Skip to content

พลิกปฐพี 141-1

ตอนที่ 141-1

สังหารกษัตริย์ แล้วอย่างไร

“กระหม่อมควรจะตอบแทนพระองค์อย่างไรดี ฝ่าบาท”

นํ้าเสียงของมู่ชิงเกอเย็นเยียบจนหาที่เปรียบไม่ได้ แล้วก็ลอยลงจากฟ้า

ฉินจิ่นหยางสัมผัสได้ว่าตนเองราวกับอยู่ท่ามกลางธารนํ้าแข็ง โลหิตทั่วทั้งร่างกายแข็งตัว

“อย่า…อย่าฆ่าเรา…ไม่…” ฉินจิ่นหยางในตอนนี้ ร้องไห้ราวกับเด็กน้อยที่ไม่มีคนช่วย ทำได้เพียงอ้อนวอนอย่างสุดชีวิต

เขาคลานอยู่ข้างเท้ามู่ชิงเกอ ยื่นมือทั้งคู่ออกไปจับรองเท้าของนางเอาไว้แน่นและรํ่าไห้ด้วยความเจ็บปวด

“เราขอร้อง อย่าฆ่าเรา เจ้าต้องการสิ่งใด เราจะให้เจ้าทั้งหมด!” ฉินจิ่นหยางเงยหน้าขึ้น น้ำตาอาบสองแก้ม เขากลัวแล้วจริงๆ เขาเห็นยอดฝีมือสายม่วงสามคนนั้น ตายด้วยน้ำมือของมู่ชิงเกอ เห็นความเลือดเย็นของมู่ชิงเกอและเห็นความบ้าบิ่นของเขาด้วยตาของตนเอง

“เจ้าจะเอาอะไรมาแลก” มู่ชิงเกอก้มสายตาลง สายตาอันเย็นเยียบหยุดอยู่บนร่างกายของเขา นํ้าเสียงเต็มไปด้วยการเสียดสี

ฉินจิ่นหยางสะดุ้ง มองนางโดยที่พูดอะไรไม่ออก

ดวงตาที่ถูกความบ้าคลั่งและความริษยาครอบงำ ในตอนนี้เหลือเพียงความอ้อนวอนและความหวาดกลัว

มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ “คำพูดหนึ่งของเจ้าที่ถูกต้องอย่างเป็นที่สุด บัลลังก์ของเจ้า เป็นเพราะข้าเสียสละให้เจ้า แม้กระทั่งบัลลังก์นี้ ยังต้องให้ข้าเสียสละให้ เจ้ายังจะเอาสิ่งใดมาแลกกับข้าอีก”

ฉินจิ่นหยางปากสั่น สีโลหิตบนใบหน้าหายไปทันที

คำพูดของมู่ชิงเกอ ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

เขาเป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้น แต่กลับไม่มีอะไรเลย!

บนกำแพงวังหลวง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

มู่ชิงเกอไม่ได้หันไปมอง แต่ฉินจิ่นหยางกลับหันไป เขาเห็นมู่ซงในชุดนักโทษ คนของตระกูลเช่าและเห็นเสด็จพี่ที่ทำให้เขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้—–ฉินจิ่นเฉิน

ในขณะที่เขาเห็นฉินจิ่นเฉิน เปลวเพลิงแห่งความหวังได้เกิดขึ้นในสายตาของเขาอีกครั้ง และพุ่งเข้าไปหาโดยไม่สนใจสิ่งใด พลันพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เสด็จพี่ ช่วยข้าด้วย—! ช่วยข้า—! เสด็จพี่!”

มู่ชิงเกอมองเขาด้วยท่าทางอันแนบนิ่งไม่ได้ห้าม เขาจึงทั้งคลาน ทั้งกลิ้งเข้าไปหาฉินจิ่นเฉินและกอดขาของฉินจิ่นเฉินเอาไว้

ฉินจิ่นเฉินเซเพราะการเข้ามาชนของเขา ทำให้องครักษ์ข้างหลังตัวเขาตื่นตระหนก พลันรีบชักดาบขึ้นมาเล็งที่ฉินจิ่นหยาง

แต่ทว่า ฉินจิ่นหยางกลับทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร เพียงกอดขาของฉินจิ่นเฉินเอาไว้แน่น ร้องไห้เสียงดังออกมา “เสด็จพี่ หยางเอ๋อร์ยังเด็ก หยางเอ๋อร์เพิ่งจะเข้าพิธีสวมหมวก! หยางเอ๋อร์ยังไม่รู้ความ จึงหลงทำผิดไป เสด็จพี่โปรดประทานอภัย ข้าไม่เป็นฮ่องเต้แล้ว ให้ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาได้หรือไม่ เสด็จพี่ ข้าขอร้องท่านโปรดช่วยข้าด้วย”

