ตอนที่ 95-1
สิ่งที่ติดค้างข้า ได้เวลาเอาคืนแล้ว!
ฉินชางตื่นขึ้นมาจากการไม่รู้สึกตัวมาอย่างยาวนาน สภาพแวดล้อมที่สะท้อนอยู่ในแววตาทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคย ที่แห่งนี้ไม่ใช่ตำหนักบรรทมที่เขาเคยคุ้น
และคนที่นั่งอยู่บนเตียง ก็ทำให้เขารู้สึกฉงนใจเป็นอย่างมาก
“เจ้า?” ทันทีที่ส่งเสียงก็รับรู้ว่าเสียงของตนเองแหบพร่าเป็นอย่างมาก รวมทั้งร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรง เพียงแค่แรงที่จะยกมือขึ้นยังไม่มี
แสงเทียน สาดแสงส่องสว่างลงบนร่างของมู่ชิงเกอ ทำให้ใบหน้าอันน่าเย้ายวนของนางคมชัดมากขึ้น
มุมปากของนางเผยรอยยิ้มอันคลุมเครือ พลัน พูดอย่างเกียจคร้านว่า “ยินดีด้วยในที่สุดพระองค์ก็ทรงพื้นแล้ว”
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้า…ข้าเป็นอะไร ข้าอยู่ที่ไหน” หลังจากที่ฉินชางใช้แรงทั้งหมดที่มีในการพูดคำๆ นี้ ก็ได้หายใจหอบไปหลายที
สำหรับความอ่อนแอเช่นนี้ของตนเอง เขาไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก
มู่ชิงเกอยิ้มกว้างกว่าเดิม
นางอุตส่าห์ขอเวลาจากฉินจิ่นห้าวเพื่ออยู่กับฉินชางโดยลำพัง ก็เพื่อที่จะถามคำถามบางคำถาม
เพราะฉะนั้น นางจึงตอบข้อข้องใจของฉินชางอย่างง่ายๆ ว่า “อืม พูดง่ายๆ ก็คือฮ่องเต้ทรงประชวร และหมดสติลงอย่างกะทันหัน ฮองเฮาและรัชทายาทคิดฉวยโอกาสนี้ในการปองร้ายพระองค์โชคดีที่รุ่ยอ๋องพาข้าเข้าไปช่วยแล้วสังหารฮองเฮาและรัชทายาท จึงสามารถช่วยพระองค์ออกมาได้” นางไม่มีทางบอกว่าตนเองเป็นคนวางยาและก็เป็นคนแก้พิษยา
“อะไรนะ!” ฉินชางเบิกตาทั้งคู่โต “ข้าป่วย ฮองเฮากับรัชทายาทคิดจะปองร้ายข้า แล้วพวกเจ้าก็ฆ่าพวกเขาไปแล้วอย่างนั้นหรือ” ฉินชางเพียงรู้สึกแค่ว่าตนเองหลับใหลไป เหตุใดเมื่อตื่นมา ทุกอย่างจึงได้กลับกลายเป็นเช่นนี้
แต่ทว่า มู่ชิงเกอกลับไม่คิดที่จะรอให้ฉินชางยอมรับว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง นางขยับตัวไปข้างหน้า จ้องใบหน้าอันเหี่ยวย่นของฉินชางพลันถามว่า “ฮ่องเต้ กระหม่อมมีหลายคำถามที่คาใจอยู่ ไม่รู้ว่าพระองค์จะช่วยไขข้อข้องใจให้กับกระหม่อมได้หรือไม่”
ฉินชางได้สติจากความตื่นตระหนก ดวงตาคู่ที่แม้จะอ่อนแอแต่ก็ยังคงโหดเหี้ยมจ้องนางเขม็ง
มู่ชิงเกอไม่ใส่ใจในความโหดเหี้ยมของเขา สำหรับนางแล้ว ฉินชางในตอนนี้ เป็นเพียงเสือไร้เขี้ยวตัวหนึ่ง นางถามต่อว่า “การตายของท่านย่าและท่านอาของกระหม่อม มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระองค์หรือไม่ แล้วเหตุใดท่านพ่อของกระหม่อมจึงตายในเงื้อมมือโจรภูเขาแค่หยิบมือเดียว อีกทั้งยังไม่พบแม้กระทั่งร่าง รวมทั้งท่านแม่ที่ออกจากจวนไปตามหาท่านพ่อ จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมา เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ พระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด”
