Skip to content

พลิกปฐพี 89-5

ตอนที่ 89-5

ราชาผู้หวนกลับมา!

ไม่อยากเจออย่างนั้นหรือ? ตรงใจนางพอดี!

นางยังไม่ลืมว่าคนทั้งสองที่นางมาเข้าเฝ้าในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ส่งให้คนไปลอบสังหารนาง

เมื่อสักครู่นี้ที่ห้องทรงพระอักษรนางไม่ได้สังหารฝ่าบาทผู้นั้นก็เพราะนางจำเป็นต้องอดทนเพื่อการใหญ่ เข้าใจไหม?

เดินตรงไปยังทางออกของวังหลวง มู่ชิงเกอเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ

อากาศในวังหลวงน้อยมากจนนางอึดอัด

ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าด้านหลังตัวนางมีคนเดินตามมา แต่กลับไม่ได้มีประสงค์ร้ายอะไร

ในชั่วพริบตา นางก็ลดการป้องกันลง ปล่อยให้คนที่อยู่ข้างหลังได้โผเข้ามา

ทันใดนั้น ตรงหน้านางก็พลันมืดลง ถูกมือเล็กๆ ที่อ่อนนุ่มและมีกลิ่นหอมจางคู่หนึ่งปิดตาเอาไว้

“ทายสิว่าข้าเป็นใคร!” จงใจกดเสียงให้ตํ่าลง เสียงอันแฝงความดีใจที่ยากที่จะปกปิดดังมาจากข้างหลัง ไม่ว่าเจ้าของเสียงนี้จะพยายามปิดบังมากเพียงใด มู่ชิงเกอก็ยังคงสามารถรูถึงฐานะที่แท้จริงของผู้ที่อยู่ข้างหลังได้ทันทีอยู่ดี นางกระตุกยิ้มมุมปากจางๆ พูดโดยที่ไม่ขยับตัวว่า “องค์หญิงหย่งฮวน”

“ว้า! พี่ชายไม่สนุกเลย เดาออกว่าข้าเป็นใครไวปานนี้” มือเล็กทั้งสองข้างที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆ คลายออก กลิ่นหอมที่ติดบริเวณจมูกก็ค่อยๆไกลออกไป

มู่ชิงเกอที่สามารถมองเห็นได้อีกครั้ง หันหลังกลับไปมองหญิงสาวที่มีความสูงเทียบเท่าไหล่ของนาง

เมื่อเทียบกับการพบกันเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้แล้ว หญิงสาวผูนี้ดูผอมลง แต่ทว่า ใบหน้าซาลาเปากลับไม่เปลี่ยนไป ใบหน้าดูงดงามละเอียดลออมากยิ่งขึ้น แฝงความไร้เดียงสาที่ไม่มีพิษภัยใดๆ

ชุดกระโปรงที่ผูกสูงอยู่บริเวณหน้าอก ทำให้นางดูงดงามมากยิ่งขึ้น กระโปรงตัวใหญ่หลวมมีชายกระโปรงที่ปลิวพลิ้วไปมาอย่างเป็นธรรมชาติ

ผมของนางไม่ได้มัดแกละไว้สองข้างอีกต่อไป กลับมัดเป็นเปียง่ายๆ และปล่อยลงตามไหล่ บนผมสีดำเงามีเพียงเครื่องประดับธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่ง มองดูแล้วช่างสด ใสมีชีวิตชีวา

“พี่ชาย ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว ท่านมาหาเหลียนเหลียนหรือ?” ฉินอี้เหลียนพูดพลางกะพริบดวงตาคู่โต

ความคาดหวังที่ประดับอยู่ในแววตา ทำให้นางปฏิเสธไม่ลง

แต่ทว่า มู่ชิงเกอก็เลือกที่จะพูดความจริง “กระหม่อม มาเข้าเฝ้าฮ่องเต้และไทเฮา”

