Skip to content

พลิกปฐพี 153-2

ตอนที่ 153-2

ไข่สองใบ! ก็เอาไปให้หมดเถอะ!

ในที่สุด เฝิงคุนไห่ก็เอ่ยปากขึ้นท่ามกลางการรอคอยของกลุ่มคน “พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนก็อยู่ที่นี่แหละ แต่ที่พวกเจ้าไม่รู้สึกเพราะหนึ่งพญาเพลิงยังอยู่ในระดับแรกเริ่ม ยังคงอ่อนแรงมาก สองคือเพราะยังไม่ถึงเวลา”

“อะไรคือยังไม่ถึงเวลา?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วครุ่นคิด

“อะไรคือยังไม่ถึงเวลา?” จินกุ้ยเอ่ยถาม เป็นการถามข้อสงสัยในใจมู่ชิงเกอเข้าพอดี

เฝิงคุนไห่เงยหน้าขึ้น มองท้องฟ้ายามคํ่าคืนที่มืดมิด บิดริมฝีปากไม่เอ่ยอะไร

เขาทำท่าทางครุ่นคิดลํ้าลึก ยิ่งทำให้จินกุ้ยไม่ชอบใจ สะบัดมือซัดออกไป ประกายแสงสีนํ้าเงินอมม่วงพ่นพรู ออกมาจากมือของเขา มีแรงพลังรุนแรงกระเพื่อมออกมา พัดจนพวกลูกศิษย์พากันเซถอยหลังแล้วล้มลงไป

“อีกนิดเดียวก็จะเข้าไปในเขตพลังขั้นสีม่วง มิน่าติงเหม่าถึงได้ยโส มีอาจารย์เช่นนี้ในแคว้นระดับสอง ก็ถือว่าเป็นหลักให้เขายโสโอหังได้” มู่ชิงเกอหรี่ตาลงพูดในใจ

จินกุ้ยลงมือโจมตีกะทันหัน ชวนให้คนรับมือไม่ทัน

ลำแสงสีนํ้าเงินอมม่วงพุ่งตรงมาที่เฝิงคุนไห่ หากโดนโจมตีเข้าตรงๆ ก็คงลอยกระเด็นจนบาดเจ็บหนักแน่นอน

“อาจารย์!”

บรรดาลูกศิษย์ของเฝิงคุนไห่ร้องขึ้นด้วยความตกใจ

เฝิงคุนไห่กลับไม่ได้ลนลาน เขาไม่สนใจพลังที่ส่งแรงบีบมาทางเขาเลยแม้แต่น้อย

และในขณะที่การโจมตีจากจินกุ้ยจะมาถึงตัวเขา ก็เห็นเพียงเฝิงคุนไห่พลิกมือ โล่ลักษณะคล้ายเกราะสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ นิ้วมือทั้งห้าของเขาผลัก ‘เกราะสายฟ้า’ ให้หมุนวนไปมา แสงสีครามเข้มพุ่งเป็นสายออกมาจากเกราะสายฟ้า ก่อนจะแผ่กระจายไปรอบข้าง เกิดเป็นคลื่นโปร่งแสงโอบล้อมป้องกันเฝิงคุนไห่ไว้แน่นหนา

ลำแสงสีนํ้าเงินอมม่วงพุ่งกระแทกเข้ากับโล่โปร่งแสงอย่างแรง

โล่แสงขยับเคลื่อนเพียงเล็กน้อย แต่ลำแสงสีนํ้าเงินอมม่วงนั้นกลับหายไปจากด้านบน

“ของวิเศษ!” มู่ชิงเกอดวงตาเป็นประกาย เมื่อมองกระดองเต่านั้น ก็เกิดความร้อนวูบวาบในใจ

อาวุธที่นางหลอมสร้างขึ้นมา ส่วนใหญ่เน้นการโจมตีเป็นหลัก

เพราะนางเห็นว่าการโจมตีเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดมาตลอด แต่ว่า เมื่อเห็นกระดองเต่าของเฝิงคุนไห่วันนี้แล้วกลับทำให้นางคิดบางอย่างขึ้นมาได้อีกหลาย ประการ

บางครา อาวุธที่นางสร้างขึ้นในภายภาคหน้าก็อาจจะสามารถทำได้ไปถึงการป้องกันหรือเปลี่ยนแปรเป็นเกราะปกป้องได้

จินกุ้ยเห็นว่าการโจมตีของตนโดนเฝิงคุนไห่ทำลายลงได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาก็หรี่เพ่งลง ก่อนจะใช้พลังกระบวนท่าต่อไป

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่ยืนรอบๆ เห็นเขาเคลื่อนตัว ก็รีบเดินออกมา ขวางกลางระหว่างสองคน ห้ามไม่ให้ทั้งสองคนเปิดศึกขึ้น

“ผู้อาวุโสจิน มีอะไรก็พูดกันดีๆ”

“ผู้อาวุโสเฝิงอย่าได้ลุแก่โทสะ!”

