ตอนที่ 152-5
ถูกความโง่ของตัวเองทำให้ร้องไห้ โชคมาแล้ว!
คนของสำนักหมื่นอสูรจึงพักผ่อนอยู่ที่ขอบของแม่นํ้าไร้พรมแดนชั่วคราว ไม่นาน บนแม่นํ้าไร้พรมแดนก็มีฝนตก ฝนกระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก ทำให้กลิ่นอายพิษสีเขียวบนแม่นํ้าไร้พรมแดนเข้มข้นขึ้น
เฮยมู่ยังคงนั่งอยู่บนหมาป่าสีดำ มองไปยังฝนที่ตกบนท้องฟ้า ในใจคิดว่า ‘หากว่าคนที่เข้าไปก่อนตายด้วยกลิ่นอายพิษไปแล้วก็คงจะลดความยุ่งวุ่นวายไปได้มาก’
ด้านหลังของเขา ไท่สื่อเกาได้สั่งให้คนสร้างกระโจมขึ้นมาไว้นานแล้ว ปูเบาะนุ่ม จัดวางขนมว่างและผลไม้
เสือดำเขาเดียวนอนอยู่ที่หน้าประตู ปิดประตูเอาไว้ ศิษย์หญิงสองคนที่ถูกคัดเลือกเดินเข้าไปในกระโจมของไท่สื่อเกา อีกครู่หนึ่ง ภายในกระโจมก็มีเสียงหัวเราะคิกคักดังลอดออกมา
เสียงดังลอดมาถึงหูของเฮยมู่ แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร ไม่มีอาการตอบสนอง
นับจากที่ฝนตก มู่ชิงเกอก็เข้าไปในช่องว่างเพื่อพักผ่อน แต่ว่าคนของหอหลอมศาสตรากลับไม่ได้โชคดีเช่นนั้น เรือไม่มีหลังคา จึงไม่อาจบังฝนได้ พวกเขาทำได้แค่ เพียงหยิบเสื้อกันฝนของตัวเองออกมาบังแล้วเดินทางต่อไป
ฝนตกหนัก ทำให้กลิ่นอายพิษภายในแม่นํ้าไร้พรมแดน รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ศิษย์จำนวนไม่น้อยของหอหลอมศาสตราสัมผัสได้ถึงความไม่ถูกต้อง เริ่มไอออกมา ติงเหม่าแต่เดิมก็ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งสูดดมกลิ่นอายพิษเข้าไปจำนวนมาก ก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายเจ็บปวดทรมานมากยิ่งขึ้น เขาดึงขอบเสื้อแล้วเอ่ยกับจินกุ้ยว่า “ท่านอาจารย์ ข้าทรมานมาก”
จินกุ้ยในตอนนี้ก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ แต่เมื่อมองเห็นท่าทางของลูกศิษย์แล้ว เขาก็ขบริมฝีปาก แนบมือเข้ากับไหล่ของติงเหม่า ใช้พลังขับพิษในร่างกายของเขาออกมา
ภายในแม่นํ้าไร้พรมแดน ดูเหมือนว่าการใช้พลังจะสิ้นเปลืองเร็วยิ่งกว่าภายนอกหลายเท่า
ผ่านไปไม่นาน จินกุ้ยก็รู้สึกถึงว่าพลังจิตเริ่มไม่เพียงพอ เขาจึงเอ่ยกับเฝิงคุนไห่ว่า “ผู้อาวุโสเฝิง หากยังจะเดินทางอย่างนี้ต่อไป ยังไม่ทันหาพญาเพลิงระดับเทพฮุ้น หยวนเจอ พวกเราก็คงถูกพิษจากกลิ่นอายพิษฆ่าตายหมดแล้ว!”