ความจริงทำให้ฉินอี้เหลียนจู๋ปาก พลางพูดอย่างเอาแต่ใจว่า “พี่ชายไม่ได้มาหาเหลียนเหลียน ท่านไม่คิดถึงเหลียนเหลียนใช่หรือไม่ อีกอย่าง เหลียนเหลียนเขียนจดหมายให้พี่ชายตั้งมากมาย พี่ชายไม่ตอบกลับข้าเลยแม้แต่ฉบับเดียว”

มู่ชิงเกอกระตุกยิ้ม ทันใดนั้น นางไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเรื่องนี้กับองค์หญิงอย่างไร

จดหมายเหล่านั้น นางไม่เพียงแค่ไม่ได้ตอบ ไม่แม้แต่กระทั่งจะเปิดอ่าน

“พี่ชาย ยินดีกับการกลับมาของท่าน เพื่อเป็นการต้อนรับท่าน เหลียนเหลียนจะเลี้ยงลูกอมท่านเอง!” โชคดีที่ฉินอี้เหลียนไม่ได้สาวความเรื่องนี้ต่อและยื่นลูกอมให้กับมู่ชิงเกอ

ลูกอมที่อยู่ตรงหน้า ทำให้มู่ชิงเกอนึกถึงครั้งที่สองที่พวกเขาเจอกัน

องค์หญิงตัวน้อยผู้ไร้เดียงสาบอกจะเลี้ยงลูกอมนางแต่ นางกลับไม่สนใจ หลังจากนั้น นางก็ไม่เคยพูดถึงความปรารถนาดีที่องค์หญิงจะเลี้ยงลูกอมนางอีกเลย

บางที สำหรับองค์หญิงตัวน้อยแล้ว ลูกอมเป็นสิ่งที่นางชอบมากที่สุด การเอาของที่ตนเองชอบออกมาแบ่งปันถือเป็นการแสดงความรู้สึกดีๆ ที่นางมีให้กับคนผู้นั้น แต่ทว่า ความรู้สึกดีๆ เช่นนี้ กลับทำให้มู่ชิงเกอยิ่งต่อต้าน

ก่อนหน้านี้มีฉินอี้เหยาคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้นางทำได้เพียงแกล้งทำเป็นไม่เห็น แต่ก็ไม่อาจจะชักนำหนี้ดอกท้อ(ความรัก) เข้ามาอีก

เพราะฉะนั้น มู่ชิงเกอจึงก้าวไปข้างหลังหนึ่งก้าวและไม่ได้ยื่นมือออกไปรับลูกอมจากมือของฉินอี้เหลียน เพียงแต่ส่ายหน้าเบาๆ พลางพูดว่า “ กระหม่อมไม่ชอบทานลูกอม ขอบพระทัยในความปรารถนาดีจากองค์หญิงพะย่ะค่ะ”

“อย่างนี้นี่เอง ไม่เป็นไร” ฉินอี้เหลียนไม่ได้ฝืน เพียงแต่เก็บลูกอมและความดีใจกลับไป

แต่ทว่า ในวินาทีต่อมา นางก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมอบรอยยิ้มอันสดใสให้แก่มู่ชิงเกอ “ช่วงที่พี่ชายไม่ อยู่เหลียนเหลียนไม่ได้อยู่เฉยๆ นะ ข้าเล่าเรียนการร่ายรำมาเยอะมากๆ ข้าร่ายรำให้พี่ชายดูดีไหม ข้าเคยได้ยินเสด็จแม่บอกว่าพี่ชายร่ายรำได้ดีมากๆ เลย”

“วันหลังเถอะ” มู่ชิงเกอปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม

“พี่ชายไม่ว่างหรือ” ฉินอี้เหลียนไหล่ตกในทันที ใบหน้าซาลาเปาก็พลันเผยให้เห็นถึงความผิดหวัง

