ตอนที่ 153-1
ไข่สองใบ! ก็เอาไปให้หมดเถอะ!
ฝนกระหนํ่ารุนแรงที่เทมาที่แม่นํ้าไร้พรมแดนทำให้มู่ชิงเกอชะงักฝีเท้าที่หมายจะเข้าไปลองเสี่ยงโชค
นางอยู่ในห้องท่ามกลางช่องว่างนั่งขัดสมาธิ ฟื้นฟูพลังเวท
เมื่อรอจนนางฝึกสำเร็จแล้ว ลองสัมผัสกับสภาพการณ์ด้านนอก ถึงได้รู้ว่าฝนหยุดตกแล้ว
“ฝนหยุดแล้ว? คงออกไปได้แล้วล่ะ” มู่ชิงเกอพูดเบาๆ เตรียมตัวออกจากช่องว่าง เงาร่างหายวับ นางก็มาปรากฏตัวที่ริมแม่นํ้าไร้พรมแดน
นางยังเหยียบบนลากเลื่อน ในมือยังมีไม้สำหรับคํ้ายัน ในขณะที่นางเตรียมจะเดินทางออกไป พลันก็รู้สึกว่ามีคนตามมาจากด้านหลัง
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเลี้ยวปรับทิศทาง ดันเลื่อนไปทางมุมลับตาซ่อนเงาร่างของตนไว้ จนถึงขั้นกดกลิ่นไอจากร่างกายไว้ทั้งหมด เหมือนนางหายตัวไป นางมั่นใจกับการกลบกลิ่นไอของตนมาก ไม่มีเหตุผลอื่นใด เพียงเพราะซือมั่วเป็นคนสอนนางเอง!
สิ่งที่บุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินนี้สอนให้ คงไม่ย่ำแย่เกินไปนักถึงจะถูก!
มู่ชิงเกอเพิ่งอาศัยเงามืดบังร่างไว้ได้ นางก็อาศัยแสงจันทร์จนมองเห็นเงาเป็นแถวๆ เส้นๆ สิบกว่าเส้น ปรากฏขึ้นเลือนราง เข้าไปใกล้อีกนิดนางถึงได้เห็นชัดๆ ว่า เงาร่างเป็นแถวเลือนรางนั้น ที่แท้ก็คือเรือแจวรูปร่างแปลกตา และบนเรือทุกลำก็มีคนยืนอยู่เต็มไปหมด หากจะนับรวมๆ ก็ร่วมร้อยคน!
พวกเขาคลุมร่างไว้ด้วยเสื้อกันฝน ดูท่าทางคงโดนฝนเมื่อครู่สาดใส่มาไม่น้อย ซึ่งทำให้มู่ชิงเกอแยกสถานะ ของพวกเขาไม่ได้ในทันที
จนกระทั่งใบหน้าที่นางคุ้นเคยปรากฏให้เห็นในสายตา ดวงตาใสวาวของนางหรี่เพ่งมอง พอจะรู้ถึงสถานะของคนเหล่านี้บ้างแล้ว “หอหลอมศาสตรา? ดึงดันเสีย จริงๆ ตามข้ามาจนถึงแม่น้ำไร้พรมแดนเชียวหรือ!” ดวงตามู่ชิงเกอเยือกเย็น ตอนที่มองไปทางติงเหม่าก็เกิดความต้องการสังหารขึ้นมา
“หยุด” เฝิงคุนไห่ยกมือสั่งเรือแจวที่เคลื่อนไปข้างหน้า ค่อยๆ หยุดลง
จินกุ้ยที่นั่งบนเรือแจวลำที่สามขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยอย่างขัดใจว่า “หยุดลงทำไมล่ะ?”
เฝิงคุนไห่เดิมทีไม่อยากจะเอ่ยตอบเขา แต่ก็ยังเอ่ยอย่างอดกลั้นว่า “ข้าอยากจะตรวจทิศทางให้แม่นยำ”
เมื่อพูดเช่นนี้ จินกุ้ยก็ไม่ส่งเสียงอีก เพียงแต่รออยู่อย่างสงบ
เฝิงคุนไห่หยิบเข็มทิศขึ้นมา ก่อนจะมองอย่างถี่ถ้วน เมื่อแน่ใจว่าทิศทางถูกต้องแล้ว จึงได้สั่งให้เดินหน้าต่อไป
มู่ชิงเกอที่หลบซ่อนตัวในเงามืดรู้สึกแปลกใจขึ้นมา เพราะนางรู้สึกได้ว่าคนเหล่านี้ราวกับว่าไม่ได้มาที่นี้เพราะนาง
ในเมื่อไม่ได้มาเพราะตน แล้วมาเพราะอะไรกัน?
