ตอนที่ 98-1
หนุ่มน้อยผู้งดงามผู้นี้เป็นใครกัน
ณ ลั่วตู บนรถม้าคันหนึ่งที่เรียบง่ายแต่ยังคงความหรูหรา ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากประตูเมือง รถม้านั้นดู เหมือนจะถูกสร้างจากไม้มีชื่อราคาแพง มีสีเข้ม เงาวับ ชวนหลงใหล เมื่อได้เข้าใกล้แล้วจะสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ
สองฝั่งนอกหน้าต่างรถม้า ถูกสลักด้วยลวดลายมากมายอย่างประณีต ดอกไม้ใบหญ้าที่สลักอยู่บนนั้นสาดฉายสีสันสวยงามราวกับมีชีวิต
ม่านประตูและหน้าต่าง ถักทอจากผ้าไหมสีดำ บดบังการมองเห็นและสภาพภูมิอากาศจากภายนอก ทำให้ภายในรถม้าราวกับกลายเป็นโลกอีกใบหนึ่ง
ม้าสีดำทั้งสี่ตัวที่ลากรถอยู่ ต่างก็เป็นม้าธรรมดา แต่ทว่ากลับดูสง่ามากกว่า
รวมทั้งผู้คุ้มกันทั้งยี่สิบคนที่ตามอารักขาความปลอดภัย อยู่บริเวณด้านหน้าและหลังกลับขี่อาชาเพสิง สัตว์ที่มีสติปัญญา บนร่างกายสวมชุดนักรบสีดำ ใบหน้าของทุกคนมีความสุขุมแนบนิ่งและความหนักแน่นที่เหนือกว่าอายุ
ในรถม้า มีเสียงหัวเราะ ‘อี้ๆ’ ดังออกมา
เสียงอันน่าเย้ายวน ทำลายความเคร่งขรึมและความเข้มงวดของขบวน
ภายในห้องโดยสาร ประดับด้วยหยกและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวลอยู่ มีการตกแต่งอันหรูหรา ภายในรถม้าเต็มไปด้วยอาหารและเหล้านานาชนิด
บนกระถางกำยานแกะสลักลาย มีควันลอยขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
กลิ่นหอมจากควันนั้นไม่ได้เข้มข้นมากนัก แต่เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วกลับทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
บนเบาะนุ่ม มีร่างที่อยู่ในชุดสีแดงเจิดจ้านอนตะแคงอยู่ จนไม่สามารถเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน แต่ทว่ากลับ ทำให้ดูลึกลับและน่าค้นหามากกว่าที่เคย
ใบหน้างดงามน่าเย้ายวน ผิวสีขาวละเอียดลออ ตุ้มหูสีม่วงบนติ่งหูซ้ายส่องแสงระยิบระยับ ทำให้ใบหน้าของนางเป็นดงภาพวาดในจินตนาการ ที่ทั้งมีเสน่ห์และแฝงความบ้าคลั่งชั่วร้าย
เส้นผมสีดำเงาดั่งหมึกดำถูกเกล้าขึ้นสูง เผยให้เห็นถึงความองอาจของนาง
เมื่อถอดเสื้อเกราะออก มู่ชิงเกอในชุดสีแดงตัวหลวม ราวกับได้กลับไปเป็นจอมเสเพลรักสนุกดั่งเดิม
ศีรษะของนางหนุนอยู่บนขาทั้งสองข้างของฮวาเยวี่ย และมือนุ่มประหนึ่งไร้กระดูกของฮวาเยวี่ยก็นวดขมับให้กับนางอย่างเบามือ ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท ราวกับได้เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน แต่ทว่า รอยยิ้มจางๆ ที่ผุดอยู่ ตรงมุมปากกลับทำให้เหมือนยังไม่ได้หลับ
“โย่วเหอ เจ้าดูสิ คุณชายของเรายิ่งน่าเย้ายวนมากขึ้นทุกวัน” ฮวาเยวี่ยก้มหน้าลงและกระตุกรอยยิ้มจางๆ ใน ขณะที่ในมือก็ยังไม่หยุดนวดพร้อมกับรอยยิ้มอันน่าเย้ายวนตรงมุมปาก
โย่วเหอที่กำลังใจจดใจจ่อกับการเตรียมอาหารว่างให้กับมู่ชิงเกอผุดรอยยิ้ม “หรือว่าฮวาเยวี่ยจะหวั่นไหวเข้าเสียแล้ว”
ฮวาเยวี่ยตอบกลับอย่างขบขันว่า “ข้าหวั่นไหวแล้วจริงๆ หากคุณชายยอมสู่ขอข้าก็ยอมแต่ง”
“คิกๆ! เจ้ามันผู้หญิงหน้าไม่อาย” โย่วเหออดขำไม่ได้
ฮวาเยวี่ยเองก็หัวเราะ ‘ฮ่าๆๆๆ’ อย่างไม่อาย
ทั้งสองสาวหัวเราะกันอย่างสนุกสนาม มู่ชิงเกอค่อยๆ ลืมตาขึ้นเป็นเส้นตรง และแอบมองพวกนาง พลันพูดอย่างขบขันว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าแต่งงานกับข้าทั้ง สองคนเลยดีกว่า”
