ตอนที่ 152-2
ถูกความโง่ของตัวเองทำให้ร้องไห้ โชคมาแล้ว!
หลังจากแยกทางกับซางจื่อซูแล้ว มู่ชิงเกอก็เร่งรีบเดินทาง
เมื่อเหนื่อยแล้วก็เข้าไปในช่องว่างเพื่อพักผ่อน หรือไม่ก็ปล่อยหยินเฉินออกมา ให้มันเดินทาง ส่วนตนเองนั้นก็นั่งบนหลังของมันพักผ่อนไป
เดินทางทั้งวันทั้งคืนติดต่อกัน ในที่สุด หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน นางก็มาถึงขอบของแม่นํ้าไร้พรมแดน
มองไปเห็นแม่นํ้าที่กว้างใหญ่มองไม่เห็นขอบ ทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายพิษ ก็ทำให้มู่ชิงเกอนิ่งไปครู่หนึ่ง
นางจะหาร่องรอยของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนภายในแม่นํ้าไร้พรมแดนขนาดใหญ่นี้ได้อย่างไร?
แม่นํ้าก็คือกับดัก หากไม่ระวังก็จะติดอยู่ภายในกับดักอย่างรวดเร็ว มู่ชิงเกอกลายเป็นแสงสีม่วงสายหนึ่ง ลอยขึ้นไปกลางอากาศ ลอยเข้าไปในแม่นํ้าไร้พรมแดน
กลางอากาศ นางมองลงมายังพื้นของแม่นํ้าไร้พรมแดน ทันใดนั้นก็ค้นพบว่า ชื่อนั้นตั้งได้เหมาะสมยิ่งนัก เพราะว่า แม้แต่อยู่บนอากาศ นางก็มองเห็นแค่เพียงขอบแม่นํ้าสีดำขนาดใหญ่ ดุจดังเป็นทะเลกว้างไร้ขอบเขต ไร้จุดสิ้นสุด
บนพื้นของแม่น้ำสีดำ ไม่มีสิ่งของ และยิ่งไม่มีสิ่งมีชีวิต
กลางแม่น้ำ มีฟองอากาศเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ ฟองอากาศแตกออก กลายเป็นกลิ่นอายพิษสีเขียวลอยขึ้นมาในอากาศ เกิดเป็นม่านที่หยุดยั้งไม่ให้คนผ่านไปได้
มู่ชิงเกอหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมา ใส่เข้าไปในปากของตนเอง
โอสถเม็ดนี้สามารถป้องกันกลิ่นอายพิษได้ ถึงแม้ว่าหลังจากที่ร่างกายของนางถูกดัดแปลงจนสามารถขับสารพิษออกมาได้เอง แต่ว่านางก็ไม่อยากจะสูญเสียพลัง ชีวิตและพลังวิญญาณไปทำเรื่องเช่นนี้ในเวลานี้ ดังนั้นการกินยาถอนพิษก่อนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!
และอีกอย่าง สิ่งที่นางไม่ขาดแคลนเลยก็คือโอสถ โดยไม่รู้สึกตัว มู่ชิงเกอลอยเดินทางอยู่กลางอากาศบนแม่นํ้าไร้พรมแดนมาครึ่งวันแล้ว แม้แต่การฟื้นฟูพลังขั้นสีม่วงของนางก็กินพลังวิญญาณไปมาก
ไม่สามารถเป็นเช่นนี้ต่อไปได้!’ มู่ชิงเกอพูดกับตัวเองในใจ
หากยังลอยเดินทางต่อไป กลัวว่าถึงแม้จะหาพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนพบ นางก็ไม่อาจจะจัดการกับมันได้
หลังจากตัดสินใจแล้ว มู่ชิงเกอก็หายตัวไปกลางอากาศในทันใด เข้าไปในช่องว่างของตนเองอย่างรวดเร็ว นางปรากฏตัวอีกครั้ง เพียงแต่ในมือมีบางอย่างออกมาด้วย
ของสิ่งนั้น หากว่าคนในโลกก่อนของนางเห็นเข้า ก็จะรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก มันเป็นลากเลื่อนที่ถูกปรับปรุง ใช้เลื่อนไปในแม่นํ้าไร้พรมแดน สามารถประหยัดแรงกายและพลังวิญญาณไปได้มาก
