Skip to content

พลิกปฐพี 79-8

ตอนที่ 79-8

คุณชายตบหน้าอย่างรุนแรง

“เหลียนเหลียนไม่ค่อยได้ออกจากวัง ครั้งนี้ก็เพื่อมาพบเจ้า นางจึงขอร้องเสด็จแม่อยู่นานกว่าจะได้มา หากรบกวนเวลาของเจ้า ข้าก็ขอโทษแทนนางด้วย” อยู่ๆ เสียงของฉินจิ่นเฉินก็ดังขึ้นข้างหูมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอหันกลับไปมองสายตาอันแนบนิ่งของเขา พลางพูดว่า “ไม่เป็นไร กระหม่อมเองก็ชอบเหลียนเหลียน นางน่ารักและไร้เดียงสามาก”

ฉินจิ่นเฉินพยักหน้าเห็นด้วยและมองฉินอี้เหลียนที่กำลังเลือกว่าวพร้อมกับประชาชนทั่วไป “นางขาวบริสุทธิ์ดั่งกระดาษ ก็ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้าย”

“คำพูดของเสียนอ๋องดูมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยไหม?” มู่ชิงเกอมองเขาพลางขมวดคิ้ว

ก่อนหน้านี้นางก็เริ่มรู้สึกว่าชายผู้นี้จมอยู่ในความเจ็บปวด แต่ตอนนี้เมื่อได้ใกล้ชิดก็รู้สึกว่าความรู้สึกแบบนี้ชัดเจนมาก

“มองโลกในแง่ร้ายอย่างนั้นหรือ?” ฉินจิ่นเฉินยิ้มจางๆ เขาหันกลับไปมองมู่ชิงเกอด้วยสายตาอันสงบนิ่ง

เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูด

ชายผู้นี้…

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วแล้วละสายตาจากเขา ในขณะนี้องค์หญิงตัวน้อยก็ได้เลือกว่าวที่ตนเองชอบเป็นที่เรียบร้อย แล้ววิ่งกลับมาด้วยความดีใจพูดกับมู่ชิงเกอว่า “พี่ชาย ไปปล่อยว่าวกับข้าเถอะ”

หลังจากนั้นก็มองฉินจิ่นเฉินพลันพูดว่า “พี่เฉินก็ไปกับเราด้วยดีไหม?”

ฉินจิ่นเชินพยักหน้าอย่างไม่ลังเล แน่นอนว่ามู่ชิงเกอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ

แต่ว่านางแอบส่งสายตาให้เจ้าอ้วนเช่า ดูเหมือนว่าเรื่องที่จะไปจัดการในตอนแรกคงต้องรอจนถึงตอนเย็นหลังจากที่ส่งองค์หญิงตัวน้อยกลับไปก่อนเสียแล้ว

คนกลุ่มหนึ่งเดินไปบนสนามหญ้าที่ไม่ค่อยมีคนมากนัก

ซึ่งเหมาะกับพวกเขาที่มีฐานะพิเศษ หลังจากที่ออกจากตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว เหล่าองครักษ์ที่แอบตามองค์หญิงหย่งฮวนก็โล่งใจ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าจอมเสเพลทั้งสองของลั่วตูก็ไม่เลว

“พี่ชาย ท่านจับว่าวให้เหลียนเหลียนแล้วให้เหลียนเหลียนปล่อยได้ไหม?” ฉินอี้เหลียนพูดกับมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอพยักหน้าด้วยท่าทางยินดี

แม้ว่านางจะไม่เคยเล่นว่าว แต่การจะทำให้ของเล่นชนิด

นี้บินขึ้นฟ้าได้นั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากมากนัก มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิมตามคำสั่งของฉินอี้เหลียน มือทั้งสองข้างถือว่าวลายผีเสื้อไว้ที่ระดับอก ฉินอี้เหลียนถือด้าย ดึงกระโปรงขึ้นพลันวิ่งออกไป วิ่งออกไปสักพักนางก็หันมามองมู่ชิงเกอที่คงถือว่าวและ ยืนอยู่ที่เดิมจึงตะโกนเสียงดังว่า “พี่ชาย ทำไมท่านยังไม่ปล่อยมือล่ะ!”

เอ่อ?

มู่ชิงเกอได้สติก็รีบปล่อยมือและว่าวลายผีเสื้อก็ตกลงไปบนพื้นหญ้า

ฟุบ!

