ตอนที่ 156-2
เจ้าสังหารคนเพื่อข้า ส่วนข้ารับบาปแทนเจ้า!
ในตอนที่มู่ชิงเกอกลับออกมาบนท้องฟ้าของแม่นํ้าไร้พรมแดนอีกครั้งแล้วเห็นกับภาพตรงหน้าเข้า ก็ทำเอานางกระโดดตกใจไปรอบหนึ่ง คิดว่าตัวเองไม่ทันระวัง ข้ามผ่านกาลเวลามาที่ไหนสักแห่งอีกครั้ง!
ภาพตรงหน้าก็มีแต่พื้นดินอันแห้งแล้งทอดยาวออกไปดูเวิ้งว้าง ไหนเลยจะมีสภาพเป็นแม่นํ้าอยู่อีก?
แม้แต่หมอกพิษพวกนั้นก็หายไปหมดอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงท้องฟ้าสีอึมครึม เหมือนกับฝนตกครั้งใหญ่เพิ่งจะหยุดไปไม่นาน แล้วกำลังจะก่อเค้าขึ้นอีกครั้ง
“ข้านอนหลับไปเจ็ดวัน ไม่ใช่เจ็ดปีหรือเจ็ดร้อยปีกระมัง?” มู่ชิงเกอนิ่งชะงักไป ในตรรกะความคิดของนาง การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ภายในเวลาไม่กี่วัน
มู่ชิงเกอขบริมฝีปาก พลางพุ่งทะยานไปบนท้องฟ้า
มุ่งหน้าไปได้สักพัก นางก็พลันค้นพบว่าแม่นํ้าไร้พรมแดนทั้งสายเพราะว่าความแห้งแล้งจึงส่งผลให้ปรากฏรอยหลุมลึกขึ้นจำนวนมาก ราวกับบาดแผลอัน เหวอะหวะทอดยาวไปบนพื้นดินก็ไม่ปาน ส่วนขอบเขตของแม่นํ้าไร้พรมแดนก็ค่อยๆ กลายเป็นกระจ่างชัดขึ้นมา
“ที่นี่ก็ยังเป็นแม่น้ำไร้พรมแดนอยู่หรือไม่?” มู่ชิงเกอกวาดมองไปรอบทิศ หวังว่าจะนึกหาความเหมือนในความทรงจำก่อนหน้าได้สักสายหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไร้ผล ในเจ็ดวันนี้ที่นางสลบไป ที่นี่จริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
นี่ก็ถือเป็นข้อสงสัยที่กำลังกวนใจนางในตอนนี้
“การระเบิดตัวเองของคนที่มีพลังเกือบจะถึงระดับขั้นสีม่วง ก็น่าจะไม่มีความสามารถในการสร้างผลลัพธ์เช่นนี้ได้กระมัง?” มู่ชิงเกอคาดเดาความน่าจะเป็นต่างๆ ในหัวไปมา
ยอดยุทธ์ระดับสีม่วงคนหนึ่งถ้าหากระเบิดตัวเองในเมือง แน่นอนว่าสามารถทำลายเมืองนั้นทั้งเมืองได้ แต่ว่า ที่นี่ก็เป็นแม่นํ้าไร้พรมแดน ไม่ใช่เขตเมืองที่คนสร้างขึ้นมา ทำไมถึงสามารถกลายเป็นสภาพเช่นนี้ด้วยการระเบิดตัวเองของขั้นสีม่วงผู้หนึ่ง?