มู่ชิงเกอค่อย ๆ ร่อนตัวลง เหยียบลงไปบนแผ่นลากเลื่อน ในมือถือด้ามควบคุม ยันมันเข้าไปในแม่นํ้าไร้พรมแดน ออกแรงดันไปด้านหลัง ทั้งตัวคนก็เลื่อนไป ด้านหน้า ภายในแม่นํ้าไร้พรมแดนเกิดเป็นร่องรอยจางๆ สองรอย แต่ไม่นานก็เรียบหายไปอย่างรวดเร็ว ภายในแม่นํ้าไร้พรมแดน ไม่รู้ทิศทาง มู่ชิงเกอทำได้ เพียงอาศัยสัญชาตญาณเลื่อนไป ทุกๆ หนึ่งชั่วยามก็จะกินโอสถเพื่อป้องกันพิษ
ผ่านไปหนึ่งวัน ถึงแม้ว่าตัวนางจะไม่เป็นอะไร แต่ว่าเสื้อผ้าของนางกลับถูกกลิ่นอายพิษเปลี่ยนจากเสื้อใหม่ให้กลายเป็นเก่า สีเสื้อกลายเป็นสีทึบ ทั้งยังถูกกัดเซาะจนเป็นรูพรุนที่เปื้อนเคลือบกลิ่นอายพิษทั้งยังมีแม่นํ้าสีดำใต้เท้า
แม้แต่มู่ชิงเกอเองก็ยังได้กลิ่นเหม็นลอยออกมาจากร่างกายของตนเอง นางขมวดคิ้วขึ้น มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ค่ำมืดลงแล้ว เรือนร่างก็แวบหายกลับเข้าไปในช่องว่าง หลังจากอาบน้ำแต่งตัวภายในช่องว่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่ชิงเกอถึงได้รู้สึกสะอาดสดชื่น
ในระหว่างที่พักผ่อน นางเรียกเหมิงเหมิงมาข้างกาย จากนั้นก็เอ่ยถาม “เหมิงเหมิง ข้าจะหาร่องรอยของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนภายในแม่นํ้าไร้พรมแดน อย่างไรดี?”
เหมิงเหมิงเอ่ยอย่างตกตะลึง “เจ้านายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันก็เข้ามาเนี่ยนะ!”
มู่ชิงเกอขบริมฝีปากเอ่ยอย่างไม่ยอมว่า “ข้าแน่ใจว่ามันอยู่ในแม่นํ้าไร้พรมแดน”
“แต่ว่า แม่นํ้าไรพรมแดนใหญ่โตมาก ข้าล้วนไม่อาจสัมผัสได้ถึงปลายขอบของมันเลย” เหมิงเหมิงกะพริบตาเอ่ย
เมื่อได้ยินถึงประโยคนี้แล้ว มู่ชิงเกอก็รู้สึกได้ถึงความขมขื่นในปาก
“ต้องมีวิธีอะไรสักอย่างที่สามารถสัมผัสถึงมันได้” มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างไม่ยอมตัดใจ คิดถึงตอนเริ่มต้น ตอนอยู่ในดินแดนแห้งแล้งในตำบลลั่วรื่อตามหาพญา เพลิงเมฆสุริยา หานฉายไฉ่ก็ไม่ใช่ว่ามีวิธีที่สามารถหาร่องรอยของมันได้มิใช่หรือ
“เพลิงระดับเทพนั้นหายากนัก! นอกจากเจ้านายจะมีความสามารถเหมือนกันกับปีศาจบุปผาตนนั้นที่สามารถสัมผัสถึงวิญญาณเพลิงได้” เหมิงเหมิงเอ่ย
มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด “หากข้าสามารถสัมผัสได้แล้วยังจะต้องถามเจ้าอีกทำไม? มีวิธีอื่นอีกหรือไม่?”
“มี!” เหมิงเหมิงเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ คำตอบนี้ทำให้ดวงตาคู่นั้นของมู่ชิงเกอเปล่งประกาย ทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “รีบพูด!”
เหมิงเหมิงภาคภูมิใจเชิดคางขึ้น “วิธีเดียวก็คือให้เจ้านายจากไปก่อน ไปหาปีศาจบุปผาตนนั้น จากนั้นก็ลักพาตัวเขามาที่นี่ ใช้เป็นเข็มทิศให้เจ้านาย”
คำพูดของเหมิงเหมิงทำเอาสีหน้าของมู่ชิงเกอดำทะมึนขึ้น กัดฟันบ่นไปสองคำ “ใครจะไปรู้ว่าหานฉายไฉ่อยู่ที่ไหน?และข้าก็ไม่อาจถอยไปตามหาเขาได้ในตอนนี้อีกด้วย!”
