Skip to content

พลิกปฐพี 129-4

ตอนที่ 129-4

ศิษย์น้องจูยังไม่ลงมืออีก?

มู่ชิงเกอเคลื่อนสายตาช้าๆ เห็นว่าคุณหมอผู้งามสง่ายืนอยู่ตรงหน้าของตนเอง ในมือของเขามีมีดผ่าตัดอันแหลมคม

มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มจางๆ รอยยิ้มนั้นราวกับมี ฤทธิ์ยาชาที่ทำให้รู้สึกชาและผ่อนคลาย ในสายตาของเขาดวงตาของมู่ชิงเกอเริ่มพร่ามัว

“จากการรายงานของคุณ บอกว่าหัวใจของคุณได้รับไอเย็น ผมจะทำการเปิดหน้าอกของคุณและตรวจอย่างละเอียด” เสียงของหมอราวกับมีฤทธิ์ยาสลบ

หลังจากที่มู่ชิงเกอที่อยู่บนเตียงฟังจบแล้ว กลับไม่มีการต่อต้านอะไร

มีดผ่าตัดค่อยๆ ลดระดับลงมา หมอดึงซิปเสื้อตัวนอกของมู่ชิงเกอลง เผยให้เห็นเสื้อกล้ามด้านใน

ใต้ผิวสีขาว หัวใจกำลังเต้น…

ในวินาทีที่มีดผ่าตัดกระทบผิวหนัง หยดเลือดสีแดงหยดหนึ่งก็ได้ซึมออกมา

เลือดหยดนี้ ทำให้รอยยิ้มของหมอชัดเจนมากกว่าเดิม และโหดเหี้ยมขึ้นหลายเท่า

ในดวงตาสะกดจิตของจิ้งจอก เป็นประกายแห่งความสุขและความบ้าคลั่งจากการแก้แค้น

ในวินาทีที่เขาเตรียมจะเอามีดกรีดลงบนผิวหนังของมู่ชิงเกอ ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่า ข้อมือของตนเองแน่นขึ้น ราวกับมีใครจับเอาไว้ จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ในสายตาของเขามีความตื่นตระหนกเกิดขึ้น และสบเข้ากับสายตาอันเย็นเยียบอย่างที่สุดของมู่ชิงเกอ

“เจ้า!” นอกจากความตื่นตระหนกแล้ว ความรู้สึกส่วนมากในดวงตาของเขาในตอนนี้คือความไม่อยากจะเชื่อ

มู่ชิงเกอจับข้อแขนของเขาเอาไว้ พลิกตัวขึ้นจากเตียง พลันเผยรอยยิ้มอันเย็นเยียบ “แปลกใจที่ข้าไม่ถูกเจ้าสะกดงั้นหรือ ราชา-จิ้งจอก-หิมะ”

หมอหรี่ตาทั้งคู่ลง ความตื่นตระหนกในใจเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกอันสับสนมากมาย แต่ท้ายที่สุดได้ ถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชังอันเหลือล้น

มู่ชิงเกอกลับพูดอย่างไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยว่า “ภาพลวงตาของเจ้าสมจริงมาก ถึงขั้นขุดความหลังที่อยู่ลึกที่สุดจิตใจของข้าออกมา แต่ว่า ข้ากลับจำไม่ได้ว่าในค่ายของเรามีหมอที่หล่อจนผิดปกติคนนี้ด้วย”

ราชาจิ้งจอกหิมะเม้มริมฝีปากบางแน่น สายตาอันเย็นชามีภาพของมู่ชิงเกอสะท้อนอยู่ ความเกลียดแค้นฉายสาดออกมาอย่างไม่มีการปกปิด

“ข้าเกือบจะเชื่อแล้ว แต่ว่า เจ้าพ่ายแพ้เพราะความมั่นใจของตนเอง” มู่ชิงเกอกำมือของเขาเอาไว้ พลันค่อยๆ โน้มตัวเข้าใกล้ใบหูของเขา และกระซิบข้างหูว่า “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ”

