Skip to content

พลิกปฐพี 147-3

ตอนที่ 147-3

สร้างความรํ่ารวยโดยไร้เสียง!

เวลานั้นเอง ป้ายหินสีดำของโรงโอสถกลางก็พลันปรากฏจุดแสงสว่างขึ้นจุดหนึ่ง ดึงดูดความสนใจของเหล่าศิษย์เอาไว้

“เอ๋ เป็นใครที่เข้าไปในหอสติปัญญากัน?”

“ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงทดสอบศิษย์ใหม่ ทำไมถึงมีคนเข้าไปในนั้น?”

“ได้ยินมาว่าวันนี้มีศิษย์ของสาขาย่อยมา ไม่ใช่ว่าจะเป็นพวกเขา?” มีบางคนเสนอแนวคิดขึ้นมาโดยไม่รู้ว่ามันตรงกับความเป็นจริงยิ่งนัก

“คงไม่ใช่กระมัง พวกเขาเพิ่งจะมาถึง ทำไมถึงถ่อมาที่หอสติปัญญาได้? หรือว่าเป็นเพราะสาขาย่อยไม่มีหอสติปัญญา?” มีบางคนกล่าวหยามหยันขึ้นมา ทำเอาคนทั้งกลุ่มหัวเราะเฮฮา

ราวกับว่าโรงโอสถสาขาย่อยที่ตั้งอยู่ที่แคว้นระดับสาม พออยู่ภายในสายตาของพวกเขาศิษย์สำนักเดียวกันพวกนี้แล้ว ก็เป็นเพียงแค่พวกบ้านนอกที่ไม่เคยได้เห็น โลกกว้างกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น

“บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่เคยเห็น ถึงได้อดรนทนไม่ไหวที่จะเดินเข้าไป?” มีคนกล่าวถากถางขึ้น

“กล่าวเช่นนี้ก็ถือว่ามีเหตุผล ศิษย์สาขาหลักอย่างพวกเรา มีเพียงตอนทดสอบเข้าสำนักเท่านั้นถึงจะเข้าไปในหอสติปัญญา ในเวลาปกติใครจะเข้าไปกัน? ดูท่าคนผู้นั้นที่อยู่ด้านในก็ต้องเป็นพวกบ้านนอกจากสาขาย่อยแล้ว”

“ตอนนี้ก็อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ พวกเราไม่สู้มาลองพนันกันดู ศิษย์ของสาขาย่อยผู้นี้ สุดท้ายแล้วจะเดินไปถึงขั้นไหนกันแน่?”

“มามามา พวกเรามาลงเดิมพันกัน! เดี๋ยวข้าเป็นเจ้ามือเอง พวกเจ้ามาลงเดิมพัน!” มีศิษย์คนหนึ่งที่ในเวลาปกติ ชอบเล่นการพนัน เร่งรีบนั่งขัดสมาธิลง ก่อนจะดึงเอาผ้าแพรผืนหนึ่งออกมาปูบนพื้น เปิดการเดิมพันขึ้น

“ข้าเอาด้วย!”

“ข้าด้วย!”

“ข้าก็เอาด้วย!”

พอมีการร้องประกาศจากเขา พวกผู้ดีทั้งหลายก็พากันเข้าร่วมอย่างรวดเร็ว

ป้ายหินสีดำที่มีไว้ใช้สำหรับตรวจสอบระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของเหล่าศิษย์ตอนนี้กลับกลายเป็นเกณฑ์การลงเดิมพันของพวกเขา

ยิ่งขึ้นไปสูง อัตราเดิมพันก็ยิ่งสูง

เพียงไม่ทันไร เหล่าศิษย์ของโรงโอสถกลางก็มารุมล้อมป้ายหินสีดำจำนวนมากขึ้น คนที่เข้าร่วมการเดิมพันก็มีมากจนนับไม่หมด ส่วนจุดแสงบนป้ายหินสีดำก็กำลังขยับขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

“อัตราการเดิมพันที่สูงที่สุดกลับพุ่งไปถึง 1 ต่อ 50 แล้วรึ?” มีคนเบียดเข้ามาได้แต่พอเห็นอัตราการเดิมพัน ก็อดหันหน้าไปกล่าวกับเจ้ามืออย่างตกตะลึงเสียไม่ได้“ถ้าหากคนผู้นี้เดินไปถึงยอดสูงสุด เจ้าก็คงต้องขายบ้านขายที่นาแล้ว!”

