Skip to content

พลิกปฐพี 113-2

ตอนที่ 113-2

ลูกพี่ลูกน้องของคุณชาย

นางอาละวาดจนมู่ชิงเกอเกิดความรำคาญขึ้นมา จึงโยนนางออกไป พลันใช้นิ้วก้อยแคะหูหลายที แล้วถามอย่างหมดความอดทนว่า “ที่เจ้าให้ข้าเข้ามา ก็เพื่อจะบอกแค่นี้หรือ”

“แน่นอนว่าไม่ใช่!” เสียงของเหมิงเหมิงค่อยๆ ใกล้เข้ามา และมาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอในทันที

นางมองมู่ชิงเกอด้วยความโกรธ แต่ในวินาทีต่อมาก็ได้มาอยู่บนไหล่ของนางและถูไถไปมาอย่างสนิทสนม พลางพูดอย่างออดอ้อนว่า “เหมิงเหมิงคิดถึงเจ้านาย”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากและพูดอย่างรู้ทันว่า “ เจ้ากินยาจนหมดอีกแล้วรึ”

เหมิงเหมิงเงยใบหน้าอ้วนกลมของตนเองขึ้นในดวงตาอันสว่างสดใสราวกับมีดวงดาวผุดออกมาพลางพยักหน้าอย่างแรง

ยาเม็ดที่มู่ชิงเกอให้เป็นลูกกวาดแก่เหมิงเหมิงมีจำนวนจำกัด ยาที่เหลือถูกนางเก็บไว้ภายในห้องปรุงยา เหมิงเหมิงไม่กล้าไปขโมย

มู่ชิงเกอหยุดคิดครู่หนึ่ง ช่วงนี้นางเองก็ยุ่งจนลืมปรุงยาให้กับเหมิงเหมิง

เห็นท่าทางอันเป็นทุกข์ของเจ้าตัวเล็กแล้วนางเองก็รู้สึกผิด จึงได้หยิบเม็ดยาขวดหนึ่งออกมาแล้วโยนให้นาง

เหมิงเหมิงรีบกอดเอาไว้แน่นใบหน้าอ้วนกลมน่ารักมีความสุขขึ้นมาในทันที

“หากไม่เป็นอะไร ข้าจะกลับแล้ว” นางไม่กล้าอยู่ในนี้นาน กลัวว่าจะท่าให้ซือมั่วสงสัย

“เดี๋ยวก่อน เจ้านาย” เหมิงเหมิงหยุดมู่ชิงเกอเอาไว้

มู่ชิงเกอมองนางด้วยความสงสัย

เหมิงเหมิงยัดยาเม็ดหนึ่งเข้าปาก และจึงพูดว่า “สายโลหิตของเจ้านายถูกกระตุ้นแล้ว จะไม่ลองสร้างอาวุธหรือ”

คำแนะนำนี้พอจะทำให้มู่ชิงเกอหวั่นไหวอยู่บ้าง

แต่ทว่า ในเวลานี้กลับไม่เหมาะสม

สุดท้ายแล้ว นางก็ยังคงส่ายหน้าและพูดกับเหมิงเหมิงว่า “ไม่รีบ”

พูดจบ ร่างกายสว่างวาบทีหนึ่ง แล้วก็หายออกไปจากช่องว่าง

พอลืมตาขึ้นก็ได้สบกับนัยน์ตาสีนํ้าผึ้งของซือมั่ว ในส่วนลึกของสายตาชายหนุ่มแฝงรอยยิ้ม ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกเหมือนว่าเขารู้ทุกอย่าง จึงหันหน้าหนีเพื่อเคลื่อนสายตาออก

ซือมั่วบอกแล้วว่า ที่พักของพวกเขามีระยะห่างจากที่ที่พวกมั่วหยางอยู่ ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่วันเดียว

เพราะฉะนั้น ตอนคํ่าๆ รถม้าของพวกเขาก็ได้มาถึงที่นัดหมาย

องครักษ์เขี้ยวมังกรและสาวใช้ทั้งสองที่รออยู่ที่นี่นานแล้ว ต่างก็ยืนรออยู่ใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน

ข้างกายพวกเขา ยังมีองครักษ์ทั้งสี่ของหานฉายไฉ่ หลังจากที่ได้อยู่ร่วมกันหลายวัน ทำให้คนทั้งสองพวกคุ้นเคยกันแล้วบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก

เพราะอย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของเจ้านายของทั้งสองฝ่าย จะเป็นพวกเดียวกันหรือจะเป็นศัตรูกันก็ยังไม่อาจรู้ได้ ในขณะที่รอคอย ในที่สุดบนถนนได้มีรถม้าสีดำคันหนึ่งปรากฏขึ้น

บนรถม้า มีกระดิ่งสีทองแขวนอยู่อันหนึ่ง เพราะรถม้าที่กำลังขับเคลื่อนจึงส่งเสียงกังวานอย่างไม่ขาดสาย

“ใช่คุณชายหรือเปล่า” ฮวาเยวี่ยเขย่งขาทั้งสองข้าง ยื่นคอออกไปดูรถม้า พลางถามโย่วเหอที่อยู่ข้างๆ

โย่วเหอส่ายหน้า แต่นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยการรอคอยเช่นกัน

ไม่นาน ทุกคนก็เห็นรถม้า

สายตาแห่งการรอคอยได้เกิดขึ้นกับกำลังคนและม้าของทั้งสองฝ่าย

ครู่หนึ่ง รถม้าก็มาอยู่ตรงหน้าทุกคน และค่อยๆ หยุดลง

การกระทำเช่นนี้ทำให้ทุกคนที่กำลังรอคอยดีใจขึ้นมาในทันที และพุ่งเข้าไปหา

ผ้าม่านถูกเปิดออก เผยให้เห็นสีแดงอันเจิดจ้าดงพระอาทิตย์ที่รวมเป็นเนื้อเดียวกันกับพระอาทิตยํที่กำลังจะตกดินตรงปลายขอบฟ้า

มู่ชิงเกอกระโดดลงจากรถม้า เพิ่งจะตั้งตัวได้ ก็เห็นสาวใช้ทั้งสองวิ่งเข้าหาตนเอง

“คุณชาย!”

โย่วเหอและฮวาเยวิ่ยเดินเข้ามาล้อมนางเอาไว้จากสองข้าง เข้ามาอยู่ข้างมู่ชิงเกอทั้งซ้ายและขวา พร้อมมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด

มู่ชิงเกอเกอพูดอย่างขบขันว่า “อวัยวะของข้ายังอยู่ครบ ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ไม่จำเป็นต้องมองข้าเช่นนี้”

ในขณะเดียวกัน มั่วหยางก็นำกองทหารเขี้ยวมังกรเดินเข้ามาคุกเข่าอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกออย่างเป็นห่วง พลัน ประสานหมัดและทำความเคารพ “เจ้านาย!”

มู่ชิงเกอรับคำและสั่งให้พวกเขายืนขึ้น

และในตอนนี้องครักษ์ของหานฉายไฉ่ก็ได้เดินเข้ามา ด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม และพูดว่า “คุณชายตระกูลมู่ ท่านไปพร้อมกับเจ้านายของข้า ตอนนี้ท่านกลับมาแล้ว ขออนุญาตถามว่าเจ้านายของข้าอยู่ที่ใดกัน”

นํ้าเสียงนี้ราวกลับว่ามู่ชิงเกอทำอะไรเจ้านายของพวกเขา

ทันใดนั้นบรรยากาศที่ถือว่าปรองดองในตอนแรกก็ได้กลายเป็นดุเดือดพร้อมรบขึ้นมาทันที มั่วหยางนำกองทหารเขี้ยวมังกรมาล้อมรอบทั้งสี่คนเอาไว้อย่างเงียบๆ เพื่อรอคำสั่งต่อไปของมู่ชิงเกอ

ทั้งสี่มองไปรอบๆ และดึงอาวุธของตนเองออกมา มองมู่ชิงเกอด้วยความโกรธ

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก แล้วหัวเราะ โบกมือเพื่อห้ามพวกมั่วหยาง พร้อมมององครักษ์ทั้งสี่ด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความเสียดสี “พวกเจ้าคิดว่าข้าสังหารเจ้านายของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ”

