Skip to content

พลิกปฐพี 138-1

ตอนที่ 138-1

ฆ่าเตียวหยวน ชิงเกอโกรธ

มู่ชิงเกอถีบประตูรถม้าออก ค้อมกายแล้วเดินลงไป

หลังจากที่ออกมาแล้ว นางจึงพบว่า ท้องฟ้าได้มืดลงแล้ว กำลังคนและม้าที่กำลังเผชิญหน้ากัน เพราะการปรากฏตัวของนาง ทุกสายตาจึงล้วนหยุดอยู่ที่นาง

หลังจากที่ออกเดินทางแล้ว มู่ชิงเกอก็เปลี่ยนชุดจากชุดของโรงโอสถเป็นชุดสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง นางยืนอยู่นอกประตูรถม้า ใต้แสงจันทร์ทำให้ใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติ แฝงความเย็นเยียบให้ความรู้สึกอันตราย ดวงตากระจ่างคู่หนึ่ง กวาดมองศัตรูที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเย็นเยียบอย่างช้า ๆ

ผู้คนนับร้อยคน ดูจากเสื้อผ้าที่พวกเขาสวม ไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวกัน ทว่ามาจากการรวมตัวเฉพาะกิจของหลายๆ กลุ่ม กองกำลังเช่นนี้ ไม่ว่าแต่ละคนจะมีพลัง เวทสูงเพียงใด ในสายตาของมู่ชิงเกอล้วนเป็นพวก—–ลูกไก่อ่อนหัด!

“มั่วหยาง” เสียงของมู่ชิงเกอให้ความรู้สึกเย็นเยียบ มั่วหยางสะดุ้งทีหนึ่ง แล้วเดินมาหยุดอยู่หน้ารถม้า

มู่ชิงเกอพูดพร้อมสายตาอันเย็นเยียบ “เพราะไก่อ่อนหัดกลุ่มหนึ่ง ต้องทำให้เสียเวลาเดินทางอย่างนั้นหรือ เจ้าเป็นหัวหน้าเช่นไรกัน”

ไอสังหารกลุ่มหนึ่งเกิดขึ้นบนตัวของมั่วหยาง พลันหันหน้าไปมองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม สายตาเย็นเยียบ “เจ้านายสั่งว่าใครที่ขวางทาง ฆ่าให้หมด!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา องครักษ์เขี้ยวมังกรยี่สิบกว่านาย ที่ทนรอไม่ไหวมาตั้งนานแล้วก็พุ่งตัวออกไปทันที ทั้งยี่สิบคน ราวกับหมาป่าผู้หิวโหยยี่สิบตัวที่สังหารศัตรูอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

ขบวนของคนนับร้อยตะลึง เพราะภาพกระหายเลือดที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน!

พวกเขาคิดว่ายังไม่ที่จะได้ต่อรองก็จะรบกันเลยอย่างนั้นหรือ

ท่ามกลางคนนับร้อยคนนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่คิดจะมาสู้อย่างสุดชีวิต เพียงเพื่อยาที่อีกฝ่ายจะมอบให้จึงได้มายืนอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่คิดว่า เพราะความโลภทำให้ต้องสูญเสียชีวิตเช่นนี้

วิธีการอันเด็ดเดี่ยวขององครักษ์เขี้ยวมังกร ภาพเหตุการณ์นองเลือด ทำให้จูหลิงหน้าซีดเผือด นางเดินไปอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มในชุดสีแดงที่เต็มไปด้วยไอสังหารและยืนเอามือไพล่หลังอยู่นอกประตูรถม้า ก็พลันรู้สึกทั้งไม่คุ้นเคยทั้งหวาดกลัว

“ศิษย์น้องมู่ พวกเขา…”

มู่ชิงเกอตัดบทคำพูดของจูหลิง “ศิษย์พี่จู ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจว่าจะปรากฏตัวที่นี่ก็ถือว่าเป็นศัตรู”

จูหลิงกลืนคำพูดที่เหลือลงไป สำหรับคำพูดของมู่ชิงเกอ นางเห็นด้วย แต่ว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นภาพนองเลือดเช่นนั้นนางจึงไม่คุ้นชิน

คราบเลือดสาดกระจาย ร่างไร้วิญญาณปลิวผ่านไปมา

วิธีการสังหารขององครักษ์เขี้ยวมังกร เด็ดเดี่ยวโดยแท้ ไม่ให้โอกาสใครได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่ไม่ห่วงว่าตนเองจะบาดเจ็บ ท่าทางเช่นนั้น ชวนให้หวาดผวาเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งสาวใช้ทั้งสองอย่างโย่วเหอและฮวาเยวี่ยเองก็มีสีหน้าเย็นเยียบ ในมือมีอาวุธและอยู่ที่ด้านข้างของมู่ชิงเกอ ผู้ที่เข้าใกล้ล้วนถูกสังหารอย่างไม่ลังเล

ราวกับว่า สำหรับพวกนางแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงไม่เจ้าก็ข้าที่ต้องตาย ไม่เคยคิดถึงการถอย

จูหลิงอดกลั้นต่ออาการคลื่นไส้และขยับเข้าใกล้มู่ชิงเกออย่างไม่รู้ตัว

อยู่ๆ นางก็รู้สึกหนาวเหน็บ แต่เพราะภาพอันน่ากลัว ทำให้ในใจรู้สึกเดือดพล่านไปหมด!