เฝิงคุนไห่ก็ไม่ได้รู้สึกดี เมื่อได้ยินคำกล่าวของจินกุ้ยแล้ว ในใจก็รู้สึกทนไม่ไหว แต่ว่า เมื่อมองเห็นเหล่าศิษย์รอบด้านที่ถูกกลิ่นอายพิษทำร้ายแล้ว เฝิงคุนไห่ก็กัดฟัน ล้วงเอาโอสถถอนพิษจากหน้าอกออกมาบางส่วน แล้วแจกออกไป
รอจนทุกคนกินลงไปแล้ว เฝิงคุนไห่ถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “โอสถถอนพิษมีจำนวนจำกัด ดังนั้นทุกคนต้องอาศัยพลังของตนพยายามขับพิษเอง หากเกินกำลังแล้วจริงๆ ค่อยมาขอโอสถจากข้า”
ประโยคนี้ทำให้สีหน้าของบรรดาศิษย์หอหลอมศาสตราเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น ไม่กล้าชะล่าใจอีก ดีที่ฝนได้หยุดตกลงแล้ว
กลิ่นอายพิษที่ถูกฝนทำให้รุนแรงขึ้นก็ค่อยๆ อ่อนจางลง
เฝิงคุนไห่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อมองเห็นบรรดาศิษย์ที่ดูทุลักทุเลและเหนื่อยล้าแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “ทุกคนพักผ่อนที่นี่เถอะ”
บรรดาศิษย์หอหลอมศาตราล้วนแต่นั่งลงบนเรือ รีบทำเวลาพักผ่อน เพราะว่าพื้นที่บนเรือมีไม่มาก พวกเขาจึงต้องพยายามกอดตัวเอง ดูแล้วน่าสงสารเป็นอย่างมาก เฝิงคุนไห่ไม่ได้พักผ่อน แต่กลับหยิบเข็มทิศพิเศษออกมาเริ่มหาเส้นทางต่อไป
ติงเหม่ากับจินกุ้ยนั่งอยู่ด้วยกัน เขาลอบมองเฝิงคุนไห่แวบหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ไม่รู้ว่าประมุขหอคิดอย่างไร เห็นได้ชัดว่าในบรรดาผู้อาวุโสในนี้ท่านอาจารย์มีอาวุโสมากที่สุด แต่กลับมอบให้คนแซ่เฝิงเป็นผู้นำได้”
ประโยคนี้ พูดได้ตรงกับใจของจินกุ้ยพอดี
เขาเหลือบมองเฝิงคุนไห่อย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยกับลูกศิษย์ว่า “ก็แค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดว่าตัวเองนั้นมีความสามารถเท่าไรกันเชียว”
ติงเหม่าก็รีบรับเป็นปี่เป็นขลุ่ย “ท่านอาจารย์พูดถูก! เด็กน้อยเช่นนั้นไหนเลยจะสามารถเทียบกับท่านอาจารย์ได้”
คนของหอหลอมศาสตราพักอยู่ที่นี่ครึ่งชั่วยามกว่า จากนั้นเฝิงคุนไห่จึงออกคำสั่งเริ่มเดินทางต่อ ภายในแม่นํ้าไร้พรมแดน นอกจากแม่นํ้าแล้ว ก็ไม่มีอะไรอื่น
ไม่มีพื้นให้คนได้พักผ่อน ไม่มีทั้งอาหารและนํ้าดื่ม
เมื่อเหนื่อยแล้วก็ทำได้แค่เพียงพักผ่อนบนเรือ หิวแล้ว กระหายแล้ว ก็ดื่มกินอาหารและนํ้าที่ตนเองนำติดตัวมา
ทรัพยากรมีจำกัดก็หมายถึงว่าเวลาของพวกเขาเริ่มมีจำกัดเข้ามาแล้ว
หากเดินทางผิด หรือเพราะว่าอะไรทำให้เดินทางได้ช้า ก็ทำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้
เฝิงคุนไห่นำทางอยู่ข้างหน้า คอยเบี่ยงเบนเส้นทางอยู่เรื่อยๆ บางครั้งก็เหลือบมองไปทางจินกุ้ย ในใจก็จะเพิ่มความหงุดหงิดขึ้นมา