เมื่อคิดใคร่ครวญแล้ว มู่ชิงเกอก็ตัดสินใจตามไป เพื่อดูให้เห็นกระจ่าง!
ขบวนเรือแจวของหอหลอมศาสตรา เดินหน้าไปเรื่อยๆ เป็นจินกุ้ยที่ทนไม่ไหวอีกครั้ง เขาร้องตะโกนไปทางเฝิงคุนไห่ “พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนอยู่ที่ไหนกันแน่? เดินทางมาตั้งนาน ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรสักนิด?”
“พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน!” พวกเขามาที่นี่เพราะพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน มู่ชิงเกอที่ซ่อนตัวอยู่ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงขึ้นมา ข้อมูลนี้ถือเป็นเรื่องนอกการคาดหมายเหลือเกิน นางไม่ได้คิดเลยว่าคนของหอหลอมศาสตรา ก็จะคิดอยากได้ พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน
และเมื่อมองดูขบวนเดินทาง การเตรียมตัวของพวกเขาแล้ว ไม่ใช่เป็นการเดินทางมาอย่างลวกๆ ต้องรู้แล้วแน่ชัดว่าในแม่นํ้าไร้พรมแดนนั้นมีพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนจึงได้เตรียมตัวมาอย่างเต็มที่เพื่อค้นหา
เป้าหมายของหอหลอมศาสตราคือพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน เพียงครู่เดียวในใจของมู่ชิงเกอก็นึกอยากจะต่อสู้ช่วงชิง
เพราะนางรู้ว่า นางไม่อาจละทิ้งพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน และคนของหอหลอมศาสตราก็ยิ่งไม่มีทางยอมมอบพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนให้นาง ดูท่า ศึกใหญ่หลังจากนี้คงยากจะเลี่ยงแล้ว!
มู่ชิงเกอหรี่ตาเพ่งครุ่นคิด ยิ้มเยือกเย็นที่มุมปาก
จากมุมมองของนาง เช่นนี้ก็ไม่มีอะไรไม่ดี
เห็นได้ชัดว่าคนของหอหลอมศาสตรารู้เรื่องตำแหน่งของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนมากกว่า นางเพียงแค่ลอบติดตามไป เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนหรือติงเหม่าก็จัดการไปพร้อมกันเสียเลย!
เมื่อวางแผนเรียบร้อยแล้ว มู่ชิงเกอก็ซ่อนตัวอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น ก่อนจะตามขบวนของหอหลอมศาสตราไป
นางตามไปด้านหลังเงียบๆ เมื่อมีคนของหอหลอมศาสตรานำทางอยู่ข้างหน้า ก็ดี กว่านางวิ่งวนค้นหาเหมือนแมลงวันไร้หัวไปทั่วเขตแม่นํ้าไร้พรมแดนมากนัก!
มู่ชิงเกอหัวเราะสะใจอยู่ในใจ นางรู้สึกพอใจเป็นที่สุด คล้ายกับความรู้สึกเมื่อง่วงนอนแล้วมีคนยื่นหมอนให้ทันที!
ส่วนคนของหอหลอมศาสตราไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่า ด้านหลังมีคนตามติดมาด้วย พวกเขามัวแต่จะเร่งหาพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนให้พบก่อนคนของสำนักหมื่นอสูร แม้แต่ติงเหม่าที่อยากจะกรีดหนังสับกระดูกมู่ชิงเกอ ก็คงไม่มีทางคาดคิดว่าคนที่เขานึกชังทุกชั่วขณะ จะตามติดอยู่ด้านหลัง ซํ้ายังห่างจากเขาไม่ถึงร้อยจ้าง
เฝิงคุนไห่ก็มีฝีมือไม่เบานี่นา อาศัยแค่เข็มทิศหน้าตาประหลาดนั่น ก็ยังไม่หลงทางในแม่นํ้าไร้พรมแดนเลยสักครั้ง
มู่ชิงเกอติดตามพวกเขาอยู่ด้านหลังมาสามวันแล้ว เฝิงคุนไห่นำคนของหอหลอมศาสตรา มาถึงผืนนํ้าราบเรียบที่สะท้อนเงาวาววับ
แอ่งนํ้าบริเวณนี้ มีสีน้ำเข้มดำราวหมึก วาวใสดุจแผ่นกระจก ไม่มีหลุมโคลนขรุขระเหมือนแอ่งน้ำรอบๆ ที่บางครั้งก็มีฟองผุดๆ ขึ้นมา
ความเงียบสงบของที่นี่ สะท้อนความอันตรายอย่างหนึ่งออกมา
“ถึงแล้ว” เฝิงคุนไห่เก็บเข็มทิศไว้อย่างระมัดระวัง เพราะการจะหาตำแหน่งที่แน่ชัดของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนนั้นยังต้องอาศัยมันอยู่
“ถึงแล้ว? แล้วอยู่ไหน?” จินกุ้ยกวาดตามองซ้ายขวา มองไม่เห็นความแตกต่างของแต่ละแห่งเลยสักนิด
เฝิงคุนไห่ชี้ไปยังผืนนํ้าราบเรียบตรงหน้า “พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนอยู่ข้างใน”
“พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนอยู่กลางแม่นํ้า?” มู่ชิงเกอดวงตาวาวจ้า มองไปที่ผืนนํ้า นึกสงสัยแคลงใจขึ้นมา
ยังดีที่ คนที่สงสัยไม่ได้มีแค่นาง จินกุ้ยก็ขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความเหลืออด “ล้อเล่นอะไรกัน? พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนจะมาอยู่นี่ได้อย่างไร? ข้าไม่รู้สึกถึงความร้อนเลยสักนิด พวกเจ้ารู้สึกแล้วหรือ?”