ศิษย์ที่เป็นเจ้ามือยิ้มหยันขึ้นสายหนึ่ง “นั่นก็ต้องมีคนซื้อก่อน แล้วอีกอย่างคนผู้นั้นจะเดินไปถึงรึ! อย่าลืมเชียวว่า สถิติที่ดีที่สุดของพวกเราสำนักส่วนกลาง ก็ยังไม่เคยไปถึงจุดสูงสุดนั่น แม้แต่ศิษย์พี่จิ่งเทียนก็ยังเดินไปได้เพียง

ลำดับที่สองเพียงเท่านั้น”

คำกล่าวของเขาก็ชวนให้คนที่กล่าวพยักหน้าคล้อยตามขึ้นติดต่อกัน คิดแล้วคิดอีก เขาก็หยิบเอาแท่งทองออกมาวางลงไปบนความยากระดับกลาง อัตราเดิมพันตรงส่วนนั้นก็แค่หนึ่งต่อหนึ่ง

เจ้ามือมองไปทางเขา ก่อนจะหัวเราะ ‘เสียงแห้ง’ ขึ้นมา “ข้าคิดว่าที่เจ้ากล่าวนั้นก็มีเหตุผล คนด้านในผู้นั้นไม่ว่ายังไงก็คงไม่มีทางเก่งไปกว่าศิษย์พี่จิ่งเทียนได้ เดินพันระดับนี้ก็ถือว่าเสี่ยงน้อยที่สุด” ศิษย์ที่เป็นเจ้ามือก็อดที่จะเจ็บใจไม่ได้ คิดว่าตนควรจะต้องหลอกล่อให้คนอื่นวางเดิมพันที่สูงขึ้นกว่านี้ให้ได้ทำเช่นนั้นตัวเองถึงจะได้กำไร!

ป้ายหินสีดำเดิมก็ตั้งอยู่ที่ลานด้านนอกของหอสติปัญญา พอดีที่จะสามารถเห็นทางเข้าของหอสติปัญญาได้ คนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ยิ่งมาก็ยิ่งมากขึ้น จ้าวหนานชิ งกับจูหลิงที่จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยเตรียมจะกลับสู่ที่พักก็ถูกดึงความสนใจเดินเข้ามา

พวกเขาที่จงใจอ้อมผ่านมาทางหอสติปัญญา ก็เพราะอยากจะดูว่าทางมู่ชิงเกอฝั่งนั้นทำธุระเสร็จแล้วหรือยัง ต้องการจะกลับไปพร้อมกันไหม

แต่คาดไม่ถึงว่า ด้านนอกของหอสติปัญญาจะมีคนมารวมตัวกันมากมายขนาดนี้กวาดตามองไป กะคร่าวๆ ก็ คงไม่ต่ำกว่าห้าหกร้อยคน!

ทั้งสองคนมองหน้าสบตากันอย่างประหลาดใจ จูหลิง พลันถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”

จ้าวหนานซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไปดูกันเถอะ”

แต่จูหลิงกลับดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ กล่าวอย่างลังเลว่า “พวกเราเพิ่งมาถึง สำหรับส่วนกลางแล้วก็ไม่คุ้นเคยนัก อย่าได้ออกไปสร้างปัญหาเลย”

“พวกเราที่เข้าไปก็เพียงแค่อยากเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น จะเป็นการสร้างปัญหาได้อย่างไร?” จ้าวหนานซิงกล่าว พูดไปพลางเขาก็ส่องสายตามองไปทางจูหลิง กล่าวยิ้มๆว่า “ข้าทำไมถึงรู้สึกว่าเจ้าช่วงนี้ยิ่งมายิ่งดูขี้ระแวง ยิ่งนานยิ่งขี้กลัว?”

