ตอนที่ 154-4
ถูกพ่นออกมาแล้ว!
บนแม่นํ้าไร้พรมแดน ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ปากทางเข้าก็ค่อยๆ สงบลง ดูเหมือนอีกไม่นาน ทางเข้าก็จะถูกปิดลง
คนของสำนักหมื่นอสูรและหอหลอมศาสตรา ต่อสู้กันมาครึ่งคืน บาดเจ็บล้มตายนั้นไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้คนที่ยังมีแรงต่อสู้นั้น ก็เหนื่อยอ่อนมากแล้ว แต่เดิมคนของสองกลุ่มรวมกันนั้นมีเกือบสองร้อยกว่าคน ตอนนี้เหลือแค่เพียงประมาณร้อยกว่า กำลังคนของทั้งสองฝ่าย สูญหายกันไปเกือบครึ่ง แน่นอนว่าฝ่ายที่สูญเสียหนักมากที่สุดนั้น เป็นฝ่ายที่กำลังเป็นรองอย่างหอหลอมศาสตรา เพราะว่าสำนักหมื่นอสูรนั้นมีอสูรวิญญาณช่วยเหลือ จึงสามารถรักษาจำนวนคนที่เหลือไว้ได้มากหน่อย
ยุทธภัณฑ์ในมือของเฝิงคุนไห่กับไม้เท้ากระดูกของเฮยมู่ปะทะกัน เกิดเป็นคลื่นนํ้ากระเพื่อมแผ่กระจาย พัดจนคนที่อยู่ใกล้ลอยกระเด็นออกไป
แต่ว่ากำลังของเฝิงคุนไห่นั้นไม่เท่าเฮยมู่ จึงถูกกำลังสะท้อนเข้าที่หน้าอก ทำให้เลือดซึมที่มุมปาก
“เฮยมู่ พวกเจ้าสำนักหมื่นอสูรฝึกฝนเลี้ยงดูอสูรวิญญาณ มาแย่งพญาเพลิงระดับฮุ้นหยวนไปทำไม? ครั้งนี้หากเจ้ายอมปล่อยไป รอข้ากลับถึงหอหลอม ศาสตราจะต้องรายงานให้ประมุขหอทราบ ให้เขามอบรางวัลแก่สำนักหมื่นอสูรของพวกเจ้าเป็นการตอบแทน แต่หากว่าเจ้ายังฝืนต่อสู้กันไปอย่างนี้ต่อ ข้าและเจ้าทั้งสองฝ่ายล้วนไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่!” เฝิงคุนไห่กัดฟันเอ่ยออกมา
ถ้าหากไม่ใช่เพราะการสูญเสียมากมายจนเกินไป เขาก็จะไม่ยอมประนีประนอมอย่างเด็ดขาด
ใครจะรู้ว่าเมื่อประโยคนี้ของเขาหลุดออกไป เฮยมู่ก็เอ่ยสวนกลับมาในทันที “ใครต้องการพญาเพลิงระดับฮุ้นหยวนอะไรนั้นกัน? พวกเรามาหาอสูรวิญญาณ จากนอกด่าน! เป็นพวกเจ้าหอหลอมศาสตราต่างหากที่มาวุ่นวาย? พวกเจ้าที่หลอมศาสตรามาหาอสูรวิญญาณไปทำไม?”
“พวกเราจะต้องการอสูรวิญญาณอะไรกันเล่า!”
เดี๋ยวก่อน!
เดี๋ยวก่อน!
เฝิงคุนไห่และเฮยมู่ชะงักพร้อมกัน ใบหน้าอันแก่ชราของทั้งสองมองกันอย่างงงงวย ค้างอยู่กับที่
“เจ้าพูดว่าพวกเจ้าต้องการอะไรนะ?” เฝิงคุนไห่ที่ได้สติก่อนเอ่ยถามออกมา
ในใจของเฮยมู่ได้คาดการไว้แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “ประมุขของพวกเราดูชะตาฟ้า พบเห็นว่ามีอสูรวิญญาณเกิดอยู่ในแม่นํ้าไร้พรมแดน จึงส่งให้พวกเรามาหา”
“ประมุขของพวกเราก็คำนวณได้ว่ามีพญาเพลิงเกิดขึ้นที่นี่ เป็นโอกาสของพวกเราหอหลอมศาสตรา ดังนั้นจึงส่งพวกเราออกมาเพื่อนำมันกลับไป” เฝิงคุนไห่เอ่ย
ทั้งสองคนล้วนแล้วแต่รู้ว่าในคำพูดของพวกเขานั้นมีอะไรปิดบังอยู่ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคแก่การรู้ข้อเท็จจริงของพวกเขา
“หยุดมือ!” เฮยมู่ตะโกนก้องในทันที
เฝิงคุนไห่ก็รีบร้องตะโกน “คนของหอหลอมศาสตราหยุดมือ”
ผู้นำของทั้งสองฝ่ายสั่งให้หยุด คนของทั้งสองฝ่ายต่างก็หยุดลงอย่างแปลกใจ
เพียงแต่ว่า แววตาที่จ้องมองกันนั้นล้วนเต็มไปด้วยความแค้น
เงาร่างของจินกุ้ยวาบมาด้านข้างของเฝิงคุนไห่ เอ่ยถาม “เหตุใดถึงได้หยุดอย่างกะทันหัน?”