ลูกศิษย์ของเขาที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของอาจารย์ที่ไม่ค่อยดี ก็บ่นออกมาประโยคหนึ่งว่า “ประมุขก็ทำไปได้ รู้อยู่แล้วว่าผู้อาวุโสจินนั้นกับท่านอาจารย์’ไม่ถูกคอกัน อารมณ์ก็แปลกประหลาด เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เหตุใดภารกิจครั้งนี้ยังให้พวกเขามาด้วยอีก”
“หุบปาก เรื่องของผู้อาวุโสก็สามารถให้เจ้ามาพูดว่าได้หรือ?” สายตาของเฝิงคุนไห่เคลื่อนจากร่างของจินกุ้ย มาที่ร่างของเขา เอ่ยออกมาอย่างเข้มงวด ศิษย์ของเขาชะงักตกใจครู่หนึ่ง รีบเอ่ยอย่างรู้ผิด “ศิษย์ผิดไปแล้ว ท่านอาจารย์โปรดให้อภัย” เมื่อเห็นเขายอมถอยอย่างจริงใจ เฝิงคุนไห่จึงค่อยเอ่ยว่า “มีคำบางคำ ทำได้แค่เพียงเข้าใจในใจก็พอ ไม่อาจพูดออกมาได้ มิเช่นนั้น หากคนอื่นได้ยินเข้า ก็จะกลายเป็นอาวุธที่คนอื่นใช้ต่อกรกับเจ้าได้ เข้าใจหรือไม่?”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ให้คำชี้แนะ” ศิษย์ของเขาผู้นั้นรีบเอ่ยอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
เฝิงคุนไห่พยักหน้า สายตามองไปด้านหน้า
เรือสิบกว่าลำของหอหลอมศาสตราลอยลึกเข้าไปในแม่นํ้าไรพรมแดน ทิศทางนั้นกลับเป็นทิศทางเดียวกันกับมู่ชิงเกอ บางครั้งอาจมีนอกเส้นทางไปบ้าง แต่ว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ในทิศทางเดียวกัน
หากเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกไม่นาน พวกเขาก็คงได้เผชิญหน้ากันได้
ฝนใหญ่หยุดลง กลิ่นอายพิษจางลงไปมาก
หลังจากเฮยมู่รอไท่สื่อเกาออกมาจากกระโจมอย่างสดชื่นสบายใจแล้ว ถึงได้เอ่ยว่า “สามารถออกเดินทางได้แล้ว”
ในที่สุดก็สามารถเข้าไปในแม่นํ้าไร้พรมแดนได้แล้ว คิ้วของไท่สื่อเกาแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น
เขานั่งอยู่บนเสือดำเขาเดียว มองไปทางแม่นํ้าไร้พรมแดนสีดำขนาดใหญ่ นัยน์ตาฉายแววกระตือรือร้น
ภายในกระโจม ศิษย์หญิงสำนักหมื่นอสูรสองคนมีสีหน้าแดงกํ่า หลังจากจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยดีแล้ว ก็ขึ้นนั่งบนอสูรวิญญาณของตนเอง ไปอยู่ด้านหลังของเฮยมู่และไท่สื่อเกา
เฮยมู่ลูบหัวของหมาป่าดำ หมาป่าดำหอนขึ้นฟ้าคำหนึ่ง สะกิดเท้าพุ่งกระโดดเข้าไปในแม่น้ำไร้พรมแดน ความเร็วของมันเร็วมาก เหยียบลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา ทั้งที่ พื้นที่เหยียบลงล้วนแต่เป็นผิวนํ้าในแม่นํ้าไร้พรมแดนที่ยากต่อการเหยียบทั้งนั้น
หรือว่า มีเพียงแค่อสูรวิญญาณเท่านั้นถึงจะสามารถรับรู้ได้ว่าภายในแม่นํ้าแห่งนี้ พื้นที่ไหนสามารถเหยียบได้ พื้นที่ไหนไม่สามารถเหยียบได้
ด้านหน้า มีหมาป่าดำของเฮยมู่นำทาง ศิษย์ของสำนักหมื่นอสูรนับร้อยก็ค่อยๆ เหยียบตามรอยเท้าของหมาป่าดำเข้าไปภายในแม่น้ำไร้พรมแดน
ในที่สุดคนของสำนักหมื่นอสูรก็เข้าไปภายในแม่นํ้า พุ่งลึกเข้าไป
และ ทิศทางของพวกเขาก็เป็นทิศทางเดียวกันกับทิศทางที่มู่ชิงเกอและหอหลอมศาสตราใช้เดินทางไป