จูหลิงเบิกตามองเขาหนหนึ่ง แสร้งทำเป็นโมโหกล่าวว่า “พลังของข้าค่อนข้างตํ่า พอมาอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าไม่อยากสร้างความลำบากให้กับพวกเจ้า”

จ้าวหนานซิงส่ายหน้าอย่างหมดวาจาจะกล่าว “ไปเถอะ ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

ทั้งสองคนเดินไปทางกลุ่มคนด้วยกัน ยังไม่ทันเดินเข้าใกล้ ก็พลันได้ยินเสียงตะโกนบอกอัตราการเดิมพันที่ดังมาจากด้านใน ทั้งยังมีเสียงของการขอลงการเดิมพัน

ทั้งสองคนสบตากันอย่างไม่เข้าใจ ราวกับว่าไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงมีคนมาเปิดการเดิมพันในโรงโอสถได้อย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้

จ้าวหนานซิงดึงคนด้านข้างเอาไว้คนหนึ่ง กล่าวถามไปทางเขาอย่างนอบน้อม “ศิษย์พี่ท่านนี้ ขอถามหน่อยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

คนผู้นี้สีหน้าตื่นเต้น ในมือกำเงินที่ยืมมาจากคนอื่นไว้แน่น อยู่ๆก็ถูกคนรั้งตัวเอาไว้ แต่เดิมรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่พอเห็นท่าทางกับรูปลักษณ์ของจ้าวหนานซิงกับจูหลิงที่โดดเด่นเกินคนแล้ว ก็พลันเก็บไฟโทสะลง กล่าวกับทั้งสองคน “พวกเจ้ายังไม่รู้กระมัง มีคนเข้าไปในหอสติปัญญา คาดว่าจะเป็นพวกบ้านนอกที่มาจากสาขาย่อย พอเป็นเช่นนี้ ศิษย์พี่เจ๋อซิ่วก็เลยเปิดการเดิมพัน ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกกัน”

พอได้ฟังคำอธิบายของเขา จ้าวหนานซิงกับจูหลิงก็สบตากันด้วยความเข้าใจในทันใด

เหมือนกับว่าไม่ต้องคิด พวกเขาก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ในหอสติปัญญานั้นเป็นใคร

ข้างหู ก็ดังเข้ามาด้วยเสียงตะโกนโวยวายถึงอัตราการเดิมพันอยู่ตลอดเวลา ตอนที่ได้ยินว่าหากเดินไปถึงระดับยากสูงสุดจะมีอัตรา 1 ต่อ 50 จ้าวหนานซิงก็พลันยิ้มเจิดจ้าขึ้นมา กล่าวไปทางศิษย์พี่ที่ใจดีช่วยอธิบายให้ฟัง “ขอบคุณศิษย์พี่มาก”

“ไม่เป็นไม่เป็นไร มีโชคลาภ ทุกคนก็ควรมีส่วนร่วมกัน” คนผู้นี้ก็ถือว่าเป็นคนน่าคบหาคนหนึ่ง หลังจากเขาตั้งใจพินิจดูจ้าวหนานซิงกับจูหลิงแล้ว ก็ถามอย่าง สงสัย “ศิษย์น้องชาย ศิษย์น้องหญิงดูค่อนข้างแปลกตา หรือว่าพวกเจ้าจะเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสำนักกัน?”

