Skip to content

พลิกปฐพี 138-5

ตอนที่ 138-5

ฆ่าเตียวหยวน ชิงเกอโกรธ

เมื่อมู่ชิงเกอค่อยๆ ลืมตาขึ้นในรถม้า นางรับรู้ได้ ว่ารถม้ายังคงเคลื่อนไหวอยู่

ในรถม้ามีเพียงนาง ดูเหมือนว่าทุกคนไม่อยากรบกวนการฝึกของนาง จึงไม่ได้เข้ามา

มู่ชิงเกอเปิดผ้าม่านรถม้าออก เห็นเงาร่างของโย่วเหอที่กำลังขี่ม้า “โย,วเหอ” จึงเรียกนางเบาๆ ทีหนึ่ง

โย่วเหอหันมาตามเสียง หลังจากที่เห็นมู่ชิงเกอ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที “คุณชายท่านเสร็จจากการเก็บตัวแล้วหรือ!”

“อืม” มู่ชิงเกอพยักหน้าและถามว่า “ตอนนี้ถึงที่ไหนแล้ว เวลาผ่านมานานเท่าไหร่”

โย่วเหอตอบว่า “คุณชายสั่งว่าจะต้องเร่งเดินทางให้ถึงแคว้นฉินในเดือนครึ่ง เราจะเสียเวลาไม่ได้ ตอนนี้ถึงที่ราบลั่วรื่อแล้ว อีกสิบวันจะถึงหนึ่งเดือนครึ่ง”

มู่ชิงเกอพยักหน้ารับ แล้วพูดกับนางว่า “ช่วงนี้ ลำบากพวกเจ้ามากแล้ว ออกจากที่ราบลั่วรื่อ พวกเจ้าก็พักผ่อนได้”

พูดจบ นางก็ปิดผ้าม่าน

ก่อนหน้านั้นนางได้เรียกองครักษ์เขี้ยวมังกรและกองทหารพันเพลิงมารวมตัวกัน โดยสถานที่นัดหมายก็คือ ชายแดนที่ราบลั่วรื่อ

เมื่อคำนวณเวลาแล้ว พวกเขาก็น่าจะถึงจุดนัดหมายแล้ว

เรื่องที่มู่ชิงเกอเสร็จจากการเก็บตัว ทำให้องครักษ์เขี้ยวมังกรที่เร่งเดินทางอย่างรวดเร็ว ราวกับถูกกระตุ้นให้เร่งเดินทางไวขึ้นกว่าเดิม

หลังจากที่จูหลิงรู้แล้วว่ามู่ชิงเกอเสร็จจากการเก็บตัว จึงกลับไปอยู่ในรถม้าและพูดพร้อมยิ้มเศร้า “ร่างอันบอบบางของข้า เป็นครั้งแรกที่สู้สุดชีวิตเช่นนี้ เหนื่อยจะตายแล้ว”

มู่ชิงเกอพูดพร้อมรอยยิ้ม “ศิษย์พี่จูคงเหนื่อยมากแล้ว จากนี้ท่านพักอยู่ในรถม้าเถิด”

จูหลิงพยักหน้า แล้วพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “แม้ว่าเจ้าไม่พูดเช่นนี้ ข้าก็คงจะหน้าด้านขอร้อง หากขี่ม้าต่อไป แม้ว่าม้าที่ขี่จะเป็นสัตว์อสูรวิญญาณอย่างอาชาเพลิง ก้นข้าก็จะพังแล้ว”

พูดจบ นางราวกับรู้สึกว่าไม่ควรพูดจนเห็นภาพเช่นนี้กับ ‘ผู้ชาย’ อย่างมู่ชิงเกอ ท่าทางจึงดูเขินอาย

มู่ชิงเกอกลับไม่รู้สึกอะไร เพียงพูดว่า “เมื่อถึงจุดหมายแล้ว ข้าจะจัดการที่พักให้กับศิษย์พี่จูอย่างเหมาะสม”

จูหลิงกลับพูดว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า เมื่อถึงแคว้นฉินแล้ว เจ้าก็ไปจัดการเรื่องของเจ้า ข้าไม่เป็นไร เจ้าเป็นห่วงว่าข้าไม่สามารถดูแลตนเองให้ดีได้หรือ”

