Skip to content

พลิกปฐพี 207-3

ตอนที่ 207-3

การสู่ขอของมหาปราชญ์!

เมื่อแน่ใจแล้วว่าจิ้งจอกตัวนั้นไม่อยู่แล้ว ไป๋สี่ถึงได้ปล่อยมือของตนเอง

แต่ว่า นางกลับขมวดคิ้วเอ่ยอย่างแปลกใจ “แปลก! เขาเพิ่งจะตื่นขึ้นเหตุใดจึงรู้ว่าข้าชอบกินได้?”

“อา หรือไม่ก็ตอนที่หยินเฉินสลบไป สติยังคงอยู่ ดังนั้น จึงได้ยินพวกเราคุยกัน” มู่ชิงเกอกล่าวอธิบายแทนหยินเฉิน

ไป๋สี่ในตอนนี้ก็ไม่ได้ถามต่อ เพียงแต่เมื่อได้สติกลับมาแล้ว คิ้วเหยียดตรงเอ่ยว่า “เขาเรียกข้าว่าอะไร? งูตะกละ? เจ้าจิ้งจอกเหม็นตัวนั้น!”

มู่ชิงเกอยิ้มๆ เพิ่มเติมอีกประโยค “เจ้าเรียกเขาว่าจิ้งจอกเหม็น เขาเรียกเจ้าว่างูตะกละ ถือว่ายุติธรรมแล้ว”

“ชิงเกอ!” ไป๋สี่มองนางอย่างงอนๆ

มู่ชิงเกอหัวเราะเอ่ยว่า “เอาละ หยินเฉินน่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พวกเรากลับช่องว่างกันเถอะ”

“ข้าไม่อยาก ไม่ง่ายดายเลยที่ข้าจะได้ออกมา” ไป๋สี่เอ่ยปฏิเสธ

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างขี้เล่นเอ่ยว่า “ข้ากลับบ้านไปเยี่ยมญาติ นำเจ้าไปด้วย ข้าก็ต้องอธิบายหลายรอบ รอข้าจัดการเรื่องราววุ่นวายเหล่านี้เสร็จ ตอนออกจากหลินชวน ข้าก็จะปล่อยเจ้าออกมา แล้วแต่เจ้าเลยว่าจะอยู่ด้านนอกนานแค่ไหน”

ไปสี่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าที่มู่ชิงเกอพูดก็มีเหตุผล

แค่คิดไปถึงว่า ถ้าหากปรากฏตัวออกมาแล้วก็ต้องตามมู่ชิงเกอไปพบคนนั้นคนนี้ ดูมนุษย์ทำนั้นทำนี่ ยังคงแล้วไปเถอะ ไม่สู้อยู่ในช่องว่างสบายๆ ดีกว่า

รอนางนอนจนตื่นแล้ว มู่ชิงเกอก็คงน่าจะออกจากหลินชวนแล้ว ตอนนั้นค่อยออกมาก็ไม่สาย

เมื่อคิดได้แล้ว ไป๋สี่ก็ไม่ได้ดื้อดึงต่อ เข้าไปในช่องว่างกับมู่ชิงเกอ

ภายในช่องว่าง หยินเฉินสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

เหมิงเหมิงกับหยวนหยวนยืนอยู่ตรงหน้าของเขา มือทั้งสองกอบกุมอยู่บนแก้ม ดวงตาเผยรอยยิ้มหลงใหล มุมปากก็เหมือนมีอะไรไหลออกมา

มู่ชิงเกอชะงัก ฉากๆ นี้ ทำให้นางแปลกใจเล็กน้อย

ชายหนุ่มยืนอยู่ในช่องว่าง เรือนร่างสูงเพรียว ผมสีเงินดูสง่างามสูงส่ง สวมชุดสีแดง ดูน่าหลงใหล ดวงตาสีแดง ที่ดูแตกต่างคู่นั้น ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่านั้นคืออัญมณีสีแดง งดงาม