ใช้มีดผ่าตัดในการตรวจหัวใจอย่างนั้นหรือ

มันจะต่างอะไรกับการฆาตกรรม คิดว่านางจะเชื่อจริงหรือ

“หึ เจ้ารู้แล้วอย่างไร เจ้าก็ยังคงไม่สามารถออกจากภาพลวงตาของข้าได้อยู่ดี!” สายตาของราชาจิ้งจอกหิมะสาดฉายความเย็นเยียบออกมา มือสองข้างแปร เปลี่ยนเป็นกรงเล็บอันแหลมคมและพุ่งเข้าหามู่ชิงเกอ

แสงสีนํ้าเงินปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของมู่ชิงเกอพุ่งไปยังหน้าอกของราชาจิ้งจอกหิมะ จนเขากระเด็นลอยออกไป

เขาชนกำแพงอย่างรุนแรง และเอามือจับหน้าอกอย่างไม่อยากจะเชื่อพลันถามว่า “เจ้าเป็นไปได้อย่างไร…”

มู่ชิงเกอมองแสงสีนํ้าเงินที่สาดฉายออกมาจากฝ่ามือของตนเองอย่างรู้สึกขัน และพูดเยาะเย้ยว่า “ภาพลวงตาอย่างไรก็เป็นภาพลวงตา ไม่สามารถเป็นจริงได้ ใน เมื่อข้ากระจ่างแล้วว่ามันเป็นภาพลวงตา จะถูกเจ้าหลอกอีกได้อย่างไรเล่า พลังเวทของข้าไม่เคยหายไป”

ราชาจิ้งจอกหิมะหรี่ตาลง มุมปากมีเลือดซึมออกมาและพูดด้วยนํ้าเสียงที่แฝงความเกลียดแค้นว่า “ข้าดูถูกเจ้ามากเกินไปจริงๆ”

“ชมกันเกินไปแล้ว” รอยยิ้มของมู่ชิงเกอเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงสีนํ้าเงินแล้วช่างดูร้ายกาจเป็นพิเศษ

‘เจ้านาย ขังมันเอาไว้ในช่องว่าง’ อยู่ๆ เสียงของเหมิงเหมิงก็ดังขึ้นในหัวของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกออึ้ง และตอบอย่างแนบนิ่งว่า “ทำไม”

เหมิงเหมิงพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ข้าได้กลิ่นอายสัตว์อสูรเทวะจากตัวมัน เราขังมันไว้ แล้วค่อยๆ ทรมานมัน เหยียบย่ำมัน ทำร้ายมัน ให้มันเชื่อฟังท่านและกลายเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของท่าน!”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก เอาสัตว์ที่มีพลังเวทและงดงามถึงเพียงนี้มาเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณอย่างนั้นหรือ แต่ว่า ความสามารถราชาจิ้งจอกหิมะก็ไม่ธรรมดาจริงๆ มู่ชิงเกอก็หวั่นไหวอยู่บ้าง จึงถามเหมิงเหมิงว่า “จะขังมันได้อย่างไร”

‘เจ้านายจับตัวมันเอาไว้ ที่เหลือเหมิงเหมิงจะเป็นคนจัดการเอง!’ เหมิงเหมิงพูดด้วยความมั่นใจ มู่ชิงเกอตาเป็นประกาย และหายตัวไปอย่างกะทันหัน เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ได้จับกรงเล็บของราชาจิ้งจอกหิมะเอาไว้ท่ามกลางความตื่นตระหนกของมัน

ทันใดนั้น แสงสีเงินก็หายไป ราชาจิ้งจอกหายไปจากฝ่ามือของนาง

มู่ชิงเกอมองมือที่ว่างเปล่า ในขณะเดียวกันก็หายไปจากตำแหน่งเดิมและมาอยู่ในช่องว่าง