“อ้าว! คุณชายตื่นแล้ว”
“คุณชาย”
ทันทีที่ได้ยินเสียงของมู่ชิงเกอ ทั้งสองสาวก็รีบเข้าไปล้อมอยู่ทั้งซ้ายและขวาของนาง
สายตาคู่ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของทั้งสองหยุดอยู่ บนร่างของนาง
มู่ชิงเกอใช้มือข้างเดียวในการพยุงตัวเองขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้น จากนั้นโย่วเหอก็ยื่นชาอุ่นๆ แก้วหนึ่งในมือของนางให้ หลังจากที่นางยกขึ้นดื่มคำหนึ่ง จึงมองทั้งสองนางพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัยและพูดว่า “หรือว่าพวกเจ้าจะเข้าสู่วัยสาวแล้ว ให้ข้าหาชายหนุ่มในฝันของเจ้าทั้งสองให้ดีไหม”
“ไม่! คุณชาย เราสองพี่น้องได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่า จะอยู่รับใช้ท่านตลอดชีวิต” ฮวาเยวี่ยรีบพูด
โย่วเหอเองก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
ผู้ชายอะไรกัน พวกนางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ท่าทางของทั้งสองดูจริงจัง มู่ชิงเกอจึงไม่ได้พูดอะไรมาก ในตอนนี้ทั้งสองยังไม่เจอชายในฝัน พูดอะไรไปก็ไร้ ประโยชน์หากเปรียบกับการเปลืองน้ำลายพูดในตอนนี้แล้ว รอให้ถึงเวลาอันสมควรค่อยตัดสินใจจะดีกว่า
“คุณชาย ท่านจะอยู่ในร่างผู้ชายเช่นนี้ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ” หลังจากที่ลังเลพักหนึ่ง โย่วเหอจึงได้รวบรวมความกล้าในการถาม
“เป็นเช่นนี้ไม่ดีตรงไหน”
สะดวกสบายมาก
มู่ชิงเกอล้มไปข้างหลังเพราะไม่ทันได้ระวังตัว และพุ่งตัวเข้าอ้อมกอดของฮวาเยวี่ย ทำให้นางร้องเสียงหลง
โย่วเหออ้าปากค้าง ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่สามารถโน้มน้าวคุณชายได้ ดูเหมือนว่า ภารกิจที่คุณหนูใหญ่มอบหมายให้กับนาง ชาตินี้ทั้งชาตินางก็คงไม่สามารถทำให้ สำเร็จได้
หลังจากที่แอบโทษตนเองครู่หนึ่ง โย่วเหอก็หยุดพูดถึงเรื่องนี้อย่างรู้ความ
ทันใดนั้น ขบวนรถม้าก็ได้หยุดลง
หลังจากที่ภายในรถม้าสั่นเบาๆ ทีหนึ่ง รถม้าก็ได้หยุดลง มู่ชิงเกอเงยสายตาขึ้นทีหนึ่ง เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ของโย่วเหอก่อนจะพูดอย่างแนบนิ่งว่า “ข้าไปเอง”
รถม้า จอดอยู่ถนนหลวง
ในศาลาหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างทาง มู่ชิงเกอมองเจ้าอ้วนเช่าที่มีท่าทางโกรธจัดโดยไม่พูดอะไร
“ลูกพี่ ! นี่เรายังนับเป็นพี่น้องกันหรือไม่? คิดจะไปโดยไม่รํ่าลากันอีกแล้วใช่ไหม? หากไม่ใช่เพราะข้าเสร็จสิ้นการฝึกพลังเวทก่อนเวลาและได้ยินข่าวว่าท่านจะจากไป เราก็จะพลัดพรากจากกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะได้พบกันอีก” ท่าทางของเจ้าอ้วนเช่าเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ สายตาที่มองมู่ชิงเกอก็ฉายแววต่อต้านอย่างรุนแรง
“ข้าไปหาเจ้าแล้ว แต่เจ้าฝึกพลังเวทอยู่” หลังจากที่เจ้าอ้วนเช่าระบายความทุกข์ในใจของตนเองเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอจึงพูด
“แล้วเหตุใดท่านจึงไม่เรียกให้ข้าตื่นเล่า!” เจ้าอ้วนเช่าตะโกน