แม้แต่มู่ชิงเกอที่เคยเห็นรูปลักษณ์ตอนเปลี่ยนร่างของหยินเฉินแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังคงถูกเขาทำให้อัศจรรย์ใจ

หรือเป็นเพราะหยินเฉินเป็นสัตว์อสูรเทวะ ความหล่อเหลายั่วยวนของเขาเมื่อเทียบกับหานฉายไฉ่ที่อยู่ในชนิดเดียวกันแล้ว ก็ดูมีความเป็นเทพสูงส่งมากยิ่งกว่า ‘นี่เกือบจะเทียบได้กับซือมั่วได้เลย!’ มู่ชิงเกอรู้สึกอัศจรรย์ในใจ

ทันใดนั้นนางก็คิดขึ้นได้ เปลี่ยนความคิดที่ผิดพลาดนี้ไป ‘ใช่แล้ว! ไม่ อย่างไรซือมั่วก็ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง ไม่มีใครเทียบได้ไม่มีใครเหนือกว่า!’

“เจ้านาย” หยินเฉินทักทายมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอยิ้มๆ เอ่ยว่า “แต่ก่อนก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้เจ้าเป็นเช่นนี้ยังเรียกข้าว่าเจ้านาย ข้าฟังแล้วไม่คุ้นหู เจ้าเรียกข้าว่าชิงเกอเหมือนกับไป๋สี่เถอะ”

หยินเฉินก็ไม่ได้ดื้อดึง นิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้า

อีกอย่างไม่ว่าจะเรียกอย่างไร เขากับมู่ชิงเกอก็ยังคงมีความสัมพันธ์เช่นเจ้านายและบ่าวไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากผ่านการร่วมเป็นร่วมตามมาแล้วหลายครั้ง

“ชิงเกอ เหตุใดจึงต้องให้จิ้งจอกเหม็นตัวนั้นมาเลียนแบบข้าด้วย?” ไป๋สี่เอ๋ยอย่างไม่พอใจ

หยินเฉินมองนางอย่างเย็นชาแวบหนึ่งเอ่ยว่า “งูตะกละ เจ้าอย่าได้ลืมไป เจ้าถึงจะเป็นเด็กใหม่”

“จิ้งจอกเหม็นเน่า! เจ้ารนหาที่ตาย!” ดวงตาของไป๋สี่แข็งกร้าวขึ้น ไอสังหารแผ่พุ่งออกมา

หยินเฉินก็ไม่แสดงความอ่อนแอ นัยน์ตาสีแดงเลือดวาววาบอย่างอำมหิต

ตอนนี้ พลังฝึกปรือของเขาพอๆ กันกับมู่ชิงเกอแล้ว สำหรับอสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบที่ยังไม่ทันได้ฟื้นฟูความทรงจำทั้งหมดแล้ว เขาสามารถสู้ได้อยู่

“พอแล้ว!” มู่ชิงเกอถอนหายใจ

นางค้นพบว่า พวกอมนุษย์ที่รวมตัวอยู่รอบกายของนางนี้ช่างเป็นคู่กัดกันเสียจริง

ดีที่พวกเขาเพียงแต่ลับฝีปากกันไม่ได้ทำเรื่องที่ใหญ่โตออกมา มิเช่นนั้นแล้วหัวของนางก็คงจะระเบิดเป็นแน่

มู่ชิงเกอพอตวาดห้ามออกมา ตัวเล็กสอง ตัวใหญ่สองก็ล้วนพากันเงียบเสียงลง

กวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่ง มู่ชิงเกอถึงได้เอ่ยถามว่า “ไป๋สี่ ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าเคราะห์อัสนีทางสายเลือด หมายความว่าอย่างไร?”

ปัญหานี้ทำให้หยินเฉินก็มองมาทางไป๋สี่เช่นเดียวกัน

ไป๋สี่กลอกตามองหยินเฉินแวบหนึ่งถึงได้เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เคราะห์อัสนีทางสายเลือดยากที่จะปรากฏ ตามปกติแล้ว มีแต่สายเลือดของสัตว์เทพโบราณเท่านั้นถึงจะมีปรากฏ แต่ว่าจิ้งจอกเหม็นเน่าตัวนี้มีเพียงแค่สาย เลือดของสัตว์อสูรเทวะเท่านั้นมิใช่หรือ? เหตุใดจึงได้มีสายเลือดของสัตว์เทพโบราณด้วย?”

