ตอนที่ 79-7
คุณชายตบหน้าอย่างรุนแรง
ต่างก็บอกกันว่าหากบาดเจ็บโดนกระดูกต้องใช้เวลาในการรักษากว่า 100 วัน แม้ว่ากระดูกของเจ้าอ้วนจะไม่ได้หัก แต่ว่าแค่เพียงครึ่งเดือนก็สามารถกระตือรือร้นและโมโหได้เพียงนี้แล้ว ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจจริงๆ วันนี้นางคิดว่าจะได้เห็นภาพตลกๆ ที่เจ้านี่ใช้ไม้เท้าเสียอีก
“หากไม่เป็นอะไร งั้นก็ไปกันเถิด” มู่ชิงเกอละสายตาจากขาของเขา ขาคู่นั้นให้ความรู้สึกราวกับเป็นขาหมูเสียจริงๆ เลย
ทั้งคู่เดินออกจากจวนไปพร้อมกัน เพิ่งถึงประตูก็พลันเห็นรถม้าคันหนึ่งกำลังใกล้เข้ามาและค่อยๆ หยุดลงตรงหน้าประตูจวนตระกูลมู่ มู่ชิงเกอรู้สึกฉงนใจว่าใครมาเยี่ยมเยียนตระกูลมู่กัน ทันใดนั้นก็มีเสียงอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งดังออกมาจากรถ ม้าที่ยังจอดไม่สนิท
เสียงนิ่มๆ เสียงนั้นพูดว่า “พี่เฉิน เรามาถึงแล้วรีบลงจากรถกันเถอะ เหลียนเหลียนอยากให้พี่ชายประหลาดใจ”
“ไม่ต้องรีบ ระวังล้ม” เสียงทุ้มๆ ของชายหนุ่มยังคงเย็นชา แต่ภายใต้ความเย็นชานั้นมีความห่วงใยซ่อนอยู่
มู่ชิงเกอยิ้ม แล้วนางก็พลันคิดออกว่า เทียบเชิญจากวังหลวงที่พ่อบ้านพูดถึงนั้นเป็นของผู้ใด
คาดว่า คงจะเป็นของราชธิดาอีกองค์ของฮ่องเต้ องค์หญิงหย่งฮวน สาวน้อยไร้เดียงสาที่รู้จักกับนางด้วยความบังเอิญผู้นั้น
“ลูกพี่ เสียงของชายผู้นั้นคุ้นหูยิ่งนัก” เจ้าอ้วนเช่าที่อยู่ ข้างๆ มู่ชิงเกอพูดขึ้น
ต้องคุ้นเป็นธรรมดา
มู่ชิงเกอแอบคิดในใจว่า “ไม่คิดว่าคนผู้นั้นจะเสด็จมากับองค์หญิงหย่งฮวนด้วย”
หลังจากที่เดินลงบันได มู่ชิงเกอเพิ่งจะเดินไปอยู่ตรงหน้ารถม้าก็มีสาวน้อยในชุดสีชมพูสวยงามประณีตกระโดดลงมาจากรถม้า
มู่ชิงเกอกะพริบตา ประสานหมัดทั้งสองข้าง “คารวะเสียนอ๋องและองค์หญิงหย่งฮวน”
ฉินอี้เหลียนที่เพิ่งจะลงจากรถม้า พอได้ยินเสียงของมู่ชิงเกอก็รีบหันหลังกลับไป โผเข้าหามู่ชิงเกอราวกับผีเสื้อตัวน้อยสีชมพูพลางพูดด้วยนํ้าเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีว่า “พี่ชาย เหลียนเหลียนคิดว่าจะมาทำให้ท่านประหลาดใจเสียหน่อย”
ส่วนสูงของสาวน้อยเท่ากับหน้าอกของนาง มู่ชิงเกอขยี้ทรงผมอันน่ารักของนาง รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นดูอ่อนโยน
จิตใจของฉินอี้เหลียนนั้นปริสุทธิ์และงดงาม ไม่ได้แปดเปื้อนจากราชวงศ์ เรื่องนี้ถือว่าสูงค่าและหาได้ยากอย่างมาก
ในขณะนี้ มีมืออันขาวซีดแต่น่ามองข้างหนึ่งก็ยื่นออกจากประตูรถม้าพร้อมกับแขนเสื้อสีเหลืองนวล หลังจากนั้นประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก ร่างอันผอมสูงเดิน ลงมา
“เสียนอ๋องจริงๆ เสียด้วย!” เจ้าอ้วนเช่าพูดด้วยความอึ้ง และพลันนึกขึ้นได้ว่าจะต้องทำความเคารพ
“ไม่ต้องมากพิธี” ฉินจิ่นเฉินพูดอย่างเรียบเฉย พูดจบก็มองมู่ชิงเกอด้วยดวงตาที่ตาขาวและดำแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ดูสงบนิ่งเป็นพิเศษและไม่มีความรู้สึกใดๆ ปะปนอยู่เช่นเดิม “วันนี้ข้ามาเป็นเพื่อนเหลียนเหลียน” ราวกับว่ากำลังแก้ตัวกับมู่ชิงเกอว่าเหตุใดตนเองถึงมาอยู่ที่นี่ได้