คำถามของเขาก็แสดงถึงเสียงในใจของหอหลอมศาสตราทุกคน
เฝิงคุนไห่ขบริมฝีปากไปมา กัดฟันเอ่ยว่า “เข้าใจผิดแล้ว”
เฮยมู่เองก็มีสีหน้าดำทะมึนหันไปเอ่ยกับศิษย์ของสำนักหมื่นอสูร “เกิดการเข้าใจผิดกัน”
เข้าใจผิด?
หมายความว่าอย่างไร?
ไม่ว่าจะเป็นคนของสำนักหมื่นอสูร หรือว่าคนของหอหลอมศาสตรา ก็ล้วนแต่มึนงง
จินกุ้ยขมวดคิ้วขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าดำคลํ้าว่า “เฝิงคุนไห่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” ต่อสู้กันมาตั้งนาน สูญเสียไปตั้งมากมาย สุดท้ายมาบอกเขาว่าเข้าใจผิดอย่างนั้น หรือ?
สีหน้าของเฝิงคุนไห่ก็ไม่ได้น่าดูเท่าไหร่นัก ครั้งนี้เขารับผิดชอบทุกอย่าง กลับเกิดความสูญเลียมากมาย กลับไปแล้วเขาก็ไม่รู้จะชดใช้อย่างไรดี
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของจินกุ้ย เฝิงคุนไห่จึงทำได้เพียงแต่ตอบไปอย่างกระด้างว่า “ของที่พวกเราทั้งสองฝ่ายต้องการนั้นไม่ใช่อย่างเดียวกัน!”
เฮยมู่ก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่ดำทะมึนเช่นกันว่า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
ทำเรื่องอะไรกันเนี่ย?!
ต่อสู้กันมาตั้งนาน สุดท้ายมาบอกพวกเขาว่าต่อสู้เพราะเข้าใจผิด? ทุกคนต้องจับมือสงบศึกกัน?
จินกุ้ยสบถออกมาอย่างเย็นชา “ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ว่าตอนนี้สำนักหมื่นอสูรก็ฆ่าศิษย์ของหอหลอมศาสตราไปไม่น้อย หรือจะให้ปล่อยไปเช่นนี้?” พูดไป นัยน์ตาของเขาก็กวาดตามองคนของสำนักหมื่นอสูรอย่างอำมหิต
ทันใดนั้น เขาก็ค้นพบว่ามองไม่เห็นเงาร่างของติงเหม่า จึงรีบร้องตะโกนเรียก “ติงเหม่า! ติงเหม่า!”
น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบ
“น่าตายนัก!” เมื่อคิดถึงอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นไปได้ ภายในดวงตาเล็กดุจถั่วเขียวของจินกุ้ยก็ฉายแววว้าวุ่นใจ
ไม่มีใครรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงที่เขาเอาใจใส่ติงเหม่ามากถึงขนาดนี้
ที่แท้แล้ว ติงเหม่านั้นเป็นลูกชายนอกสมรสของเขา!