พูดจบนางก็มองหยินเฉินอย่างพิจารณา

มู่ชิงเกอก็มองไปทางหยินเฉิน ดูเหมือนว่ากำลังถามเขา ว่ารู้เรื่องราวเหล่านี้หรือไม่

แต่ว่า หยินเฉินกลับส่ายหน้าอย่างมึนงง แสดงให้เห็นว่าตัวเองก็ไม่เข้าใจ

“ดูแล้วจิ้งจอกเหม็นเน่าตัวนี้ก็จะไม่รู้เช่นกัน แต่ว่าไม่ว่าเป็นอย่างไร เมื่อมีสายเลือดของสัตว์เทพโบราณแล้ว ก็หมายถึงว่าจิ้งจอกตัวนี้มีความสามารถสูงมาก” ไป๋สี่พยักหน้าเอ่ย

หยินเฉินสีหน้าดำทะมึน สบถว่า “งูตะกละ อย่าได้เรียกข้าว่าจิ้งจอกเหม็นเน่า”

ไป๋สี่สบถอย่างเย้ยหยันออกมาคำหนึ่ง แสดงความดูแคลนออกไป

หยินเฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง ทันในนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “งูตะกละ มี คนเคยพูดหรือไม่ว่า เสียงของเจ้านั้นฟังดูแล้วเหมือน เด็กอ่อน”

“จิ้งจอกเหม็นเน่า เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ!” ไป๋สี่ เกลียดที่สุดเมื่อมีใครมาพูดถึงเสียงของนาง พริบตาก็กลายเป็นแสงสีขาวพุ่งเข้าใส่หยินเฉิน

หยินเฉินก็ไม่น้อยหน้า เข้าไปต่อยตีกับไป๋สี่

มู่ชิงเกอส่ายหน้า ตอนที่จะจากไป เอ่ยกับเหมิงเหมิงว่า “เจ้าเป็นจิตวิญญาณแห่งอาวุธ อย่าให้พวกเขาทำลาย สถานที่ของพวกเรา!”

พูดแล้วนางก็หายตัวไป

นัยน์ตาของเหมิงเหมิงเปล่งประกาย ‘ใช่แล้ว! ที่นี่เป็นบ้านของเหมิงเหมิงและเจ้านาย! เหตุใดต้องให้คนเลวสองคนนี้ทำลาย?’ เหมิงเหมิงพอเอ่ยในใจก็ขยับตัวในทันที แสงสองสายที่พัวพันกันก็ถูกแยกออก ตัวหนึ่งถูกทิ้งไปใต้สุดของช่องว่าง อีกหนึ่งถูกทิ้งไปเหนือสุดของช่องว่าง

ตบๆ มือ เหมิงเหมิงเอ่ยกับหยวนหยวนอย่างได้ใจว่า “จัดการเรียบร้อยแล้ว! ไป พี่สาวพาเจ้าไปเลือกเสื้อผ้า!”

หยวนหยวนพึมพำ สองมืออวบๆ ลูบกระเป๋าว่างๆ ของ ตน ถอนหายใจคิดถึง “ข้าคิดถึงท่านพ่อแล้ว”

ออกมาจากช่องว่างแล้ว มู่ชิงเกอก็ขี่เพลิงรัตติกาลไป รวมตัวกับองครักษ์เขี้ยวมังกรที่จุดพักเท้าของทางการ เพิ่งจะมองเห็นจุดพักเท้า นางก็ได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นเคยกำลังพูดคุยกับมั่วหยาง

“มั่วหยาง เจ้าบอกข้ามาสิว่า ข่าวลือด้านนอกเป็นความจริงหรือไม่? ลูกพี่ของข้าเป็นผู้หญิงจริงๆ น่ะหรือ?”