จ้าวหนานซิงยิ้มขึ้นน้อยๆ กล่าวอธิบายว่า “พวกเรามาจากสาขาย่อย วันนี้เพิ่งมาถึง”

“พวกเจ้ามาจากสาขาย่อย?” พอได้ฟังความเป็นมาของทั้งสองคน ความกระตือรือร้นแต่เดิมที่มีอยู่ในแววตาของศิษย์พี่ผู้นั้นก็พลันกลายเป็นเย็นเยียบขึ้นหลายส่วน ท่าทีกลายเป็นดูแคลนขึ้นมา นํ้าเสียงหยิ่งยโสขึ้นอีกหลายส่วน “อ้อ ที่แท้ก็เป็นศิษย์น้องชายศิษย์น้องหญิงมาจากสาขาย่อย ดี ที่ควรพูดข้าก็พูดไปหมดแล้ว พวกเจ้าเชิญตามสบาย”

พอกล่าวจบ เขาก็โบกมือส่งๆ หนหนึ่ง ก่อนจะก้าวอาดๆ เดินจากไป ราวกับว่าทั้งสองเป็นโรคร้ายอย่างไรอย่างนั้น

มองดูแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆ ไกลออกไป จูหลิงก็เบ้ปากยิ้มเยาะ

ส่วนจ้าวหนานซิงกลับทอดถอนใจขึ้นมาอย่างเอือมระอา “เห็นแก่ตอนแรกที่ยอมอธิบายให้ฟังดีๆ แต่เดิมอยากจะชี้แนะเส้นทางการหาเงินให้เขาเสียหน่อย แต่ดูแล้วเขาก็คงไม่มีโชคที่จะได้รับมัน จะมาโทษข้าทีหลังไม่ได้นะ”

จูหลิงก็พลันยิ้มกล่าวว่า “ศิษย์น้องมู่ของพวกเราก็เป็นตัวนำโชคจริงๆ พอมาถึงก็มอบกองเงินกองทองให้กับพวกเราเสียแล้ว” พูดไปพลาง นางก็มองไปทางจ้าว หนานซิง กล่าวว่าอย่างออดอ้อน “องค์ชาย บนตัวของหม่อมฉันมีทรัพย์สินไม่มาก ไม่สู้พระองค์ให้หม่อมฉันยืมสักจำนวนหนึ่ง? หลังจากนั้นหม่อมฉันค่อยคืนพระองค์ พร้อมกับดอกเบี้ยสามส่วนเป็นไงเพคะ”

จ้าวหนานซิงกลับส่ายหน้าปฏิเสธขึ้น “โอกาสมงคงรํ่ารวยเช่นนี้ข้าไหนเลยจะยอมพลาดไปเปล่าๆได้!”

จูหลิงแสร้งกล่าวโมโหขึ้น “ขึ้งก! สำนวนที่ว่ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านก็ไม่ เข้าใจรึ?”

“เอาละ เอาละ ก็ให้เจ้ายืมหนึ่งร้อยตำลึงทอง แล้วก็แบ่งให้ศิษย์พี่เหมยกับจื่อซูอีกคนละหนึ่งร้อยตำลึงทอง” จ้าวหนานซิงส่ายหน้า หยิบเอาตั๋วทองที่สามารถใช้สอยได้ทั่วทั้งหลินชวนออกมาจากอก

จูหลิงรับเอาตั๋วทองคำมาอย่างตื่นเต้นยินดีก่อนส่งมันกลับไปในมือของจ้าวหนานซิงอีกครั้ง ภายใต้สายตาสงสัยของเขา นางอธิบายว่า “ตรงนั้นมีคนมากมายขนาดนั้น ข้าผู้หญิงคนหนึ่งจะเข้าไปเบียดได้อย่างไร? ลำบากศิษย์พี่จ้าวแล้ว!” พอกล่าวจบ นางก็พลันย่อกายลงอย่างชดช้อย

จ้าวหนานซิงทอดถอนใจพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นก็เอาเถอะ!”

บอกลากับจูหลิงชั่วคราว จ้าวหนานซิงหมุนกายเดินเบียดเข้าไปในฝูงชน

ไม่ง่ายเลยที่จะเบียดมาถึงด้านหน้า จ้าวหนานซิงเอาตั๋วทองในมือของตนทั้งหมดวางลงไปบนอัตราเดิมพันที่สูงที่สุด

ท่าทางมือเติบของเขา ก็พลันทำให้เสียงโหวกเหวกโวยวายรอบด้านเงียบเสียงลง เจ๋อซิ่วที่เป็นเจ้ามือก็พลันเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ มองไปทางจ้าวหนานซิง

สายตาที่เขามองดูจ้าวหนานซิงก็ราวกับมองดูตัวโง่งมอย่างไรอย่างนั้น!