มู่ชิงเกอค่อยๆ พยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรมาก ฉินอี้เหลียนจับแขนของมู่ชิงเกอขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ พลางทำปากจู๋แล้วพูดว่า “พี่ชาย ครั้งก่อนตอนวันเกิดเหลียนเหลียน อยากจะชวนพี่ชายเข้าไปในวัง แต่พี่กลับไม่อยู่ เหลียนเหลียนเสียใจมาก”
ครั้งที่แล้วเป็นวันประสูติขององค์หญิงตัวน้อยนี่เอง มู่ชิงเกอยักคิ้ว มองดวงตาอันกลมโตและสดใสคู่นั้น พลางพูดว่า “กระหม่อมเองก็เพิ่งกลับมา ในเมื่อพลาดงาน วันเกิดองค์หญิงไปแล้ว งั้นวันนี้กระหม่อมจะให้ของขวัญวันเกิดย้อนหลังดีไหม”
ฉินอี้เหลียนตาเป็นประกาย โดยไม่เก็บซ่อนความดีใจของตนเองแต่อย่างใด พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ดีเลย! เหลียนเหลียนไม่ค่อยได้ออกจากวัง ถ้าอย่างนั้นพี่ชายก็ อยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเหลียนเหลียนหนึ่งวัน ถือว่าเป็นการฉลองวันเกิดให้เหลียนเหลียนย้อนหลัง”
มู่ชิงเกอคิดแล้วก็ตอบตกลง
จะว่าไปแล้ว หากให้นางไปซื้อของขวัญวันเกิดนางก็ไม่ได้มีความประสบการณ์เรื่องพวกนี้เลย
เห็นมู่ชิงเกอตอบตกลง ฉินอี้เหลียนก็พลันลากนางไปโดยไม่คิดจะเข้าไปในจวนตระกูลมู่อีก เจ้าอ้วนเช่าที่ถูกลืมไว้ยิ้มแห้งๆ ให้กับเสียนอ๋องแล้วรีบตามไป
ฉินจิ่นเชินยังคงยืนอยู่ที่เดิม สายตานั้นไม่ได้มององค์หญิงหย่งฮวน แต่กลับจดจ้องชายชุดแดงที่นางจับมืออยู่ ดวงตาอันสงบนิ่งกะพริบแวบหนึ่ง แล้วเดินตามไปอย่างไม่เร่งรีบ
นางกำนัลและองครักษ์ที่มาด้วยก็ทำได้เพียงทิ้งรถม้าเอาไว้และเดินตามเจ้านายไปห่างๆ
บนถนนฉินอี้เหลียนเหมือนนกที่ถูกปล่อยออกจากกรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและความตื่นเต้น มู่ชิงเกอมองนาง จู่ๆ ก็พลันถามขึ้นว่า “องค์หญิงสนิทกับเสียนอ๋องหรือ?”
ฉินอี้เหลียนหันกลับมาพูดว่า “พี่ชาย เรียกข้าว่าเหลียนเหลียนเถิด ไม่ต้องเรียกว่าองค์หญิงหรอก”
มู่ชิงเกออึ้งเห็นใบหน้าซาลาเปาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นก็ยิ้มพลางพยักหน้า
ฉินอี้เหลียนดีใจพูดกับมู่ชิงเกอว่า “พี่เฉินน่าสงสารมาก เพิ่งจะเกิดมาเสด็จแม่ก็สิ้นพระชนม์ร่างกายของเขาอ่อนแอ ไม่สบายบ่อย เสด็จพ่อก็ไม่ชอบเขา ต่อมาเสด็จแม่ของข้าก็รับเขามาเลี้ยงดูข้างกายและหลังจากนั้นก็คลอดข้า พี่เฉินก็เหมือนเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับข้านั้นแหละ”
คำพูดขององค์หญิงตัวน้อยทำให้มู่ชิงเกอคิดถึงภาพบรรยากาศวันงานเลี้ยง ภายในวังที่มีสนมนางหนึ่งที่ปรากฏตัวพร้อมกับฮ่องเต้ ดูสง่างาม สงบเสงี่ยมและไม่แย่งชิง
หลังจากนั้น มู่ชิงเกอจึงรู้ว่านางผู้นั้นคืออวิ๋นเฟยและเป็นเสด็จแม่ขององค์หญิงหย่งฮวน
เท่าที่องค์หญิงตัวน้อยพูด อวิ่นเฟยก็ถือเป็นพระมารดาเลี้ยงของเสียนอ๋องฉินจิ่นเฉิน
มิน่าเล่า สองคนนี้ถึงได้สนิทสนมกัน
“ว้าว! ว่าวนั้นสวยกว่าที่นางกำนัลในวังทำเสียอีก” ฉินอี้เหลียนถูกว่าวสีสันสดใสที่วางขายอยู่ดึงดูดและวิ่งไปทันที
มู่ชิงเกอส่งสายตาให้เจ้าอ้วนเช่า เจ้าอ้วนเช่าจึงรีบวิ่งตามไปปกป้องไม่ให้ใครชนฉินอี้เหลียน
มีจอมเสเพลขึ้นชื่อของลั่วตูคอยปกป้อง ยังจะมีใครกล้าชนอีกเล่า?