องครักษ์เขี้ยวมังกรดุดันเหี้ยมหาญเกินไป แต่ละคนก็ล้วนมีระดับพลังเวทที่สูงส่ง

ขบวนของคนนับร้อย หายไปสองในสามในทันที เหลือเพียงแค่หนึ่งส่วนสาม ที่หนีอย่างไม่คิดชีวิต ไม่มีกะจิตกะใจที่จะรบต่อ

ใบหน้าของมั่วหยางเต็มไปด้วยคราบเลือด สายตายังคงเย็นเยียบ เขายกมือขึ้น หยิบธนูออกมาเล็งที่หน้าอกของคนที่กำลังหนี

คนที่ถูกยิงตรงหน้าอก ไม่ทันได้ร้องแม้แต่คำเดียวก็สิ้นชีพล้มลงกับพื้น

“ฆ่า! อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!” มั่วหยางสั่งการ

องครักษ์เขี้ยวมังกรยี่สิบนาย กระจายกำลังออกจากกันอย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนยกมือขึ้นยิงธนูที่อยู่ตรงแขน ท่ามกลางท้องฟ้าสีรัตติกาล มีธนูสีเขียวและครามถูกยิงออกไป ทุกครั้งที่ธนูถูกยิงออกไป ล้วนมีคนล้มลง หลังจากที่ยิงออกไปสองรอบ คนที่หนีต่างก็ตายท่ามกลางห่าธนูทั้งหมด

มั่วหยางสั่งการด้วยเสียงอันเย็นเยียบ “จัดการสนามรบ!”

องครักษ์เขี้ยวมังกรยี่สิบกว่านายที่ฝึกมาอย่างเป็นขั้น เป็นตอน ทันใดนั้นมีสี่คนในนั้นหายไปจากตำแหน่งเดิม ไปตามล่าผู้ที่หนีไปได้ คนที่เหลือทิ้งศพไปอีกข้างอย่างรวดเร็วใช้ดินโคลนและหญ้าบดบังร่องรอยและคราบเลือด โย่วเหอและฮวาเยวี่ยหยิบผงถุงหนึ่งออกมา สาดรอบ ๆ เพราะผงที่สาดไปจึงทำให้กลิ่นคาวเลือดที่อยู่กลางอากาศค่อยๆ จางหายไป

จูหลิงมองภาพทั้งหมดอย่างตกตะลึง นางไม่เคยสัมผัสกับองครักษ์ที่ได้รับการฝึกอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเช่นนี้มาก่อน

นางขยับคอที่เริ่มแข็งเพราะอาการเกร็ง หันมองมู่ชิงเกอที่อยู่ข้างๆ ในสายตาแฝงความนับถือ

คนตรงหน้านี้ช่างเป็นยอดฝีมือไร้ที่เปรียบ!

มีกองทัพเช่นนี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ศิษย์น้องมู่ เราควรทำอย่างไรต่อ” จูหลิงถาม

มู่ชิงเกอพูดอย่างแนบนิ่ง “เร่งเดินทางกันต่อ”

ไม่นาน สนามรบก็ถูกจัดการเรียบร้อย

องครักษ์เขี้ยวมังกรหยิบได้ไฟขึ้นมา จุดไฟ แล้วโยนไปที่กองศพ

ซูม—!

แสงไฟที่อยู่บนกองศพกระจายไปทั่ว ส่องสว่างไปครึ่งท้องฟ้า

ในขณะเดียวกัน ทั้งสี่ที่ไปตามล่าคนที่หนีไปได้ก็กลับมาถึงแล้ว ในมือของพวกเขากลับมีคนที่ท่าทางซมซานจนดูไม่ได้หนึ่งคนมาด้วย

พวกเขากลับมาที่หน้ารถม้า โยนคนที่อยู่ในมือลงพื้น แล้วรายงานมู่ชิงเกอว่า “คุณชาย ในขณะที่ข้าน้อยไปตามล่าผู้ที่หนีไปก็พบกับคนผู้นี้ เขาบอกว่าตนเองเป็นลูกศิษย์โรงโอสถ”