ในขณะนี้เอง ผู้ที่สนิทสนมกับมู่ชิงเกอล้วนขึ้นมาอยู่บนกำแพง

ข้างล่างกำแพงวังหลวง มีเพียงองครักษ์เขี้ยวมังกรคอย ดูแลความเรียบร้อย

ทั้งสามแห่งตระกูลเล่อ ตายสองบาดเจ็บหนึ่ง คนที่บาดเจ็บนั้นก็เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย และมีจูหลิงที่คอยให้ยาระดับตํ่าเพื่อรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ตามคำสั่งของมู่ชิงเกอ

เหตุใดจึงใช้เพียงแค่ยาระดับตํ่า

ต้องขอโทษด้วย มู่ชิงเกอไม่ได้ใจกว้างถึงขนาดที่ใช้ยาดี ๆ กับศัตรู ค่อย ๆ ให้ยาระดับตํ่าไปทีละเม็ด รับรองว่าเขาจะยังไม่ตายง่ายๆ หรอก

หานฉายไฉ่พิงและกอดอกอยู่บนเสา ดวงตาอันเรียวยาว หรี่ลงดูสถานการณ์ทั้งหมด แต่ทว่า สายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่กู่หยาที่ยืนอยู่ข้างหลังมู่ซงเงียบๆ และทำราวกับไม่มีตัวตนเป็นครั้งคราว

ราวกับกำลังคาดเดาฐานะของเขา

ทั้งวังหลวง เหลือเพียงเสียงร่ำไห้อ้อนวอนฉินจิ่นเฉินจากฉินจิ่นหยาง

เจ้าอ้วนเช่าเข้ามาอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอ พูดด้วยใบหน้าที่ดูเกลียดชัง “ลูกพี่ เจ้านี่ใช้ไม่ได้เลย เป็นเจ้าเนรคุณ เลี้ยงไม่เชื่องที่ไม่รู้บุญคุณคนโดยแท้ ท่านอย่าใจอ่อน เชียว!”

มู่ชิงเกอมองเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร ใช้พลังมองทะลุไปที่แผลจากแส้บนแผ่นหลังของเจ้าอ้วน พบว่านอกจากคราบโลหิตที่ยังหลงเหลืออยู่ แผลได้แห้งและเริ่มประสานกันแล้ว

นี่เป็นประโยชน์จากการกลืนกินยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ ทำให้ร่างกายสามารถรักษาบาดแผลได้รวดเร็วมากขึ้น

“ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้” ฉินจิ่นเฉินพูดด้วยนํ้าเสียงอันแนบนิ่ง จากคำพูดของเขา ไม่สามารถคาดเดาความ รู้สึกอันใดได้เลย

ฉินจิ่นหยางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อและตะโกนเสียงดังว่า “เสด็จพี่ ข้าเป็นน้องชายเพียงคนเดียวของท่านนะ! ท่านทนเห็นข้าตายไปเช่นนี้ ท่านทน เห็นสายโลหิตของราชวงศ์สูญสิ้นไปได้หรือ”

ฉินจิ่นเฉินค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงเกอ

ดวงตาที่ตาขาวและตาดำแยกออกจากกันอย่างชัดเจน แนบนิ่ง ราวกับตอนที่พบกันครั้งแรก จึงทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย

คนที่ขมวดคิ้วไม่ได้มีเพียงแค่มู่ชิงเกอ ยังมีหานฉายไฉ่อีกคน เขาไม่ชอบสายตาที่เจ้าอ๋องขี้โรคผู้นี้มองมู่ชิงเกอเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ชอบความเข้าใจและความเชื่อใจอันคลุมเครือระหว่างพวกเขาทั้งสอง

‘หรือว่า เจ้าอ๋องขี้โรคคนนี้คิดจะขอร้องอ้อนวอนมู่ชิงเกอ แทนมู่ชิงเกอ’ หานฉายไฉ่จ้องสายตาของฉินจิ่นเฉินและคิดในใจ

หลังจากที่คาดเดาเป้าหมายของเขาได้แล้ว หานฉายไฉ่กลับเผยรอยยิ้ม

จากที่เขารู้จักมู่ชิงเกอ หากผู้แทนพระองค์แห่งแคว้นฉินขอร้องเขาจริงๆ มิตรภาพระหว่างเขาและมู่ชิงเกอก็คงจบลงเพียงเท่านี้

ยิ้มพร้อมความคิดที่ร้ายกาจ หานฉายไฉ่ตัดสินใจรอดู ทุกอย่างต่อไป

“สำหรับเขา ให้เจ้าเป็นคนจัดการ”

อะไรนะ!