ทั้งสามคำถามนี้ เป็นคำถามคาใจตระกูลมู่มาโดยตลอด
สำหรับคำตอบ พวกเขาก็พอจะเดาออกแล้ว เพียงแค่ไม่ยอมปักใจเชื่อ
ในตอนนี้ มู่ชิงเกอเพียงต้องการยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้หรือไม่
“เหตุใด ข้าจึงต้องตอบคำถามของเจ้าด้วย” ฉินชางมองนางด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม
มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มที่แฝงไอสังหารตรงมุมปาก นางลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน มองเขาอย่างผู้ที่เหนือกว่า และกล่าวว่า “หากพระองค์ยังทรงต้องการที่จะให้แคว้นฉินคงอยู่ต่อไป ก็จงตอบคำถามของกระหม่อมมาดีๆ เถิด”
ฉินชางหรี่ตา “เจ้ากำลังขู่ข้ารึ มู่ซงรู้หรือไม่ว่าเจ้ากระทำเช่นนี้”
“การที่กระหม่อมสามารถมาอยู่ที่นี่ได้พระองค์ก็น่าจะทรงทราบแล้วว่า กระหม่อมมิได้โกหก ฮ่องเต้ ความอดทนของกระหม่อมนั้นมีจำกัดนัก” สายตาของมู่ชิงเกอแฝงความเย็นเยียบ
สายตาของฉินชางปรากฏความต่อต้าน
ในตอนนี้ ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรง เขากระจ่างเป็นอย่างดีว่า หากมู่ชิงเกอคิดจะฆ่าเขา ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
หากการตอบคำถามเพียงไม่กี่คำถามนี้ จะสามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้หลังจากที่เขาพื้นตัวและกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้วค่อยกลับมาล้มล้างตระกูลมู่ก็ยังไม่สาย!
เมื่อไตร่ตรองทบทวนสักพัก ในที่สุดฉินชางก็ยอมปริปาก “ได้ หากเจ้าอยากรู้ข้าก็จะบอกเจ้า การตายของทั้งท่านย่า ท่านอาและท่านพ่อของเจ้า มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าจริงๆ แต่ว่าเรื่องของท่านแม่ของเจ้า ข้าไม่รู้ไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย”
ไม่เกี่ยวข้องอย่างนั้นหรือ?
ในใจมู่ชิงเกอมีความผิดหวังซ่อนอยู่ราวกับว่า ท่านแม่ที่มีที่มาอันลึกลับผู้นี้ของนางก็มีการจากไปที่ลึกลับเช่นกัน
เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ มู่ชิงเกอก็เตรียมพร้อมจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน” อยู่ๆ ฉินชางก็เรียกตัวนางเอาไว้
มู่ชิงเกอหยุดฝีเท้า ได้ยินเสียงของฉินชางดังขึ้นมาจากข้างหลัง “เจ้าไม่โกรธข้า ไม่อยากฆ่าข้าเพื่อล้างแค้นให้กับท่านย่า ท่านพ่อและท่านอาของเจ้าหรือ”
มู่ชิงเกอไม่ได้หันกลับไปมองเขา เพียงแต่กระตุกรอยยิ้มที่ฉายแววเย้ยหยันตรงมุมปาก พลันพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่จำเป็น เพราะจะมีคนลงมือแทนข้า”
เก็บงำไอสังหารแล้วหลังจากนั้นมู่ชิงเกอก็เดินออกจากตำหนักโดยไม่หันหลังกลับไปมอง
การจากไปของนาง ทำให้ฉินชางรู้สึกโล่งใจ