“คนของโรงโอสถหรือ” จูหลิงมองคนที่หมอบอยู่บนพื้น และปิดหน้าอย่างแปลกใจ

มู่ชิงเกอค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปที่เขา แสงไฟที่สาดส่อง ทำให้ใบหน้าของนางดูคลุมเครือ ไม่สามารถเดาอารณ์ได้

“โรงโอสถอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มที่แฝงความขบขันตรงมุมปากอยู่ๆก็พูดว่า “เตียวหยวน ไม่คิดว่าเจ้าจะมาด้วยตนเอง”

“นี่เตียวหยวนหรือ!” จูหลิงชี้คนผู้นั้น แล้วพูดอย่างตะลึง

มู่ชิงเกอเคลื่อนสายตาออกจากตัวเขา จดจ้องเปลวเพลิงที่เผาไหม้ร่างไร้วิญญาณนั้น รอยยิ้มแฝงความเย็นเยียบ “สามารถรวบรวมกำลังคนนับร้อยมาขวางทางข้าได้ไวถึงเพียงนี้ถือว่ามีความสามารถ แต่ว่า ครั้งนี้ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปอีก”

ความตื่นตระหนกในใจของจูหลิงได้สงบลงแล้ว แต่ว่า เมื่อได้ยินคำพูดที่แฝงไอสังหารของมู่ชิงเกอทำให้นางเบิกตาโต แล้วมองมู่ชิงเกอ ‘เตียวหยวนเป็นลูกศิษย์ของหัวชางซู่ ฆ่าได้หรือ’

“หึๆ” คนที่หมอบอยู่บนพื้น อยู่ๆ ก็หัวเราะอย่างโหดเหี้ยม เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน

เสียงนี้ จูหลิงคุ้นเคยเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เตียวหยวน จะเป็นใครได้อีก

นางขมวดคิ้ว สายตาแฝงความดุดัน “เตียวหยวน! เป็นเจ้าจริงๆ!”

เตียวหยวนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สายตาอันโหดเหี้ยมเมื่ออยู่ท่ามกลางเสียงจันทร์และแสงไฟจึงดูร้ายกาจเป็นพิเศษ พลังเวทของเขาไม่ถือว่าตํ่า แต่ว่า กลับไม่ สามารถสู้องครักษ์เขี้ยวมังกรที่มีประสบการณ์การสู้รบเต็มเปี่ยมได้

ยังไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกสกัดจุดชีพจร จนไม่สามารถใช้พลังเวทได้จึงต้องวางมือ

เขายืนขึ้นมา ไร้ซึ่งความกังวล ยื่นมือออกไปปัดเศษฝุ่นบนเสื้อผ้า มองจูหลิงและมู่ชิงเกอ ในสายตาเต็ม ไปด้วยความเกลียดชังและพูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “เป็นข้า แล้วอย่างไร เจ้ากล้าฆ่าข้าเชียวหรือ”

เพราะคำพูดของเขา สีหน้าของจูหลิงจึงดูแย่ลง

มู่ชิงเกอกลับยิ้มอย่างเย็นเยียบ ในสายตาเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “ฆ่าเจ้ามันยากตรงไหน”

สายตาที่เตียวหยวนมองมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความเกลียด เผยให้เห็นรอยยิ้มอันโหดเหี้ยม “ฆ่าข้าไม่ยาก สิ่งที่ยากคือฆ่าข้าไปแล้วจะอธิบายกับท่านอาจารย์ของ ข้าอย่างไร!”

“แค่ฆ่าเจ้า เหตุใดจะต้องไปอธิบายให้เขาฟังด้วย” ในสายตาของมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน นางพูดอย่างแนบนิ่งว่า “เตียวหยวน เจ้าอย่าประเมินค่าตัวเอง สูงไปนัก”

“เจ้า! ท่านอาจารย์ของข้ารู้ว่าข้ามาหาใคร! หากข้าตาย! เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดหรือ” เตียวหยวนพูดเสียงเข้ม

มู่ชิงเกอส่ายหน้าข้าๆ ราวกับหัวเราะเยาะเขาที่ด้อยปัญญาและช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย “ข้าจะต้องบอกอะไรกับตาแก่ที่ใช้ลูกศิษย์มาทำความชั่ว หากข้าฆ่าเจ้า แม้เขาจะรู้แล้วเขาจะกล้าพูดอะไร อย่างมากก็แค่ทำเหมือนตอนนี้หาพวกมาลอบฆ่าข้าก็เท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวหรือ”

ดวงตาอันโหดเหี้ยมทั้งคู่ของเตียวหยวนหรี่ลง ถึงตอนนี้ เขาราวกับจะรู้แล้วว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของมู่ชิงเกอไม่ได้ต้องการขู่เขา แต่ต้องการจะฆ่าเขาจริงๆ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version