“เหมิงเหมิง” ทันทีที่เข้าไปในช่องว่าง มู่ชิงเกอก็เอ่ยเรียกทันที

เหมิงเหมิงปรากฏตัวตรงหน้านาง ยื่นสองแขนอ้วนๆ ของตนเองออกมาอ้อนวอนให้กอด “เจ้านาย หนูอยากได้กอด”

มู่ชิงเกอปัดนางออก และถามว่า “ราชาจิ้งจอกหิมะ”

เหมิงเหมิงเสียใจเป็นอย่างมาก ก้มหน้าลงพร้อมนํ้าตา “เจ้านายใจร้าย มีคนใหม่แล้วลืมคนเก่า”

“เจ้าไม่อยากกินลูกอมแล้วใช่หรือไม่” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขู่

ร่างของเหมิงเหมิงกระตุกทีหนึ่ง และนำทางอยู่ข้างหน้าอย่างเศร้าใจ “ตามข้ามา”

มู่ชิงเกอเดินตามเหมิงเหมิงไปยังห้องที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตรงกลางของห้องนี้ มีเพียงแค่จิ้งจอกหิมะขนาดเท่าคนคนหนึ่งอยู่หนึ่งตัว กำลังนอนขดม้วนราวกับสลบไสลอยู่ หางจิ้งจอกอันใหญ่และยาวสาดฉายแสงสีทองออกมา บริเวณหน้าผากมีตัวอักขระสีทองตัวหนึ่ง

“เหตุใดจึงกลายเป็นจิ้งจอกแล้ว” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เทียบกับจิ้งจอกแล้ว นางยังคงรู้สึกว่า ราชาจิ้งจอกหิมะที่อยู่ในร่างของมนุษย์นั้นดูดีกว่า

เหมิงเหมิงพูดว่า “ร่างแท้จริงของก็มันเป็นเช่นนี้ ตอนนี้มันอยู่ในสายนํ้าเงินขั้นกลาง จะเป็นมนุษยได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในภาพลวงตา พอมันทะลวงสู่สายม่วงจึงจะมีโอกาสกลายเป็นสัตว์อสูรเทวะ ถึงตอนนั้นก็จะกลายร่างเป็นมนุษย์อย่างเต็มตัว”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

เหมิงเหมิงพูดอีกว่า “แน่นอน ถ้ามันยอมเชื่อฟังเจ้านายและกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้านาย ถ้าเช่นนั้นในอนาคตหากเจ้านายพัฒนาความสามารถ มันเองก็จะได้ รับผลดี และช่วยการฝึกพลังเวทให้ไวขึ้น”

มู่ชิงเกอยิ้มแห้ง และพูดอย่างไม่ได้ตั้งความหวังว่า “เจ้าดูท่าทางที่อยากจะควักหัวใจข้าออกมาของมันสิ มันเหมือนเป็นสิ่งที่ข้าจะทำให้เชื่อฟังได้อย่างนั้นหรือ” ใครจะรู้ว่า เหมิงเหมิงกลับวางมาดคนเฒ่าคนแก่กล่าวว่า “ตอนเด็กๆ ทุกคนก็มักจะดื้อดึงทั้งนั้น เจ้านายอดทนเสียหน่อยก็พอแล้ว”

มู่ชิงเกอกวาดสายตามองราชาจิ้งจอกแวบหนึ่งแล้วพูดกับเหมิงเหมิงว่า “ขังเขาเอาไว้ในนี้ ข้าจะออกไปก่อน มีเวลาค่อยมานั่งคุยกับเขาอย่างจริงจังและเปลี่ยน ทัศนคติของเขา”

พูดจบ มู่ชิงเกอก็หันหลังและเดินจากไป

เหมิงเหมิงเดินตามออกมาติดๆ ในตอนนี้ ราชาจิ้งจอกหิมะที่หลับตาสนิทค่อย ๆ เบิกตาขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงกํ่า มองตำแหน่งที่มู่ชิงเกอจากไปอย่างเย็นเยียบ และพูดในใจว่า “เจ้ามนุษย์น่ารังเกียจ อยากจะให้ข้าเชื่อฟังเจ้าหรือ เจ้าเลิกคิดไปซะเถอะ”