“เช่นนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นอีก” เหมิงเหมิงหยักไหล่ “ต้องอาศัยโชคเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแล้ว!”
โชครึ?
มู่ชิงเกอถูกความโง่เขลาของตัวเองทำให้ร้องไห้แล้ว!
หรือนางต้องเป็นดั่งเรือไร้จุดหมายล่องไปตามแม่นํ้าไร้พรมแดนอาศัยโชคเพื่อตามหาร่องรอยของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนอย่างนั้นหรือ?
“เจ้าไปพักเถอะ” มู่ชิงเกอที่ความรู้สึกดำดิ่งจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ โบกมือให้เหมิงเหมิงจากไป บนใบหน้าเรียวเล็กเท่าฝ่ามือของนางเขียนเพียงประโยคเดียวว่า ‘อย่าสนใจข้า ข้าต้องการอยู่เงียบๆ’
เหมิงเหมิงยังอยากพูดอะไรอีก แต่กลับถูกหยินเฉินคาบด้วยปากพานางออกไป หวนคืนช่องว่างอันเงียบสงบให้แก่มู่ชิงเกอ
จิ้งจอกเหม็น เจ้าทำอะไร!” เหมิงเหมิงขัดขืนอย่างอารมณ์เสีย แขนขาโบกไปมากลางอากาศ
เดินไปไกลแล้ว หยินเฉินถึงได้คลายปากออก
“ไอ้หย่า! ก้นของข้า!” เหมิงเหมิงตกลงไปที่พื้นโดยไม่ ทันได้ตั้งตัว เพียงรู้สึกว่าก้นของตัวเองนั้นชาแล้ว เหมิงเหมิงลูบๆ ก้นไปมาพร้อมเผยท่าทางที่ดูโกรธแค้น มองไปที่หยินเฉิน ชี้มือไปที่มันแล้วเอ่ย “เจ้าจิ้งจอกเหม็นตัวนี้! ข้าจะถลกหนังเจ้า!”
หยินเฉินชำเลืองมองนางแวบหนึ่งอย่างสงสัย “นายท่านต้องการความสงบ”
“เจ้า!” เหมิงเหมิงกัดฟันอันแหลมคมดัง ‘กรอด กรอด’ แต่ว่าหยินเฉินก็ไม่ได้สนใจหันมาก้าวเดินอย่าง สง่างามไปตามลำธารภายในช่องว่าง
ท่าทางอันสง่างามสูงส่งของราชาจิ้งจอกหิมะทำเอา นัยน์ตาของเหมิงเหมิงฉายแวว ‘พวกไร้เหตุไร้ผล!’
มู่ชิงเกออยู่คนเดียวภายในห้อง ในมือถือหม้อผลาญสวรรค์สีแดงเลือด ในปากบ่นพึมพำว่า “ท่านหัวหน้าบอกว่าเจ้าไม่เพียงสามารถหลอมยาได้ เช่นนั้นเจ้า สามารถช่วยข้าหาพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนได้หรือไม่!”
ถึงกับต้องขอร้องหม้อหลอมยาอันหนึ่งเพื่อช่วยเหลือ ก็หมายถึงแทบหมดหนทางแล้ว!
อย่างที่คิดไว้ หม้อผลาญสวรรค์ที่เอาแต่ใจไม่ได้สนใจอะไรกับพฤติกรรมอันโง่เขลาในครั้งนี้ของมู่ชิงเกอเลยแม้แต่นิด
นี่ทำให้มู่ชิงเกอที่รู้สึกหดหู่อยู่อย่างยาวนานและไม่ได้ข้อสรุปใดๆ จนรู้สึกหงุดหงิดใจมาก พักอยู่ในช่องว่างมาหนึ่งวัน มู่ชิงเกอก็ออกมาอีกครั้ง เดินทางไปรอบๆ แม่นํ้าไรพรมแดนอย่างไร้จุดหมายต่อ เบื้องหน้านางก็สามารถทำได้แค่เพียงทำตามที่เหมิงเหมิงพูดเท่านั้น อาศัยโชค
หนึ่งวัน และอีกหนึ่งวัน
ในวันที่สามที่มู่ชิงเกอเข้าไปในแม่นํ้าไร้พรมแดน ขอบของแม่น้ำไร้พรมแดน ก็มีกลุ่มคนเพิ่มมาหนึ่งกลุ่ม
พวกเขาสวมชุดเหมือนกัน บนหน้าอกปักด้วยด้ายสีทองคำว่า ‘ศาสตรา!’