ตอนที่ 154-3
ถูกพ่นออกมาแล้ว!
มู่ชิงเกอเดินไปถึงด้านข้างของไท่สื่อเกา เอื้อมมือไปดึงกระเป๋าที่อยู่ข้างเอวของเขาเข้ามาไว้ในมือ แล้วก็ลบจิตวิญญาณบนนั้นต่อหน้าเขา
“อ๊าก!” จิตวิญญาณถูกลบไป ไท่สื่อเกาก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
ความรู้สึกเช่นนี้ ดุจดั่งถูกเข็มแทงเข้ามาในหัวอย่างไรอย่างนั้น
มู่ชิงเกอไม่สนใจในความเจ็บปวดของไท่สื่อเกา เอาจิตวิญญาณของตัวเองเข้าไปภายในถุง เพียงแต่ผลลัพธ์ ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เดิมนางคิดว่าไท่สื่อเกามีสถานะเป็นนายน้อยของสำนักหมื่นอสูร ก็น่าจะมีอสูรวิญญาณมากมายถึงจะถูก คิดไม่ถึงเลยว่า ภายในนั้นนอกจากขลุ่ยรูปร่างประหลาดเหมือนกระดูกของสัตว์แล้ว ก็ไม่มีอะไรอีกเลย นางกลับไม่รู้เลยว่าเพื่อการเดินทางในครั้งนี้ ไท่สื่อเกาตั้งใจยกเลิกพันธสัญญากับอสูรวิญญาณตัวอื่นๆโดยเฉพาะ เพื่อจะได้เหลือจิตวิญญาณเพียงพอสำหรับใช้ในวันนี้
“นี่คืออะไร?” มู่ชิงเกอส่ายขลุ่ยในมือไปมา เอ่ยถามไท่สื่อเกา
เมื่อมองเห็นขลุ่ยอันนั้น สีหน้าของไท่สื่อเกาก็ซีดขาว ปิดปากสนิทไม่เอ่ยสักคำ
“ไม่พูด?” นำเสียงของมู่ชิงเกอดูหยอกเย้าขึ้นมา ไท่สื่อเการู้สึกเหมือนกระดูกสันหลังเย็นเฉียบ หลุดพูดออกมา “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
มู่ชิงเกอกลับไม่ได้ตอบเขา เหลือบมองไปที่หมาป่าไร้หัว ที่กองอยู่บนพื้น การเหลือบมองในครั้งนี้ ทำให้ไท่สื่อเกาหวาดกลัวตกใจมาก เขารีบเอ่ย “ข้าพูด ข้าพูดแล้ว” กลัวว่าหากช้าไปสักนิด บทสรุปของหมาป่าวายุคงจะกลายเป็นตัวเอง
“นี่เป็นขลุ่ยอสูร เป่ามันแล้วสามารถควบคุมอสูรวิญญาณที่อยู่ใกล้เคียงได้ชั่วคราว” เมื่อไท่สื่อเกาพูดจบ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวมากยิ่งขึ้น ขลุ่ยอสูรเป็นสมบัติของสำนักหมื่นอสูร เพราะว่าเขาเป็นนายน้อยของสำนัก ถึงได้มีมันไว้อยู่กับตัว ตอนนี้กลับถูกคนยึดไป ทั้งยังรู้ถึงวิธีการใช้งานมันอีก ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าขลุ่ยอสูรยิ่งไกลออกห่างเขาไปมากขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้าปล่อยข้าไป แล้วก็เอาขลุ่ยอสูรคืนมาให้ข้า ข้าจะมอบรางวัลที่ไม่สามารถจินตนาการถึงได้ให้แก่เจ้า ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง หรือว่าอสูรวิญญาณ ข้าล้วนแต่จะมอบให้เจ้า!” ไท่สื่อเกาเอ่ยออกมาในทันใด
ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะใช้อีกวิธีหนึ่งหว่านล้อมให้มู่ชิงเกอปล่อยตนเอง
ยังไม่ทันได้ต่อสู้ เขาก็รู้แล้วว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อกรของมู่ชิงเกอ และอีกอย่าง เขาในตอนนี้ไม่มีอสูรวิญญาณเลย
มู่ชิงเกอค่อยๆ ส่ายหน้า “ข้าปฏิเสธ”
“เพราะเหตุใด? ข้อเสนอที่ดีเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงปฏิเสธ? หากเจ้าฆ่าข้า ทั้งยังยึดขลุ่ยอสูรไป ก็จะต้องถูกคนของสำนักหมื่นอสูรไล่ตามฆ่าไม่หยุด นี่มีอะไรที่ เป็นประโยชน์แก่เจ้า?” ไท่สื่อเกายังคงพยายามหว่านล้อมมู่ชิงเกอสุดความสามารถ มู่ชิงเกอกลับเอ่ยตอบออกมาว่า “แต่ว่า ถึงยังไงเจ้ายังอยากจะแย่งของๆ ข้า”
อะไรเรียกว่าข้ายังอยากจะแย่งของๆ เจ้า? เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าที่แย่งของๆ ข้าน่ะ!