มู่ชิงเกอริมฝีปากกระตุกเล็กน้อยและก้มลงไปเก็บว่าว พลางพูดกับฉินอี้เหลียนที่ยืนเอามือเท้าเอวและหัวเราะอย่างสะใจว่า “เหลียนเหลียน มาลองกันอีกรอบเถิด”

ฉินอี้เหลียนพยักหน้าอย่างแรง แล้ววิ่งเก็บด้ายกลับมา ครั้งนี้นางตั้งใจอธิบายให้มู่ชิงเกอฟังอย่างชัดเจนว่าให้ปล่อยว่าวตอนไหนและมู่ชิงเกอก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

ท่าทางใจจดใจจ่อเช่นนั้น ทำให้ฉินจิ่นเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ อดมองอย่างหลงใหลไม่ได้ในสายตาราวกับมีเพียงชายชุดแดงเย้ายวนผู้นี้ หลังจากที่รู้วิธีการปล่อยว่าว มู่ชิงเกอก็กำลังจะลองใหม่ อีกครั้งด้วยความมั่นใจเต็มร้อย ฉินอี้เหลียนวิ่งออกไปอีกครั้งและมู่ชิงเกอก็รับรู้ได้ว่าว่าว

ในมือได้รับผลกระทบจากลม และเตรียมพร้อมรอเวลา เพื่อที่จะปล่อยให้ลอยไป…

ฟึ่บ~~~

ว่าวลายผีเสื้อสีสันสดใสอันหนึ่ง ลอยละล่องขึ้นและลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนขึ้นสู่ท้องฟ้า “ว้าว! ว้าว! สำเร็จแล้ว” ฉินอี้เหลียนกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจและโบกมือให้กับมู่ชิงเกอไม่หยุด

ใบหน้าของมู่ชิงเกอประดับไปด้วยรอยยิ้ม ความสดใสจากองค์หญิงตัวน้อยผู้นี้ ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายมากในเวลานี้และลืมเรื่องราวต่างๆ ไปจนหมดสิ้น

บนพื้นหญ้า มีว่าวขององค์หญิงหย่งฮวนวางนิ่งอยู่ หลังจากที่เล่นสนุกมาหนึ่งชั่วยาม องค์หญิงตัวน้อยผู้ไร้เดียงสาก็รู้สึกเหนื่อยล้าและนอนหลับอยู่บนตักของมู่ชิงเกอ เพราะความจริงแล้วมู่ชิงเกอเองก็เป็นหญิง สำหรับการใกล้ชิดกับองค์หญิง นางจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

แต่ ที่น่าสงสัยคือเสียนอ๋องฉินจิ่นเฉินก็เหมือนจะไม่ได้ห้ามปรามความใกล้ชิดขององค์หญิงที่มีต่อนางเลย ราวกับว่าเขาลืมไปแล้วว่าคู่หมายของมู่ชิงเกอคือน้องสาวอีกคนของเขา

มู่ชิงเกอก้มลงมองใบหน้าที่หลับอยู่ขององค์หญิงตัวน้อย แก้มสีชมพูราวกับแอปเปิ้ลสีแดง ชวนให้ลองกัดเสียสักคำ “ฉางเล่อและหย่งฮวนเป็นองค์หญิงสองพระองค์ที่ฮ่องเต้ทรงรักมากที่สุด” อยู่ๆ นางก็พึมพำขึ้นมา

ฉินจิ่นเฉินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ใช้สายตาอันสงบนิ่งมองนาง เหมือนอยากรู้ความหมายที่แท้จริงในคำพูดของนาง

น่าเสียดาย ที่นอกจากรอยยิ้มที่คล้ายยิ้มและไม่ยิ้มของมู่ชิงเกอแล้ว นางก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกอื่นใดอีก เขาจึงค่อยๆ ละสายตาจากนางและมองไปสุดขอบฟ้า “ชื่อฉางเล่อและหย่งฮวนต่างก็เป็นชื่อที่ไทเฮาทรงเลือกให้”

มู่ชิงเกอมองเขาด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง

ความหมายของสิ่งที่เขาพูด ไม่ได้เกี่ยวข้องถึงความรักที่ฮ่องเต้มีต่อนางทั้งสองเลยแม้แต่น้อยและจากคำพูดพวกนั้น ทำให้นางฟังความรู้สึกของเขาที่มีต่อฮ่องเต้องค์ ปัจจุบันออก

พอละสายตาจากเขา มู่ชิงเกอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก บรรยากาศรอบๆ ก็พลันเงียบลง

สายลมค่อยโชยพัดมา ทำให้ต้นหญ้าสะบัดไหวเป็นคลื่น

ความเงียบท่ามกลางหุบเขา ชวนให้ผู้คนหลงใหลจนไม่อยากจากไป

ในสายตาของมู่ชิงเกอสะท้อนความงดงามนี้อยู่ แม้จะไม่อยากจากไปมากเพียงใด แต่สุดท้ายก็ต้องไป เพราะนางยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ

มู่ชิงเกอวางองค์หญิงตัวน้อยที่ยังคงหลับอยู่ลงบนพื้นหญ้าแล้วใช้ว่าววางปิดลงบนตัวนางอย่างระมัดระวัง

“เจ้าจะไปแล้วหรือ? ไม่รอให้เหลียนเหลียนตื่นก่อนหรือ?” ฉินจิ่นเฉินมองนางนิ่งๆ ในขณะที่นางลุกขึ้นยืน และจะหันกายจากไป เขาก็พลันพูดขึ้น

มู่ชิงเกอเหลือบตามองเขา ค่อยๆ ส่ายหน้า “เมื่อองค์หญิงตื่นแล้ว ขอเสียนอ๋องบอกลาองค์หญิงแทนกระหม่อมด้วย”

ฉินจิ่นเชินพยักหน้าตอบรับเงียบๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version