ภายในถํ้า เมื่อมู่ชิงเกอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก็เป็นเวลากลางวันแล้ว

ทันทีที่นางตื่นมา เหมยจื่อจ้งก็ประกาศออกเดินทาง

ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

พวกเขาไม่ถาม แน่นอนว่ามู่ชิงเกอก็ไม่อยากจะอธิบาย

แต่ว่า หลังจากที่ออกจากถํ้า อยู่ๆ เหมิงเหมิงก็เตือนมู่ชิงเกอว่า ‘เจ้านาย หนูลืมบอกท่านว่า ในขณะที่ท่านถูกราชาจิ้งจอกหิมะดึงตัวเข้าไปในภาพลวงตา เจ้าเหม ยจื่อจ้งจับชีพจรของท่าน’ ข่าวนี้ ทำให้มู่ชิงเกอตกใจ และมองเหมยจื่อจ้งที่เดินอยู่

ข้างหน้า

ชีพจรของชายและหญิงต่างกัน เรื่องนี้แน่นอนว่านางรู้ดี ‘ดูเหมือนว่าเพศของข้า จะมีคนรู้มากขึ้นอีกคนแล้ว’ มู่ชิงเกอค่อย ๆ ก้มสายตาลง เพื่อเก็บความรู้สึกในสายตา แต่ว่า หากเหมยจื่อจ้งไม่ได้ถามนาง นางก็ไม่ควรจะไปถามอะไร จะได้ไม่มากความ ทั้งห้าเดินอยู่ในผืนป่าหมีเมิ่งอีกหลายวัน หลายวันนี้ นอกจากจะเจอกับสัตว์ที่มีพลังเวทบ้างแล้ว ทุกอย่างก็สงบดีและสุดท้ายแล้ว แก่นสมองของสัตว์ที่มีพลังเวทเหล่านี้ก็ตกไปอยู่ในถุงของมู่ชิงเกอ สมุนไพรที่พบเจอ ล้วนแบ่งเข้ากระเป๋าของทั้งห้า

ระหว่างทาง ทั้งสี่ราวกับจะรู้ความสามารถของมู่ชิงเกอมากขึ้น

มีความสามารถการปรุงยาอย่างพลิกปฐพี อายุยังน้อยก็เป็นถึงนักปรุงยาระดับสูง การฝึกพลังเวทก็สูงส่งถึงเพียงนี้ เฉลียวฉลาดเจ้าแผนการ รูปลักษณ์ภายนอกงด งามปานเทพเซียน ข้อดีทั้งหมดบนโลกใบนี้ล้วนตกอยู่ในตัวของนางเพียงผู้เดียว

จนถึงสุดท้าย จ้าวหนานซิงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมู่ชิงเกอ “ศิษย์น้องมู่ คนที่สมบูรณ์แบบอย่างเจ้า คงใช้ชีวิต อย่างยากลำบากลินะ!”

ในที่สุด ทั้งห้าก็เดินทางมาถึงทะเลสาบเยวี่ย

แต่ทว่า สิ่งที่ทุกคนคาดการณ์ไม่ถึงคือ ระหว่างทางพวกเขาไม่พบกับลูกศิษย์โรงโอสถเลย แต่กลับพบกับพวกของเตียวหยวนที่ทะเลสาบเยวี่ย

ทันทีที่พบกัน ต่างฝ่ายก็ต่างระมัดระวังซึ่งกันและกัน

เหมยจื่อจ้งพูดเบาๆ ข้างกายมู่ชิงเกอว่า “ว่ากันว่า หน่อจันทร์มายาเติบโตอยู่ที่ก้นทะเลสาบ จะต้องดำนํ้าลงไปหา”

มู่ชิงเกอพยักหน้าเล็กน้อย และพูดด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึมว่า “ถ้าเช่นนั้นก็จัดการคนบนบกก่อน” มิเช่นนั้น แม้จะได้หน่อจันทร์มายามาครอบครองก็อาจมีคนแย่ง ไป