ทั้งสี่คนเงียบ ความรู้สึกนั้นแสดงออกมาชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องพูด

มู่ชิงเกอยิ้มเย็น “วางใจเถอะ เขาว่ากันว่าคนชั่วมักจะอยู่เป็นอมตะ เจ้านายของพวกเจ้าไม่ตายง่ายๆ เช่นนั้นหรอก”

คำพูดนี้ทำให้กำลังคนฝั่งของมู่ชิงเกอหัวเราะออกมา อย่างกลั้นไม่อยู่ในทันที

สีหน้าขององครักษ์ทั้งสี่ของหานฉายไฉ่เปลี่ยนไปในทันที และกัดฟันมองมู่ชิงเกอ

“ตอนนี้เจ้านายของข้าอยู่ที่ไหน”

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นเบาๆ แล้วส่ายหน้าราวกับแสร้งทำ “ในตอนนี้เขากำลังรับโอกาสที่ได้ถูกลิขิตเอาไว้หากถึงเวลาเขาจะกลับมาเอง หากว่าพวกเจ้าเป็นห่วงก็ไปหาเขาที่ที่ราบลั่วรื่อแต่ว่าข้าขอบอกเลยว่า ในตอนนี้เขายังไม่อยากให้ใครไปรบกวน หากว่าพวกเจ้าไป เฝ้าอยู่ที่นั่น ไม่ต้องพูดว่าในระหว่างการค้นหาจะไปรบกวนเขารึเปล่า แต่หากมีใครสังเกตเห็นและไปสืบจนรู้ความ อาจจะทำลายโอกาสของเจ้านายของพวกเจ้า จนทำให้มีอันตรายถึงแก่ชีวิต”

“ท่านอย่ามาโกหกพวกข้า” องครักษ์นายหนึ่งยกนิ้วขึ้นชี้หน้ามู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอเหล่ตามองเขาด้วยสายตาอันโหดเหี้ยมและพูดว่า “หากว่าหานฉายไฉ่ถูกข้าสังหารไปแล้วจริงๆ ข้าจะเสียเวลามาพูดเช่นนี้กับพวกเจ้าไปเพื่ออะไรกัน สังหารพวกเจ้าไปเสีย ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้มิใช่หรือ”

“หรือพวกเจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถสังหารพวกเจ้าได้” ในส่วนลึกของสายตาของมู่ชิงเกอแฝงความเย็นเยียบ

คำพูดของนางท่าให้องครักษ์ของหานฉายไฉ่พูดอะไรไม่ออก

ยืนเถียงอยู่กับที่เพียงไม่นาน สุดท้ายพวกเขาก็กัดฟันแล้วเดินจากไป

แต่ก่อนจากไป ยังทิ้งคำพูดอันโหดเหี้ยมไว้ให้กับมู่ชิงเกอ โดยบอกว่า หากหานฉายไฉ่เป็นอะไรไปหอสรรพสิ่งจะไม่ปล่อยนางเอาไว้เป็นแน่

“น่ารังเกียจจริงๆ! คุณชายก็บอกแล้วว่า เจ้านายของพวกเขากำลังได้รับโอกาสสำคัญ และไม่เป็นอันตรายอันใด พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาแสดงท่าทางดุร้ายเช่นนี้” ฮวาเยวี่ยทวงความยุติธรรมให้กับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอสะบัดมือ และพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “พวกเขาเพียงแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้านาย หากเป็นพวกเจ้า ปฏิกิริยาของพวกเจ้าคงจะรุนแรงกว่าพวกเขา”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนไม่รู้จะตอบเช่นไร

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ อยู่ๆ ภายในรถม้าก็มีเสียงโทนต่ำอันหอมละมุนดั่งเสียงของชายที่กำลังมึนเมาดังขึ้น

ทุกคนอึ้งและมองมู่ชิงเกอด้วยความฉงนใจ ก่อนจะมองไปยังรถม้า

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก หันหลังเดินไปยังรถม้าแล้วเปิดผ้าม่านออก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version