ถึงแม้จะเป็นลูกชายนอกสมรส แต่ว่าติงเหม่าก็เป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของเขา หากว่าติงเหม่าตายแล้ว สายเลือดของเขาก็คงต้องสิ้นสุดลงอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เป็นใคร? ใครในพวกเจ้าที่ฆ่าศิษย์ของข้า?” จินกุ้ยเอ่ยอย่างแค้นเคือง
ดวงตาที่อำมหิตมองไปยังคนของสำนักหมื่นอสูรที่อยู่ตรงกันข้าม เหมือนกับว่าทุกคนล้วนเป็นศัตรูที่ฆ่าลูกชายของเขา
ท่าทางที่ดูดุร้ายของเขา ทำให้เฮยมู่ไม่พอใจ ขมวดคิ้วแล้วสบถออกมา “พวกเราคนของสำนักหมื่นอสูรกับอสูรวิญญาณก็สูญเสียไปไม่น้อย อย่างมากก็คือหายกัน ไป”
“หายกันไป? ชีวิตของลูกศิษย์เหล่านั้นของเจ้าจะมาเทียบกับลูกศิษย์ของข้าได้อย่างไร?” จินกุ้ยเอ่ยออกมาอย่างแข็งกร้าว ท่าทางเช่นนั้น ดูเหมือนพร้อมที่จะเริ่ม ศึกใหม่ได้ตลอดเวลา
ท่าทีของเขาทำให้เฮยมู่เริ่มโกรธขึ้น
แต่เดิมการต่อสู้ในครั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่บังเอิญและน่าอับอายมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีคนมาถามหาความรับผิดชอบจากเขาอีก? พูดง่ายๆ ว่า ถามหาความตาย เมื่อมองเห็นสงครามระหว่างคนทั้งสองกำลังจะปะทุขึ้น เฝิงคุนไห่ก็กระโดดออกมาในทันใด ยืนอยู่ระหว่างกลางของทั้งสองคน แล้วก็เอ่ยห้าม “ท่านทั้งสองอย่าเพิ่งได้โมโหกันไป เรื่องก่อนหน้าในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด แต่ว่าก็ทำให้ลูกศิษย์สูญเสียไปไม่น้อย เรื่องนี้แน่นอนว่าไม่อาจจะหายกันไปเพียงแค่นี้ได้ แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้กัน ภารกิจนั้นเร่งด่วน พวกเราต้องร่วมแรงกันทำภารกิจให้สำเร็จก่อน หลังจากกลับไปส่งภารกิจแล้ว ค่อยมาตกลงถึงวิธีแก้ไขเรื่องนี้กัน’’ คำพูดของเขานั้น เฮยมู่ยังพอฟังได้
แต่ว่า ในใจของจินกุ้ยนั้นกังวลเรื่องติงเหม่า จึงไม่ยินยอม “ไม่ได้ หากหาติงเหม่าไม่พบ ข้าก็จะให้คนของสำนักหมื่นอสูรตายตามไป!”
“พูดจาใหญ่โตอวดเก่งยิ่งนัก!” นัยน์ตาของเฮยมู่จ้องมา เพิ่มแรงกดดัน
ระดับการฝึกพลังของเขาสูงกว่าจินกุ้ย เพียงครู่เดียวก็ ทำให้จินกุ้ยหัวใจสั่น
จินกุ้ยหน้าซีดอย่างตกตะลึงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กุมหน้าอกจ้องมองเฮยมู่
เฮยมู่สบถออกมาอย่างเย็นชา “เมื่อก่อนที่ข้าไม่ได้ลงมือรุนแรงหวังฆ่าเพราะว่าเห็นแก่หน้าของประมุขหอหลอมศาสตรา แต่หากว่ายังวุ่นวายไม่ยอมจบ ก็อย่า โทษว่าข้าไม่ยั้งมือไว้ใมตรี!”
จินกุ้ยหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเฒ่า เจ้าก็อย่าเพิ่งได้ใจไป พูดอ้างเสียดูดีมีคุณธรรม ไม่ผิด ระดับการฝึกพลังของเจ้าสูงกว่าข้า แต่หากข้าพยายาม สุดความสามารถ เจ้าก็ไม่อาจจะเหนือกว่า ไม่เชื่อพวกเราก็มาต่อสู้กันดูสักตั้ง!”
“ผู้อาวุโสจินอย่าได้วู่วามไป!” เฝิงคุนไห่เอ่ยห้ามปราม จินกุ้ยจ้องมองเขาอย่างรังเกียจ “เจ้าหุบปาก! ล้วนแต่เป็นเพราะเจ้าที่นำกลุ่มมา!”
นํ้าเสียงที่เต็มไปด้วยความโมโห ทำให้เฝิงคุนไห่ไร้คำพูดที่จะกล่าว นัยน์ตามีแววเยียบเย็นซ่อนอยู่
วันนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ แต่ว่าสาเหตุก็เป็นเพราะบังเอิญจนเกินไป ใครจะรู้ว่าของที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายต้องการ กลับมาอยู่ในที่ๆเดียวกันได้ แน่นอนว่าพอไม่ได้พูดให้ชัดเจน ก็ต้องเข้าใจผิดกันเป็นธรรมดา
เฝิงคุนไห่เชื่อว่า หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็ต้องมีผลลัพธ์เช่นนี้เหมือนกัน
ทันใดนั้น พื้นดินก็สั่นสะเทือน ปากทางเข้าบนแม่นํ้าไร้พรมแดนก็พลันหายไป
ของบางอย่างถูกพ่นออกมาจากแม่นํ้า ตกอยู่ตรงหน้าของทุกคน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” มีคนเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึง เฝิงคุนไห่และเฮยมู่เป็นคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าใคร เอ่ยพร้อมกันว่า “ทางเข้าถูกปิดแล้ว ของทุกอย่าง ที่ไม่ได้เป็นของด้านในจะถูกพ่นออกมา!”