ผู้อาวุโสสองคนแยกกันไปพูดกับคนทั้งสอง แววตาดุร้ายของจินกุ้ยเป็นประกาย ครู่หนึ่ง จึงได้พ่นลมส่งเสียง ฮึ ออกมา ก่อนจะไพล่มือไปด้านหลัง เมื่อเห็นเขาหยุดมือ ผู้อาวุโสที่มาห้ามการวิวาทก็ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะเห็นเฝิงคุนไห่ที่เยือกเย็นลงเก็บ ‘กระดองเต่า’ ลงไป แสดงท่าทีชัดเจน

การหยุดการวิวาทของทั้งสองคน ทำให้บรรยากาศเคร่งเครียดผ่อนคลายลง

ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยกับเฝิงคุนไห่ว่า “ผู้อาวุโสเฝิง อะไรคือเรียกว่ายังไม่ถึงเวลากันแน่? ยาแก้พิษที่พวกเราเตรียมมาไม่ได้มากมาย หากมามัวติดอยู่ที่นี่ เกรงว่าจะ มีปัญหาตอนขากลับ”

เฝิงคุนไห่ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้อยากเข้ามารวดเร็วเช่นนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เป็นเพราะคนของสำนักหมื่นอสูรที่จู่ๆ ก็โผล่มาอย่างไม่มีสาเหตุจึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหรอกหรือ?

เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ในสายตาคนส่วนใหญ่ เต็มไปด้วยความสงสัยและหวาดระแวง

หากเขายังคงเงียบต่อไปเกรงว่าหากพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนยังไม่ทันปรากฏ พวกเขาก็คงได้สังหารกันตายเองเสียก่อน

“พญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนอยู่ด้าานล่างนี้จริงๆ แต่พวกเรายังลงไปไม่ได้ ต้องรอถึงเค่อที่สามของยามอิ๋น เมื่อถึงเวลา ทางเดินไปถึงจุดที่ซ่อนของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนก็จะเปิดออก พวกเราก็เข้าไปในนั้นได้”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” มู่ชิงเกอเข้าใจกระจ่างแจ้งทันที

เริ่มคำนวณเวลาเงียบๆ ในใจ ตอนนี้ห่างจากยามอิ๋นก็ราวหนึ่งชั่วยามกว่าๆ

เมื่อเป็นเช่นนี้ นางเข้าไปรอในช่องว่างก่อนจะดีกว่า

เมื่อตัดสินใจเช่นนี้ ร่างของมู่ชิงเกอหายวัยไป เข้าไปในช่องว่างทันที

เมื่อเหยียบเข้าดินแดนช่องว่างนางก็ตะโกนขึ้น “เหมิงเหมิง”

เด็กสาวร่างเจ้าเนื้อก็กระโดดมาปรากฏตัวต่อหน้านาง กะพริบตาโตๆ เอ่ยอย่างไร้เดียงสา “เจ้านาย มีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ?”

มู่ชิงเกอลูบคางก่อนจะหรี่ตาเอ่ยว่า “มีวิธีอะไรให้ข้าที่นั่งอยู่ในช่องว่างแล้วสามารถเห็นความเคลื่อนไหวภายนอกได้บ้างไหม? ”

เหมิงเหมิงลูบเส้นผมก่อนจะดีดนิ้วเอ่ยว่า “มี!”

“ว่ามา!” คำตอบนี้ทำเอามู่ชิงเกอตาเป็นประกายราวกับดวงดาวในท้องฟ้า

เหมิงเหมิงไม่ได้พูดอะไร แต่กลับก้มหน้าลงควานหาสิ่งของในชุดเอี๊ยมไปมา

มู่ชิงเกอมองนางหยิบของหน้าตาแปลกประหลาดออกมาจากกระเป๋าชุดเอี๊ยมอย่างตกตะลึง เพียงครู่เดียวของพวกนั้นก็กองสูงจนเลยครึ่งตัวของเหมิงเหมิงไป

“นี่มัน…กระเป๋าของวิเศษของโดเรม่อนรึไง?” มู่ชิงเกอเอ่ยเบาๆ อย่างงุนงง

“หาเจอแล้ว!” ในขณะที่มู่ชิงเกอกำลังตกตะลึง เหมิงเหมิงก็หยิบกระจกลักษณะธรรมดาๆ ออกมา

ที่ว่าธรรมดานั่นก็เพราะมู่ชิงเกอหาคำบรรยายที่ใกล้เคียงกว่านี้ไม่ได้

เพราะกระจกทรงกลมนี้ มีแค่กรอบไม้ ไม่มีการประดับตกแต่ง ไม่มีการสลักลวดลายอะไร

“นี่ เจ้านาย” เหมิงเหมิงใช้มือสองข้างประคองส่งให้ราวส่งมอบของสำคัญ

มู่ชิงเกอรับมา ก่อนจะมองอย่างละเอียด อาศัยจังหวะนี้ เหมิงเหมิงก็เก็บของที่ค้นออกมากลับเข้าไป

เมื่อรอนางเก็บของเสร็จ มู่ชิงเกอก็เอ่ยว่า “แล้วนี่ใช้ยังไง?”