“คุณชายเช่า คุณชายอีกครู่ก็กลับมาแล้ว ท่านมีคำถามอะไร ก็รอนางกลับมาแล้วค่อยถามเถอะ” มั่วหยางเอ่ย

เจ้าอ้วนแช่เช่าถึงกับมาที่จุดพักเท้าเพื่อหานาง!

ความประหลาดใจนี้ทำให้มุมปากของมู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มจริงใจออกมา

นางขี่เพลิงรัตติกาลไปทางจุดพักเท้า มองเห็นร่างอ้วนกลมแล้วก็หัวเราะเอ่ยว่า “เจ้าอ้วน”

เสียงเรียกที่คุ้นเคย ทำให้ร่างของเจ้าอ้วนเช่าชะงัก หันกายมาอย่างมีชีวิตชีวา มองมาทางมู่ชิงเกอ

ตอนที่ความดีใจในดวงตาของเขาถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึงนั้น เขาเบิกดวงตาเรียวเล็กนั้นกว้างขึ้น เอ่ยอย่าง ติดๆ ขัดๆ “ลูกพี่…ท่าน ท่าน ท่าน ท่าน ท่าน…”

มู่ชิงเกอจงใจจ้องหน้าเขาแล้วเอ่ยถามว่า “อย่างไร? ข้าเป็นผู้หญิงแล้วเจ้าคิดจะกบฏงั้นหรือ?’’

“ไม่กล้า!” เล้าอ้วนแซ่เช่าหดตัวรีบแสดงความจงรักภักดี “ลูกพี่ ไม่ว่าท่านจะเป็นชายหรือหญิง ในใจของข้า ท่านก็คือลูกพี่ของข้าตลอดไป!”

พูดจบแล้ว ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของเขาก็เผยรอยยิ้มดีใจออกมา วิ่งเข้าไปรับมู่ชิงเกอลงจากม้า

“ลูกพี่ท่านช้าหน่อย ลูกพี่ท่านระวังเท้า…” เจ้าอ้วนแซ่เช่าโค้งตัว ถึงแม้ว่าร่างกายจะอวบอ้วน แต่ก็กระตือรือร้นเป็นอย่างมาก

ช่างเป็นดังที่เขาพูดว่า ตัวเองเป็นเจ้าอ้วนที่กระตือรือร้น!

มู่ชิงเกอไหนเลยจะต้องการการพยุงจากเขา

นางกระโดดเล็กน้อย ก็ลงมาจากร่างของเพลิงรัตติกาล มองเจ้าอ้วนแซ่เช่าแวบหนึ่ง หัวเราะเอ่ยว่า “ไม่เลวเลยเจ้าอ้วน ตอนนี้เข้าสู่ระดับพลังชั้นสีนํ้าเงินแล้ว”

เจ้าอ้วนแซ่เช่ายิ้มๆ อย่างกระดากใจ ส่ายๆ หน้าเอ่ยว่า “เมื่อข้าเทียบกับลูกพี่แล้วก็ห่างไกลนัก”

เขาคุ้นเคยกับเพศของมู่ชิงเกออย่างรวดเร็ว

หรือไม่ก็เป็นเพราะเป็นดังที่เขาพูด ไม่ว่ามู่ชิงเกอจะเป็นชายหรือหญิงก็ล้วนแต่เป็นลูกพี่ของเขา

สถานะไม่เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกก็ไม่เป็นเพราะเพศเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน

เจ้าอ้วนเช่าตามมู่ชิงเกอเข้าไปในจุดพักเท้า เดิมคิดว่าจะกลับไปลั่วตูเลย แต่เมื่อพบเจอเจ้าอ้วนเช่า มู่ชิงเกอก็ไม่คิดจะเร่งรีบกลับไป

ไม่ได้เจอเจ้าอ้วนเช่าตั้งนาน ทั้งสองคนมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมาย

แน่นอน ที่พูดมากที่สุดก็คือเรื่องสถานะของมู่ชิงเกอ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version