ทันใดนั้น ก็มีคนเดินเข้ามาอีกคน พอเขาเอียงหน้ามองแล้วเห็นว่าเป็นร่างอันสูงโปร่งของฉินจิ่นห้าว
“ห้าวเอ๋อร์เจ้ามาก็ดีแล้ว” เมื่อเห็นลูกชายสุดที่รักปรากฏตัว ในที่สุดความดีใจก็เกิดขึ้นในจิตใจของฉินชางบ้างแล้ว เขาไม่สนใจเลยว่าโอรสอีกคนของตนเองได้ตายด้วยนํ้ามือของคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาคนนี้
“เสด็จพ่อ” ฉินจิ่นห้าวเดินเข้ามาใกล้พยุงร่างของฉินชางขึ้นมา
เมื่อพยุงร่างของเขามาพิงตนเองเอาไว้ฉินจิ่นห้าวก็พูดว่า “เสด็จพ่อ ลูกมาช้าเกินไป ทำให้ท่านต้องทนทรมาน แต่ว่าตอนนี้ลูกได้แก้แค้นให้กับท่านแล้ว”
“ดีๆๆ! ฆ่าได้ดี! ไอ้ลูกเนรคุณนั่นคิดจะฆ่าข้า รวมทั้งนังผู้หญิงใจคดนั่นอีก ล้วนเป็นพวกเลวทราม ข้าจะออกคำสั่งให้กวาดล้างตระกูลหานและทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหานให้สิ้นซากไม่ให้เหลือใครเลยสักคน” ฉินชางพูดด้วยนํ้าเสียงอันเหี้ยมโหด
“พะย่ะค่ะ” ฉินจินห้าวพยักหน้าเห็นด้วย
ฉินชางนั่งตัวตรงเพราะการพยุงของฉินจิ่นห้าว เขาพูดกับฉินจิ่นห้าวว่า “ไอ้ลูกเนรคุณนั่นตายไปแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทก็ตกเป็นของเจ้า หากข้าสิ้นลมไปแล้ว ข้าจะยกใต้หล้านี้ให้แก่เจ้า”
แต่ทว่า หลังจากที่เขาพูดจบ ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่ได้ รับคำตอบจากฉินจิ่นห้าว
ฉินชางมองเขาอย่างไม่เข้าใจ พลันถามว่า “ห้าวเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไปรึ”
ฉินจิ่นห้าวค่อยๆ เงยหน้าขึ้น จ้องเสด็จพ่อของตนเองด้วยดวงตาเย็นชาไร้ปรานี “เสด็จพ่อ มันนานเกินไป ลูกทนรอไม่ไหว ถ้าเช่นนั้น ทรงยกให้ลูกตอนนี้เลยดีกว่าหรือไม่”
“เจ้าหมายความว่ายังไง!” ฉินชางหรี่ตาในทันที ใบหน้าอันเหี่ยวย่นฉายแววความตื่นตระหนก
ทันใดนั้น เขาก็พลันรู้สึกเจ็บตรงหน้าอก
ก้มหน้าลงมอง กริชเล่มหนึ่งปักลงบนหน้าอกของเขา โดยที่อีกด้านหนึ่งของกริชถูกกำแน่นด้วยมือของฉินจิ่นห้าว
“เจ้า ” ฉินชางมองฉินจิ่นห้าวอย่างเหลือเชื่อ ราวกับกำลังถามเขาไม่หยุดว่า “เพราะอะไร”
นอกตำหนัก มู่ชิงเกอยืนอยู่บนบันได มองรอยต่อระหว่างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่กำลังจะผลัดเปลี่ยน เพื่อขึ้นสู่ท้องฟ้า ในใจสงบเป็นอย่างยิ่ง ในตอนที่ฉินชางฆ่าคนของตระกูลมู่ เขาเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า วันหนึ่งตนเองจะตายด้วยนํ้ามือของโอรสที่ตนเองรักมากที่สุด
ความแค้นของตระกูลมู่ นางได้ชำระมันแล้ว!
แต่ว่า สิ่งที่แคว้นฉินติดค้างตระกูลมู่ ยังไม่ถือว่าชดใช้ใด้หมด
ฮองเฮา รัชทายาท ฮ่องเต้แคว้นฉิน ต่างก็ถูกสังหารจนหมดสิ้นแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาของ… ความเย็นเยียบเกิดขึ้นในดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอแล้ว นางก็หันหลังกลับไปเคาะประตูตำหนัก