เหมิงเหมิงเอ่ยว่า “เจ้านายแค่ใส่พลังวิญญาณเข้าไปด้านใน คิดถึงคนหรือที่ๆ อยากจะเห็นก็พอแล้ว”

“จะไม่โดนจับได้นะ?” มู่ชิงเกอมองนางอย่างแคลงใจ เหมิงเหมิงแสร้งโมโห ท้าวเอวเอ่ยขึ้นเคือง “เจ้านาย จะมาสงสัยข้าไม่ได้นะ!”

“เอาล่ะๆ ข้าจะลองดู” มู่ชิงเกอสงบจิตตั้งใจ ก่อนจะถ่ายพลังวิญญาณเข้าในกระจก

เพียงพริบตา พลังวิญญาณสีม่วงก็ปกคลุมรอบกระจก ดีดตัวออกจากมือมู่ชิงเกอ ลอยขึ้นกลางอากาศ

มู่ชิงเกอนึกภาพคนของหอหลอมศาสตราภายนอก เพียงครู่เดียว ในกระจกก็มีภาพรางเลือนปรากฏขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภายในไม่เพียงแค่เห็น ภาพที่เกิดขึ้นในแม่นํ้า ซ้ำยังเห็นสีหน้าของเหล่าศิษย์ของหอหลอมศาสตราได้อย่างชัดเจน

ราวกับว่ามู่ชิงเกอยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา

“มหัศจรรย์จริงๆ!” มู่ชิงเกอถอนใจ

ไม่ต้องถาม ของวิเศษนี้เป็นของในช่องว่างนี้แน่นอน

ยิ่งเข้าใจช่องว่างนี้มากเพียงใด นางก็ยิ่งรู้สึกว่าที่นี่เหมือนเป็นคลังของลํ้าค่า!

ใช้ช่องว่างที่ทำได้เพียงเก็บของของนางอันก่อนแลกเป็นช่องว่างที่ราวกับโลกใบเล็กๆ อันนี้ ถือว่าได้กำไรหลายเท่าทีเดียว!

กระจกเหมือนเป็นดวงตาของมู่ชิงเกอ เปลี่ยนมุมมองไปตามการเคลื่อนไหวของดวงตานาง สามารถปรับเปลี่ยนได้เรื่อยๆ เพื่อเห็นในมุมที่ต่างออกไป

เมื่อมองไปรอบหนึ่ง มู่ชิงเกอก็ค้นพบปัญหาขึ้นมา “เหตุใดจึงไม่ได้ยินเสียง?”

เหมิงเหมิงเอ่ย “ก็เรื่องปกตินี่เจ้าคะ ของวิเศษนี่มีเอาไว้ใช้มอง ถ้าเจ้านายไม่พอใจ รอให้ท่านเป็นนักหลอมอาวุธระดับเทวะเสียก่อน ก็ค่อยสร้างขึ้นใหม่ให้มัน

สามารถดักฟังได้ด้วย”

ระดับเทวะ!

มู่ชิงเกอยกยิ้มมุมปาก

ตอนนี้นางทำได้แค่สร้างอาวุธระดับธรรมดา เมื่อไหร่ถึงจะเป็นนักหลอมอาวุธระดับเทวะได้กันเล่า?

ราวกับได้ยินเสียงในใจของนาง เหมิงเหมิงเบ้ปาก “เจ้านายมีเรื่องวุ่นวายมากไป หากตั้งใจฝึกฝนสักปี ต้องเลื่อนถึงระดับเทวะได้แน่นอน”

“นั่นสิ ข้ามีเรื่องราววุ่นวายมากเกินไป” มู่ชิงเกอเอ่ย พลางถอนใจ

นางอยากจะเลื่อนขั้นพลังวิญญาณของนาง ไม่อยากจะให้การเพิ่มความสามารถต้องขาดตอน แล้วยังต้องไปโลกยุคกลางในอีกห้าปี ตามหาตระกูลเล่อให้พบ กำจัดอุปสรรคนี้ให้สิ้นซาก แล้วยังต้องไปช่วยฟ่งอวี๋เฟยตามหามู่ยี่ของนางอีก แล้วยัง……….

ดวงตามู่ชิงเกอเคร่งขรึม

นางยังต้องตามหาตระกูลซาง นางต้องสืบเรื่องการหายตัวไปของท่านแม่ให้กระจ่าง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version