ไท่สื่อเกาโมโหจนแทบจะกระอักเลือด แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธต่อหน้า
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความโกรธของตัวเอง เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ข้าไม่แย่ง จะไม่แย่งอย่างแน่นอน แค่เพียงเจ้าปล่อยข้าไป ข้าก็จะพาคนของสำนัก หมื่นอสูรจากไปในทันที จะไม่ทำให้เจ้าลำบากอย่างแน่นอน”
เมื่อข้อเสนอเช่นนี้เอ่ยออกไป บวกกับคำสัญญาก่อนหน้านี้อีก ไท่สื่อเกาคิดว่า แม้แต่คนที่ใจแข็งดั่งเหล็กก็ต้องใจอ่อน
แต่ว่า ในขณะที่เขากำลังรอคำตอบจากมู่ชิงเกออย่างมีความหวังนั้น นางก็ยังคงส่ายหน้า ความรู้สึกที่เหมือนถูกกลั่นแกล้ง กระทบเข้าไปในหัวใจของไท่สื่อเกา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรืออาย “เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
ริมฝีปากของมู่ชิงเกอแสยะยิ้มออกมา “เพื่อป้องกันความวุ่นวายในภายภาคหน้า ข้าคิดว่าควรจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสองคน” เมื่อพูดจบ ก็ไม่รอปฏิกิริยาตอบสนองของไท่สื่อเกา นางฟาดฝ่ามือไปที่เส้นชีพจรหัวใจของไท่สื่อเกา ร่างของไท่สื่อเกาลอยออกไป ชนเข้ากับแท่นสูงด้านหลังอย่างรุนแรง ทั้งยังถูกแท่นสูงกระแทกกลับออกมา ตกลงบนพื้น หมดลมหายใจ
‘แค่นี้ก็ตายแล้ว?’ มู่ชิงเกอมองลงไปยังไท่สื่อเกาที่กระอักเลือดออกจากปากกองอยู่บนพื้นแล้วก็ขมวดคิ้ว
นายน้อยของสำนักหมื่นอสูร ดูเหมือนจะตายง่ายไปเสียหน่อย
มู่ชิงเกอรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อ นางเดินไปข้างหน้า ย่อกายลงไป ตรวจลมหายใจของเขา ทั้งยังตรวจจับชีพจร ไม่มีลมหายใจและชีพจรไม่เต้น
“ตายแล้วจริงๆ?” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างประหลาดใจ ฝ่ามือของนางเมื่อครู่ แน่นอนว่าโดนเส้นชีพจรหัวใจของไท่สื่อเกาจริง ๆ แต่ว่าแรงที่ใช้ไปนั้น นางมั่นใจว่าไม่มีทางเอาชีวิตของไท่สื่อเกาอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่น่าจะตายไวขนาดนี้ แต่ว่า ไท่สื่อเกาก็ตายไปแล้วจริงๆ จากมุมมองของแพทย์ก็สามารถกล่าวได้ว่า เขาได้เสียชีวิตลงไปแล้ว มู่ชิงเกอค่อยๆ ยืนขึ้น สายตาก็ยังคงไม่ถอนออกจากร่าง ของไท่สื่อเกาเหมือนเดิม
ในเวลานั้นเอง ด้านหลังของมู่ชิงเกอก็เกิดเสียงเบาๆ นางหันกลับไปมอง ก็ขมวดคิ้วชั่วขณะ
คิดไม่ถึงว่า ติงเหม่าจะดวงแข็งขนาดนี้ ได้รับบาดเจ็บหนัก เสียเลือดไปตั้งมากมาย แต่ยังสามารถฟื้นขึ้นมาได้อีก
เมื่อเทียบระหว่างไท่สื่อเกาและติงเหม่าแล้วแน่นอนว่า คนหลังมีความแค้นกับมู่ชิงเกอมากกว่า