ดวงตาอันเรียวยาวของหานฉายไฉ่เบิกโต มองฉินจิ่นเฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ ‘เหตุใดจึงไม่เหมือนที่คิดเอาไว้’

หลังจากที่ฉินจิ่นเฉินพูดจบด้วยนํ้าเสียงอันแนบนิ่ง ฉินจิ่นหยางก็คลายมือที่กอดขาเอาไว้แน่นด้วยความตื่นตระหนก

เสด็จพี่ของเขาทอดทิ้งเขาแล้ว…

หลังจากที่พูดจบ ฉินจิ่นเฉินก็หันหลังและเตรียมจะเดินจากไป

ฮวาเยวี่ยมองเจ้านายของตนเองแวบหนึ่ง เห็นเพียงใบหน้าอันเย็นเยียบของมู่ชิงเกอ และเงียบไม่ยอมเอ่ยคำใด จึงรีบถาม “ท่านผู้แทนพระองค์จะไปที่ใด”

ฉินจิ่นเฉินหยุด แล้วหันหน้าไปเล็กน้อย พลันพูดด้วยนํ้าเสียงที่เย็นชาและแนบนิ่ง “ในวังยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องไปจัดการ”

“เสด็จพี่! ท่านเลือดเย็นเพียงนี้ได้อย่างไร” ฉินจิ่นหยางตะโกนสุดเสียง

ราวกับว่า นี่เป็นการดิ้นรนให้พ้นความตายของเขาอย่างที่สุดแล้ว

แต่ทว่า ฉินจิ่นเฉินกลับไม่ซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อย คำพูดของฉินจิ่นหยาง ทำให้เขาเพียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง พร้อมพูดเสียงต่ำว่า “หยางเอ๋อร์ เจ้าโตแล้ว ทำ ผิดก็ต้องรับผิดชอบ”

สายตาของฉินจิ่นหยางฉายความกระวนกระวาย เดินเข่าเข้ามาหลายก้าว แล้วตะโกนว่า “หยางเอ๋อร์รู้แล้ว หยางเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว ข้ายอมรับโทษ ยอมรับผิดชอบ แต่หยางเอ๋อร์ไม่อยากตาย!”

ฉินจิ่นเฉินเม้มปากแน่นหันสายตาและเดินจากกำแพงไป

เขาราวกับเมฆที่เคลื่อนคล้อย การจากไปของเขา นำพาความหวังสุดท้ายของฉินจิ่นหยางให้จากไปด้วย

“หึ ตอนเจ้าฆ่าคน เหตุใดจึงไม่คิดว่าตนเองจะมีวันนี้” เจ้าอ้วนเช่ายิ้มอย่างเย็นเยียบด้วยท่าทางหัวเสีย

ฉินจิ่นหยางนั่งอยู่บนพื้นราวกับไม่มีจิตวิญญาณ เสื้อผ้าอันหรูหราบนร่างกาย ได้แปดเปื้อนไม่เหลือชิ้นดี มงกุฎบนหัวบิดเบี้ยว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้าอ้วนเช่าเขาจึงตะโกนขึ้นว่า “ไม่! พวกเขาบังคับข้า! คนพวกนั้น บังคับข้า! พวกเขาร้ายกาจนัก ข้าเลยจำต้องเชื่อฟัง” เขาชี้ไปที่ศีรษะของชายที่ท่าทางนิ่งเรียบและ ตะโกนอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

“ถุย!” เจ้าอ้วนเช่าถ่มน้ำลายลงพื้น ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “ข้าสมเพชเจ้ายิ่งนัก!”

ฉินจิ่นหยางตัวสั่น ก้มสายตาลงเล็กน้อย มือทั้งคู่เกาะพื้นเอาไว้แน่น อดทนต่อความทุกข์ในใจ เขาสมเพชตัวเองที่สามารถทำเช่นนี้ได้เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ การ เหยียดหยามในวันนี้ หากรอดไปได้ เขาจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเป็นพันเท่า!

“ฉินจิ่นหยาง” อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็เรียกอย่างแนบนิ่ง

ฉินจิ่นหยางเงยหน้าขึ้นมาทันที แล้วคลานเข้ามาอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอราวกับสุนัขจนตรอก และมองนางด้วยใบหน้าที่แฝงการประจบ “หยางเออร์มาแล้ว”

มู่ชิงเกอก้มสายตาลงมองเขา สายตาอันสว่างแนบนิ่งไร้ซึ่งความรู้สึก ฉินจิ่นหยางในตอนนี้ทั้งนอบน้อมและเชื่อฟังเหมือนที่พบกันที่จวนตระกูลมู่ครั้งแรก

เสียดาย ที่ทุกอย่างเป็นเพียงการแสแสร้งแกล้งทำของเขาเท่านั้น

“การแสดงของฝ่าบาทแย่มาก” มู่ชิงเกอพูด

ฉินจิ่นหยางอึ้ง ใบหน้าที่แฝงการประจบนิ่งไป

“หยางเอ๋อร์ไม่เข้าใจ”

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย็นเยียบ พร้อมพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ฟังเข้าใจหรือไม่ ก็แล้วแต่” นางมองใต้กำแพง บนแท่นประหารอันสูง ดวงตาอันสว่างไสวเต็มไปด้วยไอ สังหาร “ในเมื่อสร้างเสร็จแล้ว หากไม่ได้ใช้ก็คงเสียดาย”

ฉินจิ่นหยางยังไม่ทันได้เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของนาง ก็ได้ยินนางพูดขึ้นว่า “เอาตัวเขาไปที่แท่นประหาร”

ทันทีที่สิ้นเสียงก็มีกองทหารขึ้นมาทันที และลากตัวฉินจิ่นหยางที่ตกตะลึงออกไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version