มู่ชิงเกอเพียงแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร

เมื่อพลบคํ่า ในที่สุดมู่ชิงเกอและทุกคนก็ออกจากที่ราบลั่วรื่อ

มั่วหยางนำทุกคนไปยังที่นัดหมายและส่งองครักษ์เขี้ยวมังกรสองนายออกไปตรวจดูก่อน

เพียงครู่หนึ่ง พวกเขาก็พาองครักษ์เขี้ยวมังกรกลุ่มหนึ่งกลับมาอย่างเร่งรีบ และพาพวกของมู่ชิงเกอไปยังค่ายกองทหารพันเพลิงหนึ่งแสนนาย องครักษ์เขี้ยวมังกรห้าร้อยนาย นอกจากกลุ่มองครักษ์เขี้ยวมังกรกลุ่มที่ไปทวงหนี้ที่หอสรรพสิ่งแล้ว ที่เหลือล้วนมารวมตัวกันบริเวณขอบชายแดนที่ราบลั่วรื่อ

จูหลิงลงจากรถม้า เห็นค่ายทหารอันเป็นระเบียบเรียบร้อย

ทหารแสนนายต่างฝึกอย่างเป็นขั้นตอน ส่วนองครักษ์ที่เข้ามาพร้อมกับพวกเขาล้วนไปรอที่ประตูค่าย

ทันทีที่เห็นมู่ชิงเกอ ทั้งแสนกว่านายก็คุกเข่าลง แล้วตะโกนเสียงสูงว่า “คุณชาย—–! คุณชาย—–!’

เสียงของคนนับแสน ทำให้จูหลิงตะลึง

ใบหน้าอันงดงามของนางดูตื่นตระหนก สายตาที่มองแผ่นหลังอันสง่าของมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความสงสัย

แม้ว่านางไม่ใช่ทหารและไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับทหาร แต่นางกลับสัมผัสได้ว่า คนเหล่านี้เคารพมู่ชิงเกอจากใจจริง ความพร้อมเพรียงเช่นนี้ แม้นางที่เป็นคน นอกยังตะลึงและอยากจะเป็นหนึ่งในนั้น

จูหลิงเดินตามหลังมู่ชิงเกอ เดินลึกเข้าไปในค่ายทหาร นางเป็นหญิง แต่เมื่อเข้ามาในค่าย กลับไม่ได้รับสายตาแปลกแยก ทหารที่คุกเข่าอยู่บนพื้นยิ่งไม่ได้มองนางแม้เสี้ยวสายตาเดียว

ทหารเช่นนี้ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ทำให้นางรู้สึกแปลกใจ และเริ่มไม่มั่นใจในเสน่ห์ของตนเอง

มู่ชิงเกอเดินเข้าไปในกระโจม จูหลิงเองก็ตามเข้าไป

นางไม่ได้นั่งลงโดยพลการ แต่ยืนอยู่หลังมู่ชิงเกอพร้อมกับโย่วเหอและฮวาเยวี่ย

มู่ชิงเกอนั่งอยู่ตรงกลาง สายตาอันสว่างกวาดมองทหารที่อยู่ในกระโจม แล้วถามว่า “ตอนนี้สถานการณ์ในลั่วตู เป็นอย่างไรบ้าง”

แม่ทัพกองทหารพันเพลิงเดินหน้าไปก้าวหนึ่ง พลันประสานหมัดและพูดว่า “รายงานคุณชาย ล่าสุดฮ่องเต้น้อยที่อยู่ในลั่วตูได้ออกประกาศว่า ภายในสิบวัน หาก คุณชายไม่ปรากฏตัว จะประหารนายท่านผู้เฒ่าและคุณหนูใหญ่ที่หน้าประตูวังหลวงขอรับ”

“ด้วยโทษอะไร” มู่ชิงเกอหรี่ตาลงทันทีและพูดอย่างเคร่งขรึม

จูหลิงหันมองมู่ชิงเกออย่างเป็นกังวล เมื่อครู่ที่ผ่านมา นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในตัวของศิษย์น้องมู่คนนี้ของนางแผ่ไอสังหารออกมา เย็นเยียบจนเข้ากระดูก!

แม่ทัพพันเพลิงตอบด้วยนํ้าเสียงเกลียดชัง “ให้ท้ายโจรกบฏมู่ชิงเกอ”

ความเย็นเยียบเกิดขึ้นในดวงตาของมู่ชิงเกอ พลันล้มไป ข้างหลัง แผ่นหลังพิงอยู่บนเก้าอี้ และหัวเราะอย่างเย็นเยียบ “โจรกบฏ โทษนี้คิดได้ไม่เลวนี่!”