“อืม กระหม่อมมีเรื่องต้องไปจัดการ” มู่ชิงเกอตอบไปตามนํ้า

“ไม่เป็นไร รอให้พี่ชายมีเวลาค่อยดูเหลียนเหลียนร่ายรำ” แม้ว่าฉินอี้เหลียนจะผิดหวัง แต่นางก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“อืม” มู่ชิงเกอตอบกลับเพียงแค่คำเดียว

ทันใดนั้น ความสดใสทั้งหมดก็ได้มารวมกันอยู่ที่ตาดวงกลมโตของฉินอี้เหลียน นางยื่นนิ้วก้อยของตนเองออกไปตรงหน้ามู่ชิงเกอและพูดอย่างอ้อนๆ ว่า “เกี่ยวก้อยกันก่อน ไม่เช่นนั้นพี่ชายอาจจะลืมอีก”

มู่ชิงเกอยิ้ม มองนิ้วมือเรียวเล็กที่อยู่ตรงหน้า แล้วเคลื่อนสายตาไปมองใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของฉินอี้เหลียน เมื่อทำอะไรไม่ได้ นางจึงยื่นมือของตนเองออกไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของนางเบาๆ

คลายนิ้วมือออก ฉินอี้เหลียนพูดอย่างดีใจว่า “ดีล่ะ! เกี่ยวก้อยกันแล้ว พี่ชายจะไม่โกหกข้าเป็นแน่ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน พี่ชายไปทำธุระได้เลย หากมีเวลา ต้องบอกเหลียนเหลียนนะ!”

พูดจบ นางก็โบกมือให้มู่ชิงเกอและดึงชายกระโปรงขึ้น แล้ววิ่งไปทางวังหลวง

มองฉินอี้เหลียนเดินจากไป ในขณะที่มู่ชิงเกอกำลังจะหันหลังกลับ ก็ได้ยินเสียงอันแนบนิ่งเสียงหนึ่งดังขึ้น “เหตุใดต้องปฏิเสธเหลียนเหลียน นางไม่เหมือนฉางเล่อที่มีความคิดซับซ้อน มีเสด็จแม่และเสด็จพี่ที่คอยแย่งชิงอำนาจ นางเพียงแค่ ชอบเจ้า”

มู่ชิงเกอหันหลังกลับในทันทีและสบเข้ากับสายตาแนบนิ่งดั่งสายนํ้าที่หยุดไหล ดวงตาสีขาวและดำตัดกันอย่างชัดเจนคู่นั้น

“เสียนอ๋องกำลังชมตัวเองอย่างนั้นหรือ?” มู่ชิงเกอพูดนิ่งๆ

ฉินจิ่นเฉินเม้มปากยอมรับและหันหลังเดินไปข้างหน้า ท่าทางเช่นนั้นราวกับกำลังจะออกไปส่งมู่ชิงเกอที่กำลังจะออกจากวัง

มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจ แต่ก็เดินตามไปโดยไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไป ราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน ทันใดนั้นฉินจิ่นเฉินก็พูดขึ้น “เหลียนเหลียนไม่ดีตรงไหน?”

มู่ชิงเกอหยุดเดินและกระตุกยิ้มจางๆ อีกเช่นเคย “องค์หญิงหย่งฮวนนั้นเป็นคนดีมาก กระหม่อมไม่คู่ควรกับนาง”

คำพูดนี้ทำให้ฉินจิ่นเฉินหยุดฝีเท้าเช่นกัน พลางหันไปมองนางด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจทั้งพูดเบาๆ ว่า “คุณชายผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเองมาโดยตลอด เหตุใดถึงได้กลับกลายเป็นคนที่ถ่อมตนได้ถึงเพียงนี้”

หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ?

มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มพลางพูดในทำนองเดียวกันว่า “กระหม่อมก็คิดไม่ถึงว่าเสียนอ๋องที่ไม่เคยจะสนใจเรื่องของผู้ใดกลับกลายเป็นแม่สื่อให้กับคนอื่น”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version