ในระหว่างที่ครุ่นคิดสงสัย มู่ชิงเกอก็ได้มาถึงขอบของแม่นํ้าไร้พรมแดน
ยืนอยู่ที่ชายขอบ แล้วหันมองกลับไป แม่น้ำไร้พรมที่เต็มไปด้วยความดำทมิฬเพราะถูกไอพิษครอบคลุมก็หายไปไม่มีอยู่อีก
มู่ชิงเกอหยิบเอาผ้าคลุมสีดำออกมาจากช่องว่างผืนหนึ่ง ห่มไปบนตัวของตัวเอง แต่งกายให้ดูไม่สะดุดตา
นางมุ่งหน้าไปทางเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด หนึ่งก็เพื่อสืบข่าวคราวสักหน่อยว่าที่แม่นํ้าไร้พรมแดนจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วก็จะได้ลอบสอบถามไปด้วยว่าความเคลื่อนไหวของสำนักหมื่นอสูรกับหอหลอมศาสตราเป็นเช่นไร
นางก็ยังจำได้ว่าตอนที่เจ้าบ้านั่นระเบิดตัวเอง สุนัขรับใช้เฒ่าของสำนักหมื่นอสูรกับเจ้าคนจมูกแหลมของหอหลอมศาสตรานั่นได้ล่าถอยออกไปก่อนก้าวหนึ่ง
พวกเขาจริงๆ แล้วตายหรือไม่ตาย’?
ถ้าหากตาย เช่นนั้นเรื่องที่แม่น้ำไร้พรมแดนมีของวิเศษเกิดขึ้นก็คงสามารถสงบลงไปได้ช่วงหนึ่ง แต่ถ้าไม่ตาย เรื่องนี้ก็คงเกรงว่าจะไม่สามารถจบลงได้ง่ายๆ แล้ว!
ถึงต่อให้พวกเขาไม่มาหาเรื่องตน แต่ถ้าหากมีโอกาส นางก็จะต้องบุกเข้าไปสังหารแก้แค้นให้ตัวเอง
เอาสิ! ขุมอำนาจใหญ่ทั้งสองมาหาเรื่องนางพร้อมกัน คิดแต่อยากจะกำจัดนางให้ตกตายให้ได้ ก็คิดว่าจะรังแกนางได้แต่ฝ่ายเดียวรึ?
หลังออกมาจากแม่นํ้าไร้พรมแดน มู่ชิงเกอก็ค้นพบอย่างประหลาดใจว่าที่เปลี่ยนไปก็ไม่ใช่แค่แม่นํ้าไร้พรมแดน แต่เป็นทั่วทั้งเขตแดนของแคว้นหรง แต่เดิมบริเวณด้านนอกของแม่นํ้าไร้พรมแดนก็จะมีผืนป่ารกครึ้มผืนหนึ่ง แต่มาตอนนี้กลับมีแต่ต้นไม้ยืนต้นตาย ใบไม้ร่วงโรยจนหมด ไม่ว่าที่ใดก็มีสภาพเละเทะไม่น่าดู
แม้แต่สายนํ้าอันใสสะอาดก็กลายเป็นสายนํ้าขุ่นข้นอันดำคล้ำ กลิ่นที่โชยเข้ามาก็ทำเอาคนอยากจะอาเจียน
มู่ชิงเกอเดินไปถึงริมแม่นํ้า เพียงแค่สูดดมเบาๆ นางก็สามารถรู้ได้ว่านํ้าในแม่นํ้ามีพิษ
“พิษชนิดนี้ก็ดูเหมือนกับไอพิษในแม่นํ้าไร้พรมแดน เหมือนกับออกมาจากที่เดียวกันไม่มีผิด” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น กล่าววิเคราะห์ออกมา
การค้นพบที่แปลกประหลาด ก็เข้ามาสู่สายตาของนาง สายแล้วสายเล่า
มู่ชิงเกอในที่สุดก็เดินมาถึงด้านข้างของถนนหลวง แต่ว่า ฉากภาพที่เข้าสู่สายตากลับยิ่งทำให้นางตกตะลึงขึ้น บนทางหลวงนอนเต็มไปด้วยคนจำนวนไม่น้อย บนผิวหนังของพวกเขาโชยกลิ่นเหม็นเน่าออกมา ทั้งยังมีรอยแผลเน่าเฟะพวกนั้น ที่มองดูแล้วก็ทำให้คนรู้สึกขยะแขยงนัก