มั่วหยางเงียบไปครู่หนึ่ง พลันลุกขึ้นยืน “ก่อนหน้านี้ คนจำนวนไม่น้อยออกมาทวงความยุติธรรมให้กับจวนตระกูลมู่ และไม่ว่าพวกเขาจะมาด้วยความจริงใจหรือไม่ แต่ก็ตายทั้งหมด ข้าน้อยเดาว่า เป็นฝีมือของยอดฝีมือที่มาจากภายนอก คิดว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อให้คนอื่นๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก”

ความเย็นเยียบเกิดขึ้นในดวงตาของมู่ชิงเกออย่างต่อเนื่อง รอยยิ้มตรงมุมปากไม่มีไออุ่นเลยแม้แต่น้อย “เชือดไก่ให้ลิงดูรึ”

“สถานการณ์ในวังหลวงเป็นอย่างไรบ้าง” มู่ชิงเกอถาม

มั่วหยางพูดว่า “สายสืบแจ้งมาว่า ผู้แทนพระองค์ถูกกักบริเวณอยู่ในวัง ฮ่องเต้น้อยไปเยี่ยมเขาทุกวัน น่าจะไปโน้มน้าวให้เขายอมมาอยู่ฝั่งเดียวกับตนเอง”

“หืม? ทางฉินจิ่นเฉินตอบกลับว่าอย่างไรบ้าง” ในสายตาของมู่ชิงเกอดูขี้เล่น

“คงจะไม่ได้ตอบตกลง ฮ่องเต้น้อยล้วนออกมาอย่างหัวเสียทุกครั้ง” มั่วหยางตอบ

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย็นเยียบและเยาะเย้ยในใจ ‘ฉินจิ่นเฉิน ถูกหมาที่ตนเองเลี้ยงเอาไว้แว้งกัดเข้า รู้สึกอย่างไรบ้างเล่า’

จากนั้น นางก็ถามอีกว่า “ทางอวิ๋นไทเฟยล่ะ”

มั่วหยางหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ราวกับเพียงถูกจำกัดความเคลื่อนไหว”

เมื่อรู้สถานการณ์คร่าวๆ ในลั่วตูแล้ว มู่ชิงเกอก็ถามอีกว่า “เหตุใดองครักษ์เขี้ยวมังกรที่ไปหอสรรพสิ่งยังไม่กลับมา”

มั่วหยางขมวดคิ้ว เขาเองก็แปลกใจ

ตามหลักแล้ว กลุ่มองครักษ์เขี้ยวมังกรที่ไปทวงของที่หอสรรพสิ่งแคว้นลี่ ควรจะกลับมาถึงก่อนพวกเขาถึงจะถูก และในขณะนั้นเอง ข้างนอกมีคนออกมาบอกว่า กลุ่มองครักษ์เขี้ยวมังกรกลุ่มนั้นกลับมาแล้ว

มู่ชิงเกอให้พวกเขาเข้ามา แต่กลับไม่คิดว่า ผู้ที่กลับมากับองครักษ์เขี้ยวมังกรกลับเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ!

มู่ชิงเกอมองหานฉายไฉ่ที่ถูกชุดลายดอกไม้ห่อหุ้มตัวเอาไว้ สายตาอันสว่างไสวกวาดมองตั้งแต่ใบหน้าอันงดงามของเขาไปยังสาบเสื้อที่เปิดออก และขมวดคิ้วพูดว่า

“ไม่คิดว่า เพียงแค่ขอยืมของเพียงไม่เท่าไหร่ แต่หานฉายไฉ่กลับมาด้วยตนเอง”

หานฉายไฉ่ยิ้มอย่างน่าเย้ายวนดั่งดอกไม้และหาเก้าอี้ว่างนั่งลง ชี้กล่องหลายใบที่วางอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า “ของมีค่ามากเพียงนี้ข้าจะไม่มาด้วยตนเองได้อย่างไร หากสูญหาย เจ้าโทษข้า ข้าก็จะขาดทุนไม่ใช่หรือ”

“นี่มันใครกัน เหตุใดจึงได้…เอ่อ…งดงามชวนตะลึงถึงเพียงนี้” จูหลิงมองหานฉายไฉ่ และพูดกับโย่วเหอเบาๆ ด้วยสายตาที่แลดูตื่นตะลึง