มองไปที่ของที่ถูกพ่นออกมา กลับเป็นนายน้อยของสำนักหมื่นอสูร ทั้งยังมีอสูรวิญญาณของเขา แล้วก็มีคนอีกคน
“ติงเหม่า!” จินกุ้ยหลุดเสียงร้องตะโกนออกมา พุ่งเข้าไปที่ร่างของติงเหม่า
ร่างของติงเหม่าถูกอสูรวิญญาณกัดจนขาดแหว่งอย่างอนาถ ทั้งยังมีไท่สื่อเกาที่นอนอยู่ด้านข้าง จินกุ้ยดวงตาแดงฉาน รวมพลังจิตที่ฝ่ามือ ตวัดไปที่ไท่สื่อเกา
“ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้น…!”
“อย่ามาอวดดี!” ในใจของเฮยมู่ตกใจขึ้น ตวัดฝ่ามือเข้าไป พลังสองสายหายไปตรงหน้าของไท่สื่อเกา
จากนั้น เฮยมู่ก็หายตัวไปอยู่ตรงหน้าของไท่สื่อเกา มองไปทางอสูรวิญญาณข้างกายของเขาที่ตายอย่างอนาถ แวบหนึ่ง รีบพยุงไท่สื่อเกาขึ้นมาร้องเรียก “นายน้อย? นายน้อย?”
ไท่สื่อเกาที่เดิมทีควรจะตายไปแล้ว เมื่ออยู่ภายใต้การเรียกของเฮยมู่ก็ไอและค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้คนของหอหลอมศาสตรา ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เมื่อครู่ พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้รู้สึกถึงลมหายใจของไท่สื่อเกาเลย
ไท่สื่อเกาที่ฟื้นขึ้นมา หายใจอีกสองสามครั้ง เอ่ยอย่างอ่อนแรงออกมาว่า “เกือบไปแล้ว ดีนะที่ข้าใช่วิชาลมหายใจเต่าของสำนักเราได้ทัน สามารถรอดออกมาได้ ผู้อาวุโสเฮย ท่านต้องล้างแค้นให้กับข้า!”
เฮยมู่ถามอย่างเคร่งขรึม “นายน้อย เป็นใครที่ทำให้ท่านบาดเจ็บ?”
จินกุ้ยก็เอ่ยถามในตอนนี้เช่นกัน “เป็นเจ้าที่ฆ่าลูกศิษย์ของข้า!”
สายตาของไท่สื่อเกามองไปทางแขนขาที่ขาดบนร่างกายของติงเหม่าแล้วก็เอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “ข้ายอมรับว่าสั่งให้อสูรวิญญาณกัดมือและขาของเขาให้ขาด แต่คนคนนั้นข้าไม่ได้ฆ่า ด้านในยังมีอีกคน เป็นศิษย์ของพวกเจ้าหอหลอมศาสตรา เขาเอาของทั้งหมดไป”
“อะไรนะ!”
ทุกคนตกตะลึง
เฝิงคุนไห่กวาดสายตาเสาะหาในทันที แต่กลับไม่เห็นคนที่น่าสงสัย
จินกุ้ยกลับเอ่ยออกมาในทันใด “กล้าฆ่าติงเหม่าก็ต้องไม่ใช่คนของหอหลอมศาสตราอย่างแน่นอน ต้องมีคนสวมรอยเข้ามา!”
คำพูดนี้หลุดออกไป ทำให้ทุกคนยิ่งตกตะลึง
เฝิงคุนไห่เอ่ยออกมาทันที “ไม่ว่าจะเป็นใคร หลังจากทางเข้าปิดแล้ว ก็ล้วนต้องถูกพ่นออกมา เขาจะต้องยังอยู่ในแม่นํ้าไร้พรมแดนอย่างแน่นอน พวกเรารีบค้นหา จะต้องหาตัวเขาออกมาให้ได้!”
นํ้าเสียงของเขาดูดุดันเป็นอย่างมาก เหมือนจะผลักเอาความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งภารกิจที่ล้มเหลวไปให้เป็นความรับผิดชอบของมู่ชิงเกอ