“เขาเป็นใคร? ทำไมถึงเอาเงินมากมายขนาดนั้นไปเดิมพันอัตรานั้น?”

“ใครจะไปรู้เล่า? คาดว่าคงเป็นพวกขี้แพ้ที่มีฐานะทางบ้านรารวย คิดจะอาศัยโชคดวงเก็งกำไรกระมัง!”

“รอจนตอนที่ผลลัพธ์ออกมา คาดว่าจะร้องไห้ก็คงจะร้องไม่ออก!”

ไม่ทันไร เสียงพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ก็พลันดังขึ้น ส่วนจ้าวหนานซิงก็ไม่ได้มีท่าทางสั่นไหวแม้แต่น้อย

เจ๋อซิ่วพลันหลุดภวังค์ออกมาจากความตกตะลึง กล่าวยืนยันขึ้นกับจ้าวหนานซิง “เห ศิษย์น้องผู้นี้ เจ้าแน่ใจนะว่า จะลงเดิมพันตรงจุดนี้?”

จ้าวหนานซิงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

ในแววตาของเจ๋อซิ่วพริบตาก็สว่างวาบขึ้น เร่งรีบกล่าวออกไป “ดี! เช่นนั้นข้าจะออกหลักฐานการเดิมพันให้เจ้า!” พอกล่าวจบ ก็พลันกล่าว ‘เยินยอ’ จ้าวหนานซิงขึ้นสองประโยคด้วยสีหน้าที่ไม่สั่นไหว “ศิษย์น้องช่างมีสายตาที่หลักแหลมนัก ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดการพลิกโผขึ้นก็ได้”

“ศิษย์พี่กล่าวได้ถูกต้องนัก ข้าก็คิดว่าครั้งนี้จะต้องเกิดการพลิกโผ” จ้าวหนานซิงพอกล่าวจบ รอบด้านก็พลันหัวเราะ ‘ดูแคลน’ ขึ้น เขาไม่สนใจ รับเอาหลักฐานการเดิมพันจากเจ๋อซิ่วก่อนจะเบียดออกไปจากฝูงชน

“คนผู้นี้เป็นใครกัน? ชัดเจนว่าเป็นตัวโง่งมนัก!”

“ไม่รู้จัก ยังจะบอกว่าจะพลิกโผ? คิดว่าหอสติปัญญา เป็นแค่เครื่องประดับหรือไง?”

“ฮ่า ฮ่า ศิษย์พี่เจ๋อซิ่วครั้งนี้ก็คงจะรํ่ารวยแล้ว!” “ก็ไม่รู้ว่า คนผู้นั้นตอนที่เห็นตัว เองแพ้แล้ว เงินที่ใช้เดิมพันมากมายขนาดนั้นต้องสูญเสียไป ไม่รู้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร”

ทันใดนั้นเอง ศิษย์สำนักส่วนกลางคนเมื่อครู่ที่พูดคุยกับพวกจ้าวหนานซิงสองคนก็เบียดเข้ามาได้เอ่ยว่า “เขาเป็นคนของสาขาย่อย คิดว่าพอรู้ว่าศิษย์ในสำนักเดียวกันอยู่ด้านใน ก็เลยใช้เงินมากู้หน้าให้พวกตนก็เท่านั้น”

“เป็นคนของสาขาย่อย? ข้าเมื่อครู่เห็นราศีของเขาไม่ธรรมดา ยังนึกว่าเป็นคุณชายสูงศักดิ์ของตระกูลใหญ่ที่ไหนเสียอีก”

เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้คนทั้งหมดหมดความสนใจกับจ้าวหนานซิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version