โย่วเหอตอบเบาๆ “นายแห่งหอสรรพสิ่ง”

จูหลิงตกใจ คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผู้งดงามดั่งเทพบุตรนี้ จะเป็นนายหอสรรพสิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น นางคิดไม่ถึงว่า ศิษย์น้องมู่จะสนิทสนมกับเจ้านายหอสรรพสิ่ง

“ถ้าเช่นนั้น ก็ขอบคุณนายน้อยหานมาก ตอนนี้ของก็ได้มาส่งถึงแล้ว เชิญนายน้อยหานกลับไปได้” มู่ชิงเกอเชิญแขกกลับในทันที

ตอนนั้นนางไม่มีเวลาและกะจิตกะใจต่อล้อต่อเถียงกับหานฉายไฉ่

แต่ทว่า หานฉายไฉ่กลับไม่มีความคิดที่จะขยับไปไหน ดวงตาหงส์ของเขาหรี่ลงจนกลายเป็นเส้นตรง และพูดกับมู่ชิงเกอด้วยรอยยิ้มอันร่าเริงว่า “มู่ชิงเกอ ข้ารู้ว่า ตอนนี้เจ้าพบกับปัญหา จึงใจดีเข้ามาช่วย”

“เจ้าใจดีถึงเพียงนี้เชียว” มู่ชิงเกอไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย

อยู่ๆ หานฉายไฉ่ก็ยิ้มอย่างคลุมเครือขึ้นมา “กับคนอื่น แน่นอนว่าไม่ใจดีเช่นนี้ แต่กับเจ้า…จิตใจดีงามเช่นนี้ของข้าก็ยังพอมีอยู่”

“หานฉายไฉ่ เจ้าคิดจะเล่นตลกอะไร” มู่ชิงเกอพูดพร้อมขมวดคิ้ว

หานฉายไฉ่ยิ้มอย่างชั่วร้ายเปี่ยมเสน่ห์แล้วพิงตัวลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน “ครั้งนี้ข้าไม่ได้คิดจะมาสร้างเรื่อง เพียงมาช่วยเจ้าเท่านั้น”

“ไม่จำเป็น” มู่ชิงเกอปฏิเสธทันที

หากนางจะหาคนช่วย ก็ไปหาซือมั่วเลยก็ได้ เหตุใดต้องไปหาหานฉายไฉ่ แล้วยังต้องเป็นหนี้บุญคุณกันอีก ถึงตอนนี้ตัวนางเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่า หากเกิดเรื่องขึ้น นาง ยอมที่จะขอร้องคุณตัวประหลาดที่นางพูดถึง ดีกว่าให้คนอื่นช่วย

“ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะปฏิเสธได้” หานฉายไฉ่พูด

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วอีกครั้ง

ในขณะนั้นเอง มีคนเข้ามารายงานข่าวอย่างเร่งรีบ

“รายงานคุณชาย ทางลั่วตูส่งข่าวมาว่า ฮ่องเต้น้อยมีราชโองการเลื่อนวันตัดสินประหารนายท่านผู่เฒ่าเข้ามาเป็น อีกห้าวันหลังจากนี้ และยังบอกอีกว่า…ยังบอกว่า…”

“ว่าอย่างไรอีก” มู่ชิงเกอถามด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบ

ผู้มาเยือนกัดฟัน และพูดด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึมว่า “ยังพูดอีกว่า หากคุณชายขี้ขลาดไม่กล้ามา ก็จะทำลายสุสานขององค์หญิงหย่งฮวน ส่วนอวิ๋นไทเฟยอยากเข้าไปในวัง แต่ก็ถูกคนของเราขวางเอาไว้”

มู่ชิงเกอยืนขึ้นมาทันที ทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายโหดเหี้ยมราวกับปีศาจที่กระหายโลหิต ทำให้รอยยิ้มตรงมุมปากของหานฉายไฉ่ค่อยๆ หายไป

จูหลิงมองมู่ชิงเกอด้วยความแปลกใจ แม้ตอนที่ เขารู้ว่าท่านปู่ของตนเองถูกควบคุมตัว เขายังไม่ตื่นตระหนกมากเพียงนี้เลย

“เขาบอกว่าจะทำลายสุสานของเหลียนเหลียนอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอทวนคำพูดด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version