ตอนที่ 95-2
สิ่งที่ติดค้างข้า ได้เวลาเอาคืนแล้ว!
ไม่นานนัก ประตูตำหนักก็ถูกเปิดออก
ฉินจิ่นห้าวเดินออกมาพร้อมริมฝีปากที่เม้มแน่นอยู่ ใบหน้านั้นไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
แม้มู่ชิงเกอเองก็นับถือจิตใจของเขาเป็นอย่างมากที่สามารถสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้หลังจากที่ลงมือสังหารพ่อของตนเองกับมือ
“ไปเถอะ” ฉินจิ่นห้าวพูดกับมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ เดินจากไปพร้อมกับเขา
พวกเขายังต้องไปห้องทรงพระอักษรส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ เพื่อหาตราประทับหยกที่จะสามารถจัดการเรื่องราวภายในแคว้นนี้ได้ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ จะสามารถทำให้เขาขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างไม่ต้องวิตกกังวลอีก
เจียงกุ้ยเฟยได้กลับตำหนักฟ่งหยีไปแล้ว นางเตรียมพร้อมสำหรับวินาทีที่ตนเองจะได้ขึ้นเป็นไทเฮา ก่อนที่ างจะจากไป มู่ชิงเกอได้สั่งให้องครักษ์เขี้ยวมังกรแอบ สะกดรอยตามนางไป
ภายในวังหลวงแคว้นฉิน เพราะผ่านการชะล้างคราบเลือด ทำให้ทั้งวังหลวงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ไม่มีนางกำนัลเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงกองทหารที่ถือดาบและกำลังเดินตระเวนอยู่รอบๆ
ชนะเป็นกษัตริย์แพ้เป็นโจร
ในตอนนี้ฉินจิ่นห้าวกำลังเสพสุขกับคำพูดนี้ เขาพามู่ชิงเกอเดินเข้าห้องทรงอักษรส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ดงจักรพรรดิผู้เกรียงไกร มองบัลลังก์อันสูงส่ง ในใจพลันตื่นเต้นจนหาที่เปรียบไม่ได้ เพื่อวันนี้ เขารอคอยมานานแสนนาน!
ในตอนนี้ บัลลังก์นั้นใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ ทำให้เขารู้สึกราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
มู่ชิงเกอที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา จ้องมองไปยังแผ่นหลังของเขา ดวงตาอันสดใสพลันเกิดแสงประกายแสงหนึ่ง “รุ่ยอ๋อง ท่านต้องรีบหาตราประทับให้พบโดยเร็ว”
“ใช่แล้ว! หาตราประทับให้พบ” ฉินจิ่นห้าวดั่งตื่นจากความฝันและเริ่มค้นห้องทรงอักษรส่วนพระองค์ ตราประทับเป็นของสำคัญชิ้นหนึ่งของแคว้นฉิน ปกติแล้วฮ่องเต้แคว้นฉินจะเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีด้วยตนเอง
แต่ว่า ก็คงจะหนีไม่พ้นห้องทรงอักษรส่วนพระองค์
ไม่นาน ฉินจิ่นห้าวก็พบกล่องใบหนึ่งที่เก็บเอาไว้อย่างมิดชิดและตราประทับก็อยู่ในกล่องใบนี้เอง
“ฮ่าๆๆๆๆ หาพบแล้ว! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้า ไม่สิ….เราคือฮ่องเต้แห่งแคว้นฉินใครหน้าไหนกล้าไม่ยอมสยบ?” ฉินจิ่นห้าวยกตราประทับขึ้นสูง ในดวงตาปรากฏความบ้าคลั่ง
มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิมและกำลังชมท่าทางลุ่มหลงบ้าคลั่งของเขา นึกในใจว่า ดีใจไหมเล่า ดีใจให้มากกว่านี้ ให้มากกว่านี้อีก เจ้ายิ่งดีใจ ตอนล้มลงก็จะยิ่งเจ็บมากกว่าเดิม
ฉินจิ่นห้าวยกตราประทับเอาไว้ พลันกลั้นลมหายใจ ค่อยๆ เดินเข้าหาบัลลังก์อันเป็นอำนาจสูงสุดที่อยู่ภายในห้องทรงอักษร แล้วค่อยๆ นั่งลง
หลังจากที่เขานั่งลง พลันรู้สึกว่าแผ่นหลังของตนเองยืดตรงมากกว่าเดิมมาก ทุกคนในใต้ฟ้านี้จะต้องคอยรับใช้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขาหลงใหลและลุ่มหลง และมันก็ทำให้เขายอมใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าแลกเพื่อให้ได้มันมา!
