเสียจนหลาบจำ หากไม่มีข่าวว่ามู่ชิงเกอตาย พวกเขาก็ไม่มีทางเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม ส่วนแคว้นลี่ในตอนนี้อยู่ในช่วงการแย่งชิงบัลลังก์ไม่ได้ว่างพอที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองของแคว้นอื่นนอกจากนี้แคว้นอวี๋และแคว้นปาก็ไม่มีความแค้นอะไรกับแคว้นฉิน และเพราะระยะทางห่างกันมาก ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเข้าไปข้องเกี่ยว

เพราะฉะนั้น ตอนนี้นอกแคว้นฉินยังถือว่าสงบไร้คลื่นลม แต่ในแคว้นฉินกลับวุ่นวาย มีคลื่นใต้นํ้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version