ในขณะที่พูด เตียวหยวนก็เห็นทั้งห้าเดินเข้ามา สายตาอันโหดเหี้ยมของเขากวาดมองจูหลิงอย่างไม่ทิ้งร่องรอย สุดท้ายก็ได้หยุดสายตาที่เหมยจื่อจ้ง “ศิษย์พี่เหมย ไม่คิดว่าเราจะมาพบกันที่นี่”

กำลังคนและม้าของทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ข้างทะเลสาบเยวี่ย ทะเลสาบดั่งเสี้ยวพระจันทร์ นิ่งสงบ สะท้อนเงาร่างของทุกคนราวกับเป็นกระจก

เหมยจื่อจ้งเผยรอยยิ้มอันแนบนิ่ง “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ”

รอบๆ ทะเลสาบเยวี่ย ไม่มีต้นไม้ และถูกปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียว ราวกับเป็นแท่นประลองที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเปิดเวทีการแย่งชิงได้

“ในเมื่อเราทั้งสองฝ่ายมาพบกันที่นี่ งั้นหน่อจันทร์มายา ควรจะเป็นของใคร หน่อจันทร์มายาขึ้นเพียงครั้งละหนึ่งต้น เรามาตกลงกันให้ดีก่อนดีกว่า ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ลำบากใจ” ในรอยยิ้มของเตียวหยวนแฝงไอสังหาร

“สมบัติฟ้าดิน ผู้มีวาสนาเท่านั้นจะได้ครอบครอง” เหมยจื่อจังพูดด้วยนํ้าเสียงอันแนบนิ่ง

เตียวหยวนกลับหัวเราะเสียงดังออกมา “ผู้มีวาสนาจะได้ครอบครองอย่างนั้นหรือ เจ้าคนมีวาสนา! ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะสังหารพวกเจ้าก่อน แล้วค่อยไปเด็ดหน่อ จันทร์มายา ข้าก็จะได้กลายเป็นผู้มีวาสนา!”

สายตาของเหมยจื่อจ้งและจ้าวหนานซิงฉายความเย็นเยียบ และมองเตียวหยวนอย่างระวังตัว

เตียวหยวนยิ้มอย่างโหดเหี้ยมทีหนิ่ง อยู่ๆ ก็พูดกับจู หลิงว่า “ศิษย์น้องจูยังไม่ลงมืออีก!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา จูหลิงที่อยู่ข้างกายเหมยจื่อจ้ง และซางจื่อซูก็ขับเคลื่อนพลังเวทและซัดไปทางมู่ชิงเกอทันที

มู่ชิงเกอราวกับมีการเตรียมตัวมาก่อน หันกายหลบการจู่โจม

“จูหลิง!” ซางจื่อซูมองเพื่อนรักของตนเองอย่างเหลือเชื่อ

แต่เตียวหยวน เมื่อเห็นว่าการจู่โจมของจูหลิงพลาด ก็เก็บรอยยิ้มตรงมุมปาก สายตาโหดเหี้ยมขึ้นหลายเท่า “สวะไร้ประโยชน์!”

ฝ่ามือของมู่ชิงเกอวางลงบนไหล่ของจูหลิงและพลิกร่างของนางขึ้น ลอยไปหาเตียวหยวน

เตียวหยวนหลบ ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังตัวเขา กลับรับร่างของจูหลิงเอาไว้ตามสัญชาตญาณ

ทันทีที่จูหลิงร่วงลงพื้น สายตาก็สาดฉายแสงประกายอันเย็นเยียบ ในมือรวบรวมพลังเวทอีกครั้ง แล้วซัดไปที่แผ่นหลังเตียวหยวนอย่างแรง

ฉากนี้ ทำให้เหมยจื่อจ้งและอีกสองคนตื่นตระหนก และทำให้ฝั่งของเตียวหยวนนิ่งอึ้งไป….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version