หลังจากที่ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปเพราะยาแห่งการเปลี่ยนแปลงอันวิเศษนั่น เขาก็รับรู้ได้ว่า วันหนึ่งมู่ชิงเกอจะไปจากแคว้นฉินและระยะห่างระหว่างพวกเขาก็จะไกลจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่คิดว่า วันนั้นจะมาถึงอย่างรวดเร็วเพียงนี้
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิดว่าจะตามมู่ชิงเกอไป แต่ทว่า เขารู้ถึงความไม่เอาไหนของตนเอง และไม่อยากทำให้มู่ชิงเกอต้องลำบากเพราะเขา ถึงยอมที่จะอยู่ในลั่วตู ฝึกฝนพลังเวท ในขณะเดียวกันก็ยังคงเป็นจอมเสเพลอย่างที่เขาเป็น
มู่ชิงเกอเงียบ ดูจากภายนอกแล้ว นางราวกับจะละเลยและไม่ใส่ใจกับความสัมพันธ์อันใด แต่ความจริงแล้ว นางกลัววินาทีแห่งการจากลามากที่สุด เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่จะจากไปนางจึงมักจะพยายามลดบรรยากาศเช่นนี้ให้น้อยที่สุด
ดังเช่นในวันนี้ เมื่อคืนหลังจากที่ได้ทานอาหารกับมู่ซงและมู่เหลียนหรงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเสร็จแล้ว วันนี้นางก็ได้ออกจากจวนตระกูลมู่มาอย่างเงียบๆ
และทั้งสอง ก็ราวกับจะรู้ถึงจุดประสงค์ของนาง จึงไม่ได้ออกมาส่ง
หลังจากที่แสดงความไม่ยินยอมในใจออกมาแล้ว เจ้าอ้วนเช่าก็เงียบลง
พักใหญ่ เขาจึงพูดขึ้นอย่างอึดอัดว่า “ลูกพี่ ท่านจะกลับลั่วตูเมื่อไหร่”
“ไม่รู้” มู่ชิงเกอตอบตามความจริง
การออกจากลั่วตูเพื่อไปผจญภัยในครั้งนี้นางมิได้ใปโดยไม่มีจุดหมาย แต่ทว่า นางจะไปเยือนแคว้นอวี๋ ที่นั้นเป็นที่ที่มีนักปรุงยามารวมตัวกันอยู่มากที่สุดในแคว้นทั้งสามระดับ เพราะโรงโอสถที่แยกตัวมาจากแคว้นอันดับหนึ่งอย่างเซิ่งหยวนเองก็อยู่ที่แคว้นอวี๋ ทักษะการปรุงยาของนาง สืบทอดมาจากเทพแห่งการปรุงยา ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางยังไม่ได้สัมผัสกับนักปรุงยามากนัก ทำให้นางรู้สึกราวกับกำลังงมเข็มในมหาสมุทร
หากเป็นไปได้นางอยากจะเรียนรู้การปรุงยาในโรงโอสถสักระยะ
อีกประการหนึ่ง ในระหว่างการเดินทางในครั้งนี้ นางจะต้องหาเบาะแสของพญาเพลิง เพื่อเตรียมกระตุ้นสายเลือดของตนเองโดยเร็ว
จะว่าไปแล้ว ภารกิจของนางเหมือนจะมีไม่มาก แต่ทว่าทุกๆ ภารกิจต่างไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ เพราะฉะนั้น การที่เจ้าอ้วนเช่าถามว่านางจะกลับมาเมื่อไหร่ นางจึงไม่สามารถตอบได้จริงๆ
เจ้าอ้วนเช่าเองก็ไม่ได้คาดคั้นขอคำตอบ แม้ในใจจะรู้สึกผิดหวัง แต่เขาก็ยังคงพยักหน้า พลันพูดว่า “ได้ลูกพี่ ท่านจงวางใจและไปทำในสิ่งที่ฝันเอาไว้เถิด ข้าจะอยู่ที่ลั่วตู เพื่อรักษาชื่อเสียงจอมเสเพลของเราเอาไว้”
มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มน้อยๆ และพูดเบาๆ ว่า “ดี”
ทุกคนล้วนมีทางเดินของตนเอง ไม่มีใครสามารถบังคับใครได้
เพราะฉะนั้น เจ้าอ้วนเช่ายอมรับการตัดสินใจของนาง และนางก็ยอมรับการตัดสินใจของเจ้าอ้วนเช่า
รถม้า ค่อยๆ เคลื่อนตัวอีกครั้ง และหายไปจากสายของเจ้าอ้วนเช่าขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่รถม้าค่อยๆ ลับสายตาไป ฝ่ามือของเจ้าอ้วนเช่าจึงมีแสงสีส้มส่องประกายออกมา แสงนั้นราวกับจะกลายเป็นสีเหลืองได้ตลอดเวลา
เขามองไปในทิศทางที่มู่ชิงเกอจากไปและพึมพำกับตนเองว่า “ลูกพี่ ข้ายังไม่ได้บอกท่านถึงความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้เลย วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”