“ขุนนางมู่ พวกขุนนางกบฏที่ริอ่านต่อต้านตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” ทันใดนั้น ฉิ่นจิ่นห้าวก็พลันถามมู่ชิงเกอ
ยังไม่ทันได้ขึ้นครองอำนาจ แต่กลับทำประหนึ่งตนเองเป็นฮ่องเต้เสียแล้ว มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างเย็นเยียบในใจ แต่กลับตอบด้วยความเคารพว่า “รุ่ยอ๋อง ท่านปู่ของข้าได้ไปจัดการด้วยตนเองแล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องเกินความคาดหมายขึ้นอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“ขุนนางมู่ควรเปลี่ยนคำเรียกได้แล้ว” ฉินจิ่นห้าวขมวดคิ้ว ไม่พอใจคำเรียกของมู่ชิงเกอ จากนั้นจึงพูดว่า “วางใจเถอะ ครานี้ตระกูลมู่ช่วยเราเอาไว้มากมาย หากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราจะตอบแทนตระกูลมู่ให้สมเกียรติ ขุนนางมู่ต้องการสิ่งใด บอกเราล่วงหน้าได้เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ มู่ชิงเกอพลันกระตุกยิ้มแล้ว ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ขณะที่มองฉินจิ่นห้าวก็พูดว่า “ข้า ต้องการ…ชีวิตของเจ้า”
“เจ้าหมายความอย่างไร!” ฉินจิ่นห้าวหรี่ตาทั้งคู่ จ้องมองมู่ชิงเกออย่างระวังตัว
ท่าทางที่แฝงความตื่นตระหนกของเขา สะท้อนอยู่ในตาของมู่ชิงเกอนางกลับพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ตอนนั้น ที่ข้าต้องไปที่ราบลั่วรื่อ เจ้าเป็นคนแอบสั่งการให้ตระกูลเหอหลอกล่อให้ข้าไปใช่หรือไม่”
ฉินจิ่นห้าวขมวดคิ้วเป็นปมแน่น จ้องมู่ชิงเกอด้วยสายตาเย็นเยียบ หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่จึงได้ กล่าวว่า “เรื่องนั้นตระกูลเหอเป็นคนก่อขึ้นเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเรา หากขุนนางมู่ยังคงโกรธเพราะเรื่องนี้…
ตระกูลเหอก็ได้สิ้นไปแล้ว เราสามารถใช้อย่างอื่นในการชดเชยให้กับเจ้าได้”
มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้าเบาๆ พูดอย่างขบขันว่า “รุ่ยอ๋อง ในเมื่อกล้าทำเหตุใดจึงไม่กล้ารับ ไม่เพียงแค่เรื่องที่ลั่วรื่อ หลังจากนั้นระหว่างที่ข้ากลับเมืองอี้ นักฆ่าระหว่างทาง ก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นคนของเจ้า ไม่เพียงแค่เจ้า ยังมีฮ่องเต้ ฮองเฮา รัชทายาท…รวมทั้งคนของไทเฮา พวกเจ้าเหมือนจะต้องการให้ข้าตายมาก” นางกวาดสายตามอง ด้วยสายตาที่เย็นเยียบมากกว่าเดิม และแฝงความโหดเหี้ยม
ฉินจิ่นห้าวตอบกลับด้วยความเงียบงัน
มู่ชิงเกอพูดต่ออีกว่า “ในตอนนี้พวกคนที่หวังให้ข้าตาย นอกจากเจ้าและไทเฮา ต่างก็ตายหมดแล้ว คาดว่าหลังจากที่รู้ว่าพวกเจ้าได้ตายไปทีละคนๆ ไทเฮาเองก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน หลุมศพคงเป็นที่สุดท้ายที่นางจะมีโอกาสได้ไป”