มู่ชิงเกอเดินไปด้านข้างของติงเหม่า เงาร่างของนางคลุมทับไปที่ตัวของติงเหม่า ติงเหม่าลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก่อนเห็นว่ามีคนยืนอยู่ตรงหน้าของตนเอง เริ่มแรก เขายังคิดว่าเป็นไท่สื่อเกา หวาดกลัวจนหดตัวถอยไป ไม่ระวังไปโดนบาดแผล เจ็บจนเขาม้วนตัวกลิ้ง
รอจนดวงตาของเขามองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว เขาถึงมองเห็นเสื้อกันฝนของสำนักตนเองบนร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้ชัด ในใจของติงเหม่ารู้สึกยินดีมาก รีบเอ่ย ”ศิษย์น้อง! ช่วยข้าด้วย!”
แต่ว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิด
ในใจของติงเหม่ารู้สึกแปลกใจ เอ่ยอีกครั้งว่า “ศิษย์น้อง ข้าเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสจินกุ้ย ติงเหม่า หากเจ้าช่วยข้าแล้ว อาจารย์ของข้าจะต้องไม่ทอดทิ้งเจ้า”
เขาให้คำสัญญาอย่างหนักแน่น เดิมคิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะตอบสนอง
แต่ว่า เขารอสักครู่ก็รู้สึกผิดหวังแล้ว
ทันใดนั้น คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาคนนั้นก็ขยับ ยกมือขึ้น ดึงหมวกลงมา เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงาม
เมื่อมองเห็นใบหน้านี้แล้ว ติงเหม่าก็ตกใจจนดวงตาหดเล็กลง
มู่ชิงเกอกลับรู้สึกสนุกยิ้มขึ้นมา “ติงเหม่า เจ้าดูดีๆ ข้าเป็นใคร?”
“เป็น เป็นเจ้า!” ติงเหม่าหลุดปากออกไป ตีเขาให้ตาย เขาก็คิดไม่ถึงว่าจะพบเจอกับมู่ชิงเกอที่นี่ ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เริ่มแรก ตอนที่เจ้าขอร้องให้ข้าปล่อยเจ้าไปนั้น พูดอะไรออกมา? จะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีกครั้ง จะไม่มารบกวนข้าอีก?” มู่ชิงเกอหัวเราะเยาะ นัยน์ตาฉาย แววเยียบเย็นขึ้น
ในใจของติงเหม่าเย็นเฉียบ ในพริบตาเหมือนกับลืมความเจ็บปวดของตนเองไป ส่วนสมองก็แล่นเร็ว รีบหลีกความอันตรายตรงหน้า “ข้า…ข้าไม่ได้มาหาเจ้า
ข้ามาทำภารกิจของสำนัก”
การอธิบายของเขา หากวางไว้ในเวลาอื่น ไม่แน่ว่ามู่ชิงเกออาจจะเชื่ออยู่บ้าง
แต่ว่า มู่ชิงเกอตามพวกเขามาตลอดทาง คำพูดคุยระหว่างติงเหม่ากับจินกุ้ยก่อนหน้า ก็ลอยเข้ามาในหูของนาง
พวกเขามาทำภารกิจนั้นไม่ผิด แต่ว่าไม่ได้คิดจะปล่อยพวกนางไปจริง ๆ
“เจ้าแน่ใจว่าไม่ได้โกหกข้า?” มู่ชิงเกอค่อยๆ ยกเท้าขึ้น วางเบาๆ บนหน้าอกของติงเหม่า แต่ว่าติงเหม่ากลับรู้สึกเหมือนว่ามีก้อนหินใหญ่วางไว้อยู่บนหน้าอกของตนเอง หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก
“แฮก แฮก…..” ติงเหม่าไอออกมา พร้อมกับมีเลือดออกมาจากร่างกาย
เขาพยักหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าตกใจกลัว “เป็นความจริง จริงๆ”
