Skip to content

พลิกปฐพี 152-3

ตอนที่ 152-3

ถูกความโง่ของตัวเองทำให้ร้องไห้ โชคมาแล้ว!

ในกลุ่มของคนนับร้อย นอกจากผู้อาวุโสที่ดูมีอายุ สิบกว่าคนแล้ว นอกนั้นก็ดูเหมือนว่าเป็นบรรดาลูกศิษย์ ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์

ถ้าหากว่ามู่ชิงเกออยู่ที่นี่ ก็ต้องค้นพบว่า ติงเหม่าที่เคยมีเรื่องกับนางก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างกายของจินกุ้ย สีหน้าดูหม่นหมอง

“ท่านอาจารย์ เจ้านั้นเจ้าเล่ห์เพทุบายมาก คนที่ข้าส่งออกไป หาร่องรอยของเขาไม่เจอเลย! หรือว่าจะต้องปล่อยให้เขาหนีไปเสียอย่างนี้?” น้ำเสียงของติงเหม่า แฝงไว้ด้วยความไม่ยอมและแค้นเคือง

ผ่านไปหลายวัน บาดแผลบนร่างกายของเขาดีขึ้นมาก เหลือแค่เพียงรอยเลือดที่ถูกมู่ชิงเกอแทงทะลุนั้นยังมีเลือดไหลออกมา คอยตอกยํ้าความอัปยศที่เขาได้รับในวันนั้น

สีหน้าของจินกุ้ยก็ดูไม่ค่อยดี แต่ว่าอยู่ต่อหน้าของเหล่าผู้อาวุโสของหอนั้น เขาไม่อาจพูดมากได้ ทำได้แค่เพียงเอ่ยกับติงเหม่าว่า “ทำธุระหลักก่อนจากนั้นค่อยไป ตามหาเจ้านั้น หากเพียงแค่เขายังอยู่ในแคว้นหรงก็หนีไปไม่พ้นหรอก!”

เมื่ออาจารย์พูดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าติงเหม่าจะไม่ยินยอม แต่ก็ต้องทำเป็นยอมชั่วคราว

มองไปยังศิษย์ร่วมสำนักรอบๆ ติงเหม่าก็เอ่ยกับจินกุ้ยว่า “ท่านอาจารย์ พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนนั้นอยู่ที่นี่จริงๆ น่ะหรือ?”

จินกุ้ยพยักหน้าพร้อมเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ “เพื่อพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนนั่น ประมุขหอใช้เวลาคำนวณเกือบครึ่งปีถึงคำนวณหาร่องรอยและทิศทางของมันได้ ประมุขหอพูดแล้วว่าพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนยังอยู่ในขั้นแรกเริ่ม เพียงแค่พวกเราสามารถนำมันกลับไปได้ ต่อไปเพลิงที่หอหลอมศาสตราของพวกเราใช้ในการหลอมยุทธภัณฑ์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เปลวเพลิงธรรมดาๆ และเพลิงอสูรอีกต่อไป แต่ใช้พญาเพลิงระดับเทพแทน! ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะสามารถหลอมยุทธภัณฑ์ขั้นจิตวิญญาณระดับที่สูงขึ้นไปอีกได้! ถึงขั้นยุทธภัณฑ์ขั้นสมบัติ!”

เมื่อพูดจบ นัยน์ตาของจินกุ้ยก็เปิดเผยร่องรอยแห่งความโลภออกมาสายหนึ่ง

ดูเหมือนว่า เขาจะอยากเก็บพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนเข้าไปในกระเป๋าของตนเองโดยไม่แบ่งให้ใคร

เพียงแต่น่าเสียดายที่พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนนั่น เป็นของที่ต้องแบ่งกันทั้งหอหลอมศาสตรา เขาคิดจะเก็บเป็นของส่วนตัวต่อไปอีกก็ไม่อาจทำได้

แต่ทว่า ประมุขหอได้พูดแล้วว่า หากใครเป็นคนแรกที่สามารถไล่ตามพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนได้นั้น จะได้รับเพลิงจากพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนสายหนึ่งเป็นรางวัล

รางวัลนี้ช่างดึงดูดใจคนยิ่งนัก!

จินกุ้ยลอบมองดูกำลังของผู้อาวุโสคนอื่นๆ แล้วนัยน์ตาก็ฉายแวววาววาบ!

คนของหอหลอมศาสตรายืนอยู่ปลายขอบของแม่น้ำไร้พรมแดน ไม่ได้มุ่งตรงเข้าไปในทันที ผู้อาวุโสที่นำกลุ่มมีสายตาที่แหลมคม ทำให้คนรู้สึกถึงความลึกลํ้าเป็นอย่างมาก ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดเหี้ยมเกรียม รวมกับจมูกที่งองุ้มของเขาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คนรู้สึกได้ว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิต

คนผู้นี้กำลังถือเข็มทิศพิเศษไว้ในมือ กำลังเสาะหาทิศทางอย่างตั้งใจ ข้างกายของเขามีลูกศิษย์ยืนอยู่ไม่กี่คน ใบหน้าดูเย็นชา คอยคุ้มกันอยู่อย่างเข้มงวด ไม่อนุญาต ให้คนอื่นเข้ามาใกล้

ติงเหม่าเหลือบมองแวบหนึ่ง แล้วสบถอย่างดูแคลนออกมาว่า “มีอะไรที่ดูสูงส่งนักหนา” ก็ไม่รู้ว่าคำพูดของเขานั้นหมายถึงผู้อาวุโสคนนั้นหรือว่าลูกศิษย์ไม่กี่คนที่ยืนคุ้มครองอยู่กันแน่

จินกุ้ยก็มองเงาหลังของผู้อาวุโสคนนั้นเช่นกัน สบถออกมาอย่างเย็นชา “เพียงแค่ได้รับความโปรดปรานจากประมุขหอเพียงเท่านั้น ก็คิดว่าตนเองเป็นผู้สูงส่งชั้นหนึ่งจริงๆ รึ” ตามที่เขามอง ภารกิจในครั้งนี้ควรมอบให้เขาผู้อาวุโสที่อยู่ในหอหลอมศาสตรามาหลายสิบปีจนเกือบร้อยปีเป็นผู้รับผิดชอบถึงจะถูก ไม่ใช่มอบให้แก่ผู้ที่เพิ่งจะได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้อาวุโสและเพิ่งมาอยู่ในหอหลอมศาสตราเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน

ผู้อาวุโสคนอื่นนั้น จินกุ้ยไม่ได้สนใจ

หากเขาอยากจะได้ความดีความชอบก็ต้องสนใจเพียงแค่คนเบื้องหน้าแค่คนเดียว!

ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาของจินกุ้ย ผู้อาวุโสที่จมูกงองุ้มคนนั้นขยับมือไม่หยุด แต่กลับเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ผู้อาวุโสจินมีอะไรจะพูดอย่างนั้นหรือ?”

นัยน์ตาของจินกุ้ยฉายแววอำมหิต บรรยากาศดูเยียบเย็นลงหลายส่วน เอ่ยอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ว่า “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเฝิงยังจะให้พวกเรารอตรงนี้อีกนานแค่ ไหน?”

ดวงตาดุจเยี่ยวของเฝิงคุนไห่ฉายแววเยียบเย็น มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะบาง ๆ แต่ยังคงเอ่ยอย่างไม่รีบร้อนดังเดิมว่า “ผู้อาวุโสจินจะรีบเพื่ออะไร? ยังไม่แน่ใจ ถึงตำแหน่งที่แท้จริงของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน หากบุกเข้าไป ไม่ใช่ว่าจะเป็นการทำร้ายชีวิตของเหล่าศิษย์?”

ประโยคนี้ทำให้นัยน์ตาของจินกุ้ยฉายแววอาฆาตออกมา

เป็นแบบนี้ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทุกครั้งที่เฝิงคุนไห่ผู้นี้พูดก็จะสามารถทำให้ผู้คนเข้าใจผิดไปได้! เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น แต่หลังจากถูกเฝิงคุนไห่พูดแล้วก็ทำให้คนเข้าใจผิด อย่างที่คาดไว้ หลังจากที่คำพูดของเฝิงคุนไห่หลุดออกมา บรรดาผู้อาวุโสและศิษย์คนอื่นๆ ก็มองจินกุ้ยอาจารย์ศิษย์ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ เพียงแต่เพราะเกรงกลัวในสถานะผู้อาวุโสและนิสัยในเวลาปกติของเขา ถึงทำให้พวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา

เพียงแค่ประโยคเดียวก็สามารถเพิ่มระยะห่างความสัมพันธ์ระหว่างจินกุ้ยและคนอื่นๆ ได้แล้ว แสดงให้เห็นถึงความคิดอันลึกล้ำของเฝิงคุนไห่

“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! อาจารย์ของข้าพูดแบบนั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอ้หย่า อื้อ อื้อ!” ติงเหม่าโมโหจน ทนไม่อยู่ อ้าปากจะร้องด่า แต่กลับรู้สึกว่าภายในปาก เจ็บปวด เลือดไหลออกมาตามฟันที่แตกหัก

“ท่านอาจารย์…” ติงเหม่าถือฟันที่หักพร้อมใบหน้าที่ร้องไห้ของตนเองมองไปทางจินกุ้ย เมื่อครู่ที่เฝิงคุนไห่ลงมือนั้นจินกุ้ยหยุดยั้งไม่ทัน ก็รู้สึกโกรธมากพอแล้ว ตอนนี้เห็นศิษย์รักของตนเองถูกตีจนกลายเป็นอย่างนี้ต่อหน้าอีก ความรู้สึกอัปยศก็พุ่งขึ้นมาในทันที ในฝ่ามือของเขาเกิดแสงสีนํ้าเงินอมม่วงรวมตัวขึ้นมา ตะโกนด้วยความโมโห “เฝิงคุนไห่ เจ้าทำอะไร!”

เฝิงคุนไห่กลับเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้รู้สึกตกใจ “ผู้อาวุโสกำลังพูดคุยกัน ไหนเลยจะมีส่วนให้ศิษย์มาต่อปากต่อคำได้? จินกุ้ย นี่เป็นลูกศิษย์ที่เจ้าอบรมสั่งสอนมาเป็น อย่างดีงั้นหรือ? ตีฟันของเขาให้หักก็ถือว่าไว้หน้าของเจ้ามากแล้ว หากมีครั้งหน้าข้าจะตัดลิ้นของเขาซะ!”

จินกุ้ยโกรธจัด ส่วนติงเหม่ากลับกลัวจนไปแอบหลบอยู่ด้านหลังของเขา ไม่กล้ามองเฝิงคุนไห่อีก

“ศิษย์ของข้าทำผิด ก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาสั่งสอนให้!” จินกุ้ยเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ

เฝิงคุนไห่เหลือบตามองเขาอย่างดูแคลนแวบหนึ่ง และก็ไม่สนใจเขาอีก หันกลับไปตั้งใจมองเข็มทิศในมือของตนเองต่อ

“เจ้า!” จินกุ้ยที่รู้สึกได้ถึงการถูกดูแคลน โกรธแค้นมาก กำลังเตรียมจะก้าวไปข้างหน้าต่อสู้กับเฝิงคุนไห่สักครั้งเพื่อวัดความสูงต่ำ

เห็นทั้งสองด้านบรรยากาศตึงเครียด ก็มีผู้อาวุโสก้าวออกมา เอ่ยไกล่เกลี่ยกับทั้งสองว่า “ท่านทั้งสอง พวกเราออกมาทำภารกิจสำคัญ ทั้งหมดทั้งมวลยังคงถือเอา การใหญ่เป็นสำคัญก่อนเถอะ เรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัวนั้นวางเอาไว้อีกทางก่อน รอหลังจากทำภารกิจที่ประมุขหอมอบให้สำเร็จแล้ว พวกท่านคิดจะสะสางกันอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกท่าน”

ในเวลาปกติ แน่นอนว่าจินกุ้ยจะไม่สนใจในคำพูดของผู้อาวุโสคนนี้

แต่ว่า วันนี้ไม่เหมือนกัน

ดวงตาของเขากลอกไปมา พยายามกดความโกรธแค้นในใจลง หลังจากจ้องมองเฝิงคุนไห่ด้วยความโมโหไปแวบหนึ่งแล้ว ก็เก็บพลังกลับ เขาไม่อาจจะให้คนอื่นจับจุดอ่อนได้ หากว่าในภารกิจครั้งนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วผู้อาวุโสเหล่านี้เจ้าเล่ห์โยนความผิดมาให้เขาแล้วจะทำอย่างไร?

ดังนั้น เขาจำเป็นต้องอดทนเอาไว้ก่อน รอภารกิจเสร็จสิ้นแล้วค่อยว่ากัน!

ภายในสายตาที่จินกุ้ยมองดูเฝิงคุนไห่นั้นซ่อนไว้ด้วยกลิ่นอายสังหารแล้ว

เรื่องนี้ ตอนนี้พักเอาไว้ก่อน

คนนับร้อยของหอหลอมศาสตรา ก็ไม่ขยับรักษาการอยู่ที่ขอบของแม่น้ำไร้พรมแดน รอผลการคำนวณของเฝิงคุนไห่จะสรุปออกมา

ทันใดนั้น ศิษย์ของหอหลอมศาสตราที่ถูกส่งออกไปลาดตระเวนก็รีบร้อนเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มาถึงข้างกายของเฝิงคุนไห่แล้วกระซิบกับเขา

หลังจากที่เฝิงคุนไห่ได้ฟังแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ มองเห็นจึงรีบถามขึ้นมา “ผู้อาวุโสเฝิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?” เฝิงคุนไห่ก็ไม่ได้ปิดบัง เขามองผู้อาวุโสคนอื่นแล้วพูดว่า “คนของสำนักหมื่นอสูรก็มุ่งมาทางแม่นํ้าไร้พรมแดนแล้ว”

“สำนักหมื่นอสูร? พวกเขามาทำอะไร? ที่นี่ไปถึงที่ไหน ก็มีแต่แม่นํ้า ไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย” มีผู้อาวุโสถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

ศิษย์คนอื่นๆ ของหอหลอมศาสตราก็กำลังพูดคุยถกเถียงกัน เดาถึงจุดมุ่งหมายของสำนักหมื่นอสูรที่มาที่นี่ เมื่อได้ยินว่าคนของสำนักหมื่นอสูรปรากฏ หนังตาของจินกุ้ยก็กระตุกขึ้น เขาขมวดคิ้ว “หรือว่าพวกเขาก็มาเพราะพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนเช่นเดียวกัน?”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไปก็ทำให้คนของหอหลอมศาสตรา ทุกคนเกิดความระมัดระวังขึ้นในทันที

สำนักหมื่นอสูรไม่ใช่คู่ต่อกรที่ง่ายดาย

ถึงแม้ว่าจินกุ้ยจะเป็นพวกที่ความอดทนตํ่า แต่หากติงเหม่าไปหาเรื่องกับสำนักหมื่นอสูร เขาก็ทำได้แค่เพียงกล่าวแย้งตามเหตุผล ไม่กล้าที่จะลงมือจริง ๆ

เพราะว่า คนของสำนักหมื่นอสูรเป็นกลุ่มเดียวบนแผ่นดินที่สามารถจัดการกับอสูรวิญญาณได้ พวกเขาถูกเรียกเป็นอาจารย์ทะลวงสวรรค์ สามารถอาศัยความสามารถพิเศษควบคุมอสูรวิญญาณ สามารถใช้อสูรวิญญาณเป็นพาหนะรวมถึงทำสงครามได้

โดยทั่วไปแล้ว ศิษย์ธรรมดาในสำนักหมื่นอสูร สามารถควบคุมอสูรวิญญาณระดับตํ่าได้หนึ่งตัว ศิษย์ที่มีความสำคัญขึ้นมาหน่อยจะสามารถควบคุมอสูรวิญญาณระดับตํ่าได้สองถึงสามตัว ส่วนศิษย์ที่พิเศษมากก็ยิ่งเก่งกาจ สามารถควบคุมอสูรวิญญาณระดับกลางได้หนึ่งถึงสองตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่สามารถกลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักหมื่นอสูรได้ ที่ปกติแล้วเวลาที่ทุกคนเดินออกมา ในมือล้วนแต่จะมีอสูรวิญญาณสี่ห้าตัวทั้งยังมีหมดตั้งแต่ระดับตํ่าถึงระดับสูง

ดังนั้น ความสามารถทั่วๆ ไปในการต่อสู้ของสำนักหมื่นอสูรก็มากกว่าหอหลอมศาสตราสองเท่าถึงสามเท่าแล้ว

ถึงแม้ พวกเขาจะมียุทธภัณฑ์ชั้นจิตวิญญาณ แต่เมื่อพบเจอกับอสูรวิญญาณ ก็ยากที่จะเอาชนะได้ เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version