เขามองไปที่ศิษย์หอหลอมศาสตราคนอื่นๆ ทุกคนส่ายหน้างุนงงเหมือนๆ กัน
“เป็นที่รู้กันทั่ว มีพญาเพลิงอยู่ที่ไหน ต้องมีความร้อนมากกว่าบริเวณรอบๆ อุณหภูมิของที่นี่ เหมือนข้างนอกทุกอย่างจะมีพญาเพลิงได้อย่างไร?” จินกุ้ยเอ่ยความเห็นของตนขึ้นมา ที่เขาพูดมานั้นเป็นเรื่องทั่วไป แต่กลับทำให้ทุกคนเชื่อ สนิททันที
ผู้อาวุโสอีกคนของหอหลอมศาสตรา แสร้งไอขึ้นมา ก่อนจะลุกยืนตรงข้ามเฝิงคุนไห่พลางเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเฝิง เรื่องพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน เป็นท่านกับท่านหัวหน้าดูแลจัดการมาตลอด วันนี้ พวกข้ารับคำสั่งจากท่านหัวหน้าให้มาที่นี่ เพื่อนำพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนกลับหอหลอมศาสตราของเรา หากท่านยังมีสิ่งใด ที่ยังพูดไม่ชัดเจน ไม่สู้พูดให้หมดเลยจะดีกว่า เพื่อป้องกันทุกคนยังไม่เข้าใจแล้วไปทำงานใหญ่เสียโดยไม่มีเจตนา”
เขาพูดจาอ้อมค้อมแต่แสดงท่าทีชัดเจน
จินกุ้ยเห็นมีคนเข้าข้างตนก็เริ่มวางท่ายโสโอหังขึ้นมา เขามองเฝิงคุนไห่ก่อนจะส่งเสียงเฮอะขึ้นมาพลางเอ่ยอย่างถือตัวว่า “ทำไมกันรึ? ผู้อาวุโสเฝิงมีอะไรปิดบัง ซ่อนเร้น หรือมีอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา?”
คำพูดนี้ถือว่าแทงใจดำเข้าแล้ว ศิษย์ของเฝิงคุนไห่เป็นฝ่ายที่ทนไม่ได้ ชักกระบี่ขึ้นมา เมื่อเขาสะบัดดาบมา ติงเหม่าก็ไม่ชักช้า ตะโกนเรียกลูกศิษย์หอหลอมศาสตราที่ชอบคลุกคลีกับเขาให้ทยอยชักดาบขึ้นมาปะทะกับคนของเฝิงคุนไห่
“หยุดให้หมด” เมื่อถึงตอนนี้ เฝิงคุนไห่ก็เอ่ยปากขึ้น ภายในดวงตายาวรีเหมือนเหยี่ยวของเขา เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย เมื่อมองไปที่จินกุยก็แสดงถึงความรังเกียจ อย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่า จินกุ้ยกลับไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่ยิ้มเย็นอย่างไม่พอใจเท่านั้น
เฝิงคุนไห่เอ่ยกับลูกศิษย์ของเขา “เก็บดาบลงไปซะ”
ลูกศิษย์ของเขามีท่าทางไม่ยินยอม แต่ก็ไม่อาจขัดคำของอาจารย์ ได้แต่ข่มความโกรธเก็บดาบลงไป
เมื่อทางเฝิงคุนไห่มีการเคลื่อนไหว จินกุ้ยก็สั่งติงเหม่าอย่างได้ใจ “เก็บดาบลงไปซะ”
“ขอรับ อาจารย์!” ติงเหม่าเอ่ยเสียงดังฟังชัด ท่าทางได้ใจเหมือนไก่ชนที่เพิ่งชนชนะ
เมื่อทั้งสองฝ่ายเก็บดาบลงไปแล้ว บรรยากาศก็ดูผ่อนคลายลง