“เหตุใดดวงตาของเจ้าจึงบอกข้าว่าเจ้ากำลังโกหกอยู่?” มู่ชิงเกอเอ่ย ใต้เท้าเพิ่มแรงกดหนักขึ้นหลายเท่า
ติงเหม่ารีบส่ายหน้า ปากกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
เขารู้สึกว่าหัวใจและเส้นชีพจรของตนเองล้วนแต่ถูกกดทับจนภายในร่างกายแหลกเป็นชิ้นๆ
“พูดมาว่า เจ้ากับอาจารย์ของเจ้าคิดจะทำอย่างไรกับข้า?” มู่ชิงเกอเอ่ยออกมาในทันใด ทำให้ติงเหม่าหยุดชะงักในทันที
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง มองไปยังมู่ชิงเกอ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่พูด?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น ใต้เท้าเพิ่มแรงลงไป
ติงเหม่าสับสนวุ่นวายขยับแขนที่ไม่มีมือ “ข้าพูด ข้าพูด ข้าบอกกับอาจารย์เรื่องสมบัติชิ้นนั้นของเจ้า อาจารย์สนใจมาก รับปากช่วยข้าหาเจ้า หลังจัดการเจ้า
แล้วก็จะมอบเจ้าให้ข้า เขาจะเอาแค่สมบัติชิ้นนั้น”
สมบัตินั้น แน่นอนว่าเป็นปืนที่มู่ชิงเกออิงตามความรู้ในโลกก่อนแล้วใช้วิธีหลอมยุทธภัณฑ์ของโลกปัจจุบันหลอมออกมา
ในใจของมู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย็นชา “ดูแล้ว เจ้าจะเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือนัก”
คำพูดของนางทำให้ติงเหม่ารู้สึกตกใจมาก
เขารีบเอ่ย “ปล่อยข้าไป ได้โปรดไว้ชีวิตข้า ข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีกแล้ว ชาตินี้ ไม่ แม้แต่ชาติหน้าก็จะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าอีก”
“คำนี้ของเจ้า ไม่อาจเชื่อได้อีกต่อไปแล้ว” มู่ชิงเกอมองเขาอย่างเย็นชา ค่อยๆ เพิ่มแรงใต้เท้าทีละน้อย ๆ พลังเวทเคลื่อนลงไปตามเท้าที่กดลง เข้าไปในร่างของติงเหม่า กลายร่างเป็นเหมือนแมลงวันจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งชนทะลุอวัยวะภายในร่างกายของเขา ตัดเส้นชีพจรของเขาจนขาด
ใบหน้าของติงเหม่าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่สามารถต่อต้านได้ เพียงแค่รู้สึกว่าค่อยๆ สูญเสีย พลังชีวิตของตนเองไปทีละนิดๆ เท่านั้น พลังเวทเริ่มหายไป
“ปีศาจ…เจ้ามันปีศาจ…” ปากของติงเหม่ามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ภายในดวงตาที่จ้องมองมู่ชิงเกอนั้นนอกจากความหวาดกลัวแล้วก็เป็นความเสียใจ
เขาเสียใจที่เหตุใดตนเองจึงไปรบกวนปีศาจตนนี้ได้
เขาเกลียดตัวเองที่สามารถหลบออกมาได้ครั้งหนึ่งแล้วแท้ๆ เหตุใดจึงยังเอาตัวเองมาส่งถึงประตูอีก!
ในขณะที่ติงเหม่าจ้องมองมู่ชิงเกออย่างหวาดกลัวนั้น ในที่สุดก็หมดลมหายใจลง
ตายแล้ว ดวงตาของเขายังคงเบิกกว้างแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว