Skip to content

พลิกปฐพี 207-1

ตอนที่ 207-1

การสู่ขอของมหาปราชญ์

บนถนนหลวงที่มุ่งไปสู่ลั่วตู ขบวนคนและม้าเคลื่อนขบวนไปด้านหน้าอย่างสงบเรียบร้อย

อาชาเพลิงที่อยู่ด้านล่างของพวกเขา ทำให้สิ่งมีชีวิตรอบด้านล้วนแต่หวาดกลัว หลบหนีไกลออกไป

คณะคนห้าร้อยกว่าคน ทั้งหมดรวมกันแล้วฟังคำสั่งจากแค่หนึ่งเดียว

ท่ามกลางพวกเขานั้น ผู้นำเป็นสตรีชุดสีแดงนางหนึ่ง นางสวมชุดของผู้ชาย เกราะอ่อน เข็มขัด แล้วก็ยังห้อยกระดิ่งสีทองอีกอันหนึ่ง

บนนิ้วมือขวาสวมปลอกนิ้วสีเงิน ปลอกนิ้วแหลมคม เผยให้เห็นถึงความเยียบเย็น

บนหูซ้ายประดับไว้ด้วยต่างหูสีม่วง ส่องแสงงดงามดึงดูดตาภายใต้แสงอาทิตย์

ความงดงามอันลงตัวของนางยากนักที่จะหาคู่เปรียบ เพียงแค่มองแวบเดียว ก็ทำให้คนยากที่จะลืมได้ลง หากมองอีกครั้งก็สามารถทำให้รู้สึกถึงความห่างชั้น

นางดูเหมือนดวงจันทร์เหมือนดวงอาทิตย์ที่เอื้อมไม่ถึง ทำได้แค่เพียงเงยหน้ามอง ไม่กล้าแตะต้อง!

นางนั่งทำทางสบายๆ บนหลังราชาแห่งอาชาเพลิง หนึ่งแดง หนึ่งดำ เคียงคู่กันไป ถนนที่มองไม่เห็นขอบตรงหน้า ทำให้นางดูเหมือนจะรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย

หลับตาลง ขนตายาวกะพริบสั่นไหว

ทันใดนั้น นางก็เบิกตากว้างขึ้น นัยน์ตาสดใสเปล่งประกาย

นางดึงเชือกควบคุมเพลิงรัตติกาลพุ่งเข้าไปในป่าด้านข้าง ทิ้งไว้แต่เพียงคำสั่งที่ไม่อาจขัด “ไปรอข้าที่จุดพักเท้าด้านหน้า!”

ที่นางพูดก็คือจุดพักเท้าจุดสุดท้ายก่อนที่จะเข้าไปสู่ลั่วตู เมื่อไปถึงจุดพักเท้าแล้ว ก็จะห่างจากลั่วตูเพียงแค่ร้อยลี้ อาศัยฝีเท้าของอาชาเพลิงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ถึงลั่วตู

“ขอรับ คุณชาย!” องครักษ์เขี้ยวมังกรรับคำสั่ง ส่วนมู่ชิงเกอก็หายอย่างไร้ร่องรอยไม่ได้ยินไปนานแล้ว

แน่นอนว่านางไม่จำเป็นต้องได้ยิน

เพียงแค่องครักษ์เขี้ยวมังกรทำตามคำสั่งของนางก็ใช้ได้แล้ว

ความเร็วของเพลิงรัตติกาลเร็วมาก ไม่นานก็พามู่ชิงเกอไปจากชายขอบป่า เข้าไปลึกยิ่งขึ้น

ตลอดเส้นทาง บรรดาสัตว์ป่าถูกเพลิงรัตติกาลทำให้หวาดกลัวหนีไปไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่นาน นกจำนวนนับไม่ถ้วนก็บินแตกกระจายออกไปจากต้นไม้

‘ไกลพอหรอยัง?’ มู่ชิงเกอที่กำลังจับเชือกขี่อยู่บนหลังของเพลิงรัตติกาลเอ่ยขึ้นในใจ

‘ไกลอีกหน่อย’ เสียงออดอ้อนออเซาะดังขึ้นมาในหัวของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอขบริมฝีปาก สั่งให้เพลิงรัตติกาลเข้าไปลึกหน่อย

ป่าข้างทางก็เป็นเพียงแค่ป่าธรรมดา ไม่ได้มีสถานที่อันตรายมากมาย เพลิงรัตติกาลพามู่ชิงเกอวิ่งมาจนถึงข้างหน้านํ้าตกแห่งหนึ่ง

มู่ชิงเกอพลิกตัวลงจากม้า สั่งให้เพลิงรัตติกาลออกไปไกลหน่อย

จากนั้น ก็ยืนบนพื้นหญ้าข้างนํ้าตก สะบัดมือ แสงสีขาวสองสายก็ปรากฏออกมา ตกลงบนพื้นกลายเป็นหนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอก

คนผู้นั้น งดงามเย้ายวน ดูสูงส่งเย็นชา ผมดำชุดขาว ดูเด่นลํ้า ที่ชัดเจนที่สุดก็คือคางแหลมของนางและเอวคอดเรียวบางของนาง

แต่ทว่า มู่ชิงเกอกลับจ้องมองไปที่ขาเรียวยาวทั้งคู่ของนาง เอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “หางของเจ้าล่ะ?”

“เจ้าเคยเห็นคนมีหางงั้นหรือ?” ไป๋สี่เอ่ยอย่างออเซาะ พึมพำกับมู่ชิงเกอ

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก

ความรู้สึกเหมือนกับว่าไป๋สี่ที่กลายร่างเป็นคนก็คือไม่คิดจะกลับเข้าไปในช่องว่างแล้ว

ไม่ได้สนใจเรื่องหางของไป๋สี่ต่อไป สายตาของมู่ชิงเกอกวาดมองไปที่หยินเฉินที่อยู่ในอ้อมอกของนาง นางขมวดคิ้ว นางสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันกล้าแกร่ง แผ่ออกมาจากร่างหยินเฉิน แต่ก็เป็นพลังที่ไม่เสถียร

ไป๋สี่นำหยินเฉินวางลงบนพื้นหญ้า ลากมู่ชิงเกอถอยออกมาด้านหลัง ไปยืนข้างพงหญ้ามองหยินเฉิน

ทันใดนั้น บนท้องฟ้าที่สดใสก็เกิดกลุ่มเมฆสายฟ้ารวมตัวกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมฆหนาแน่นมาก ภายในความมืดครึ้มเผยให้เห็นถึงพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์

ครืน ครืน—–!

เมฆเริ่มม้วนตัว เสียงภายในเริ่มดังออกมา

ไม่นานก็มีแสงสีม่วงนํ้าเงินวาววาบ เริ่มไหลไปมาภายในก้อนเมฆ สามารถฟาดตกลงมาได้ตลอดเวลา

มู่ชิงเกอรู้สึกกังวลใจมองไปยังก้อนเมฆสีดำ มันลอยทับตำแหน่งที่หยินเฉินอยู่ ส่วนเวลานี้ สองตาของหยินเฉินปิดสนิท ดูเหมือนกับว่ากำลังนอนหลับอยู่ ไม่มีท่าทางรับรู้ถึงความอันตรายบนหัวของเขาเลยแม้แต่น้อย

“คิดจะจำแลงกายก็ต้องข้ามผ่านเคราะห์อัสนีงั้นหรือ?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

ไป๋สี่ตอบนางว่า “สายเลือดของเขาก็ถูกกระตุ้นออกมาอย่างเต็มที่ ต้องการจำแลงกายแน่นอนว่าต้องลำบากอยู่บ้าง การถูกสายฟ้าชำระล้างครั้งแรกสำหรับเขาแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดี”

“แต่ว่า…” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว “หยินเฉินจะสามารถทนรับมันได้หรือไม่?” นางจำได้ว่าไป๋สี่เคยพูดว่า หากรับไม่ได้ก็ต้องแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

“นี่ก็ต้องดูที่ตัวเขาเองแล้ว” ไป๋สี่เอ่ย

คำตอบของไป๋สี่ทำให้มู่ชิงเกอไร้คำพูดที่จะกล่าว

หยินเฉินต้องรับการชำระล้างจากสายฟ้าก็เหมือนกันกับที่หยวนหยวนต้องดูดกลืนพญาเพลิงอื่นๆ ถึงจะสามารถเติบโตขึ้นได้ เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องผ่าน อีกอย่างคนอื่นก็ยากที่จะช่วยเหลือ

“แต่ว่า…”

ไป๋สี่มีท่าทีลังเลไม่อยากพูด จนดึงดูดความสนใจของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอเอ่ยในทันทีว่า “แต่ว่าอะไร?”