“เจ้ากล้าฆ่าเราหรือ! มู่ชิงเกอเจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังพูดอะไร หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าที่นี่ที่ไหน รอบๆ ล้วนเป็นคนของเรา เพียงแค่เราเรียกก็จะมีคน จำนวนมากเข้ามาฆ่าเจ้า” ฉินจิ่นห้าวข่มขู่
“ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!” มู่ชิงเกอหัวเราะเยาะ นางมองฉินจิ่นห้าว พลันพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ถ้าเช่นนั้น รุ่ยอ๋องก็ตะโกนเลย ลองดูว่าจะมีใครเข้ามาหรือไม่”
“เจ้า! ทหาร! ทหาร!” ฉินจิ่นห้าวตะโกนเสียงดัง
ห้องทรงอักษรถูกเปิดออกในทันที แต่ทว่า คนที่เดินเข้ามากลับเป็นมู่เหลียนหรงที่อยู่ในชุดเกราะ
นางมองฉินจิ่นห้าวอย่างเย็นเยียบ เดินเข้าไปอยู่ข้างตัวมู่ชิงเกอและพูดกับนางว่า “ชิงเกอ ข้างนอกทำความสะอาดหมดแล้ว”
“มู่เหลียนหรง! เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้” ฉินจิ่นห้าวพูดอย่างตื่นตระหนก คำพูดนั้นของนาง ได้ทำให้ความมั่นใจในตอนแรกของเขาพังทลายลง ในดวงตาแฝงความว้าวุ่น
มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มเบาๆ พลันพูดอย่างสงบนิ่งว่า “หานฮองเฮาและรัชทายาทคิดจะปลงพระชนม์ฮ่องเต้ รุ่ยอ๋องได้นำทหารบุกเข้าไปช่วยฮ่องเต้เอาไว้ได้ทัน ท่ามกลาง ความสับสนวุ่นวาย หานฮองเฮาและรัชทายาทถูกสังหาร หลังจากที่รุ่ยอ๋องช่วยฮ่องเต้ที่เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายเอาได้สำเร็จ เพื่อบัลลังก์กลับสังหารเสด็จพ่อของตนเอง แต่ทว่าเมื่อตระกูลมู่มาถึง ในขณะที่คนของตระกูลมู่และรุ่ยอ๋องต่อสู้กัน ก็สามารถตัดศีรษะรุ่ยอ๋องเพื่อปลอบขวัญฮ่องเต้องค์ก่อนได้สำเร็จ รุ่ยอ๋อง ท่านคิดว่าบทพูดเช่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ในขณะที่มู่ชิงเกอพูด ฉินจิ่นห้าวก็ได้รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่เกิดขึ้นกับตนเอง คำพูดที่เขาคิดเอาไว้เพื่อรับมือกับประชาชนในตอนนี้กลับถูกนางเอาไปเพิ่มบทและใช้มันเพื่อรับมือกับเขา
“ไม่! เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้! หากข้าตาย ตระกูลมู่จะกลายเป็นขุนนางใจคด โจรกบฏของแผ่นดิน” ฉินจิ่นห้าวพูดอย่างตื่นตระหนก
มู่ชิงเกอกลับยิ้มอย่างเบิกบานมากกว่าเดิม “เจ้าคิดผิดแล้ว อย่างที่ใครบางคนเคยพูดเอาไว้บัลลังก์ที่ไร้ความหมายนี้ ตระกูลมู่ไม่อยากได้”
“เจ้า!” สีหน้าของฉินจิ่นห้าวเปลี่ยนไปในทันที ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาเต็มไปด้วยความมืดมน โหดเหี้ยมราวกับปีศาจ
“ฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่ได้เหลือโอรสเพียงคนเดียว สิ่งที่เจ้าปรารถนามาทั้งชีวิต ข้า ตระกูลมู่สามารถครอบครองได้อย่างง่ายดายและอยากจะยกให้ใครก็ได้”
เอาแต่ใจมากถึงเพียงนี้ แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้เล่า?
คำพูดของมู่ชิงเกอ ทำให้ฉินจิ่นห้าวโกรธจนแทบจะ
กระอกเลือด
“ ทำไม? ทำไม? ทำไม?” ฉินจิ่นห้าวกัดฟันถาม