ไป๋สี่มองมาทางนาง จ้องมองนางอย่างยาวนาน ในตอนที่เสียงสายฟ้าดังขึ้นมานั้นถึงเอ่ยว่า “ระหว่างชิงเกอกับเขามีความสัมพันธ์ทางพันธสัญญา ถ้าหากช่วงเวลาที่ เขารับไม่ได้ เจ้าก็สามารถแบ่งรับมันแทนเขาได้บ้าง”

“แบ่งรับอย่างไร?” มู่ชิงเกอดีใจ

แต่เดิมนางก็ฝึกฝนในบ่อสายฟ้า ทั้งยังมีพลังพิเศษสายฟ้าอีก สำหรับพลังสายฟ้าจากสวรรค์แล้วก็ไม่ได้รู้สึกกลัว

ตอนนี้ หากว่าสามารถช่วยเหลือหยินเฉินได้ แน่นอนว่านางก็จะดีใจมาก

ปฏิกิริยาของมู่ชิงเกอทำให้ไป๋สี่เอ่ยขึ้นอย่างอิจฉาว่า “จิ้งจอกตัวนี้มีความสำคัญในใจของชิงเกอมากอย่างนั้นเลยหรือ?”

นางเป็นสัตว์เทพโบราณ อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบ ตอนนี้ตื่นขึ้นมามีเจ้านายคนหนึ่งก็พอแล้ว เพราะว่านางชอบมู่ชิงเกอและก็ยิ่งชอบกลิ่นอายบนตัวของนาง

แต่ว่าเหตุใดต้องมีจิ้งจอกตัวหนึ่งมาแบ่งปันเจ้านายกับนางด้วย?

กลิ่นสาบบนตัวของจิ้งจอก แม้ว่าจะหลีกหนีไปไกลนางก็ยังคงได้กลิ่น!

“พวกเจ้าล้วนแต่เป็นเช่นเดียวกัน ภายในใจของข้า พวกเจ้าแล้วก็ยังมีหยวนหยวน เหมิงเหมิงล้วนเป็นครอบครัวของข้า ทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมรบ” มู่ชิงเกอเอ่ยตอบ

แต่ว่า ประโยคนี้ยิ่งทำให้ไป๋สี่รู้สึกน้อยใจขึ้นมา เอ่ยว่า “ข้ายังไม่เคยต่อสู้ร่วมศึกกับชิงเกอเลย!”

มู่ชิงเกอมุมปากกระตุก “คิดอยากจะต่อสู้ ต่อไปยังมีโอกาสอีกมาก ไม่ต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้รีบบอกข้ามาว่าจะช่วยหยินเฉินได้อย่างไร”

ไป๋สี่กลอกตาขาวเอ่ยว่า “ไม่ต้องลำบากถึงขนาดนั้น ชิงเกอก็แค่อยู่ตรงนี้หากว่าเจ้าจิ้งจอกตัวนั้นใกล้จะไม่ไหวแล้ว เจ้าก็ใช้พลังแห่งพันธสัญญา นำเอาสายฟ้าจากร่างกายของเขามาไว้ที่ร่างกายของตนเองก็ได้แล้ว แต่ว่า เจ้าอย่าได้ฝืนเป็นอันขาด”

“วางใจได้ข้าไม่เป็นไร” มู่ชิงเกอพยักหน้าเอ่ย

ครืน—–!

ทันใดนั้น ก็เกิดฟ้าร้องขึ้นมาเป็นสายๆ จนดูเหมือนฟ้าจะถล่ม

ไป๋สี่กับมู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองบนเมฆดำบนท้องฟ้าพร้อมกัน

นัยน์ตาของไป๋สี่ฉายแววเคร่งขรึม เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “จะเริ่มแล้ว”

ในตอนที่เสียงของนางหลุดออกมานั้น สายฟ้าที่มีขนาดเท่ากับแขนเด็กก็ฟาดลงมาจากเมฆดำ พุ่งตรงมาที่หยินเฉินอย่างรุนแรง

เปรี้ยง—–!

สายฟ้าตกลงมาบนตัวของหยินเฉิน ดวงตาของเขาที่เดิมปิดสนิทก็เบิกตาสีแดงขึ้น ส่งเสียงร้องแหลมออกมา

ท่าทีของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไปในทันที คิดจะไปดู แต่ว่า นางเพิ่งจะขยับ ก็ถูกไป๋สี่คว้าข้อมือเอาไว้ ส่ายหน้าให้นาง

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววลังเล ไป๋สี่กลับเอ่ยกับนางว่า “อย่าเพิ่งตกใจไป จิ้งจอกตัวนั้นสามารถรับไหว”

ในตอนที่เสียงของนางดังขึ้น เสียงของหยินเฉินก็ดังขึ้นมาในหัวของมู่ชิงเกอ “เจ้านาย อย่าเข้ามา”

เสียงของหยินเฉินไม่ได้มีความรู้สึกอ่อนแออยู่ในนํ้าเสียงเลย นี่ทำให้มู่ชิงเกอค่อยๆ วางใจลง

นางเก็บเท้ากลับมองไปทางหยินเฉิน

หยินเฉินหอนขึ้น ร่างกายเปลี่ยนเป็นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ร่างที่เดิมเล็กจ้อยเปลี่ยนเป็นใหญ่โตราวกับขุนเขา หางสีขาวเก้าหางก็ยาวดุจงู สะบัดไปมากลางสายลม นัยน์ตาสีแดงของหยินเฉิน มองไปยังแสงวาววาบบนท้องฟ้า กัดฟัน เตรียมใจรับศึก

ครืน—–!

มีสายฟ้าอีกสายฟาดตกลงมาอีกครั้ง หางเก้าหางด้านหลังของหยินเฉินขึ้นรับพร้อมกัน

สายฟ้าวาววาบนั้น ตกลงมาบนหางทั้งเก้า แบ่งออกเป็นเก้า พลังถูกทำให้อ่อนลง ตามหางทั้งเก้าเข้าไปในร่างกายของหยินเฉิน

แสงวาววาบของสายฟ้าไหลไปมาในร่างกายของหยินเฉิน

เขาส่งเสียงร้องออกมา สะกดข่มการโจมตีในครั้งนี้!

เปรี้ยง! เปรี้ยง—–!

สายฟ้าสองสายตกลงมาพร้อมกัน ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหดแคบลง

ขาหลังของหยินเฉินตั้งท่าเตรียมพร้อม พุ่งขึ้นรับพลังสายนั้น หางทั้งเก้าหุ้มปกป้องร่างกายของเขาอย่างแน่นหนา สายฟ้าสองสายฟาดตกลงบนร่างของหยินเฉิน เขาร้องเจ็บปวดออกมา ก่อนจะร่างตกลงมาจากฟ้า

ในหางทั้งเก้า มีหางหนึ่งหายไป

ปัง!

“หยินเฉิน!” มู่ชิงเกอกัดฟันตะโกนออกมา นัยน์ตาของนางฉายแววกังวลใจ ไม่ละสายตาไปจากหยินเฉินแม้แต่นิดเดียว

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ภายในเมฆสีดำ เต็มไปด้วยพลังสายฟ้าที่รวมตัวกันจนหนาแน่นอีกครั้ง สายฟ้าสามสาย ‘เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง’ ฟาดตกลงมา ไม่มอบเวลาหายใจให้หยินเฉินเลยแม้แต่น้อย

มุมปากของหยินเฉินมีเลือดซึมออกมาแล้ว แต่ก็ยังกัดฟันรับเคราะห์อัสนี

พริบตานั้นหางด้านหลังเขาทั้งห้าหางก็หายไปจากสายตาของมู่ชิงเกอและไป๋สี่ บวกกับก่อนหน้านี้อีกหนึ่งหาง ตอนนี้ด้านหลังของเขามีเพียงแค่สามหางส่ายไปมา

“ยังมีเคราะห์อัสนีอีกกี่สาย!” มู่ชิงเกอถามไปทางไป๋สี่

ไป๋สี่ก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ผ่านมาแล้วเจ็ดสายน่าจะยังมีอีกสองสาย”

“สองสาย!” มู่ชิงเกอขบริมฝีปากแน่น นางไม่แน่ใจว่าหยินเฉินจะรับได้หรือไม่

ในตอนที่นางเตรียมจะใช้พลังทางพันธสัญญาเพื่อช่วยหยินเฉินนั้น หยินเฉินกลับเอ่ยว่า ‘เจ้านาย ไม่ต้องลงมือ ข้ายังสามารถรับได้!’

คำพูดของหยินเฉินทำให้มู่ชิงเกอลังเลเล็กน้อย

ในระหว่างนี้ เคราะห์อัสนีสองสายสุดท้ายก็ตกลงมาจาก เมฆดำพร้อมกัน

หยินเฉินส่งเสียงร้องคำรามออกมา ต้านเคราะห์อัสนีอีก

พอผ่านเคราะห์อัสนีสองสายมาได้แล้ว ด้านหลังของ หยินเฉินก็เหลือหางเพียงแค่หางเดียว ขนบนร่างก็เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ

“ผ่านแล้วใช่ไหม!” มู่ชิงเกอถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่ว่า ไป๋สี่มองเมฆดำบนท้องฟ้า กลับขมวดคิ้วไม่พูดจา เคราะห์อัสนีเก้าสายผ่านไปแล้ว ตามจริงเมฆเคราะห์อัสนีก็ควรจะกระจายหายไปแล้ว แต่ว่า เหตุใดจึงยังรวมตัวไม่หายไปไหนอีก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version