คนพวกนี้ก็มีให้เห็นตลอดทาง มีมากมายจนไม่สามารถนับได้ว่ามีจำนวนเท่าไร ที่ข้างหูของนางก็เต็มไปด้วยเสียงร้องทรมานที่ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
‘จริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
มู่ชิงเกอก็จำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นการกล่าวถามครั้งที่เท่าไหร่ของตัวเอง
นางก็ไม่ได้คิดทะเล่อทะล่าจะออกไปช่วยคน นางก็ไม่ได้ลืมว่าตัวเองในตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นนักโทษประกาศจับของสำนักหมื่นอสูรกับหอหลอมศาสตรา
นางเดินเลาะไปตามถนนหลวง เดินเข้าไปในเขตเมือง
พอมาถึงด้านนอกของเมือง นางถึงได้ค้นพบว่าที่แห่งนี้ก็เหมือนกับเมืองแห่งความตายก็ไม่ปาน
ทหารรักษาการณ์พวกนั้นล้วนแต่ใช้ผ้ารูปสามเหลี่ยมพันปิดจมูก ทำการตรวจสอบคนที่เข้าเมืองไปทีละคน ถ้าหากบนตัวของใครมีรอยแผลหรือเป็นคนที่มีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเมืองทั้งหมด ไม่เพียงแค่นี้ คนในเมืองที่มีอาการป่วยพวกก็จะถูกกุมตัวออกจากเมือง ทำการกักกันเอาไว้ในวัดร้างที่เขตชานเมือง ทำการกักกันเอาไว้อย่างแน่นหนา
มู่ชิงเกอก็ไม่ได้รีบจะเข้าไป แต่เป็นยืนเฝ้าดูอยู่รอบนอกสักพักหนึ่ง
ผ่านไปไม่นาน นางถึงค่อยค้นพบว่าบนป้ายประกาศนอกกำแพงเมืองก็ได้ติดป้ายประกาศจับเอาไว้สองใบ ใบหนึ่งก็เป็นของทางการที่ประกาศ ส่วนอีกใบหนึ่งก็ เป็นของหอหลอมศาสตรากับสำหนักหมื่นอสูรที่ร่วมกันประกาศ ด้านบนล้วนแต่เป็นคนคนเดียวกัน รูปลักษณ์ชัดเจน รอยยิ้มดูชั่วร้าย อีกทั้งข้างกายยังมีสัตว์อสูร วิญญาณรูปจิ้งจอกอยู่ด้วยตัวหนึ่ง
ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า ‘คนผู้นี้ทำการแย่งชิงสมบัติของสำนักหมื่นอสูรกับหอหลอมศาสตราที่แม่นํ้าไร้พรมแดน ทั้งยังใช้วิชามารชักนำให้ไอพิษของแม่นํ้าไร้พรมแดน พาดพัดเข้าใส่ทั่วทั้งแคว้นหรง…’
บอกไว้ว่าถ้าหากใครค้นพบคนบนประกาศแล้วแจ้งให้กับทางการหรือว่าขุมกำลังทั้งสอง คนผู้นั้นก็จะได้รับเงินรางวัลตอบแทนอย่างงาม ไปจนถึงยาโอสถแก้พิษ
มู่ชิงเกอยิ้มขันขึ้นไม่หยุด ความเข้าใจเกี่ยวกับความไร้ยางอายของสองขุมอำนาจก็เพิ่มสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
สมบัติลํ้าค่าของใต้หล้า หากว่าไม่มีเจ้าของ ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถครอบครองได้
เมื่อไรกันที่ ‘ไข่ยักษ์’ ที่ซ่อนอยู่ในแม่นํ้าไร้พรมแดนทั้งสองใบนั่นกลายเป็นของพวกเขาทั้งสองสำนัก? แย่งชิงไปไม่ได้ก็พอทำเนา แต่กลับเล่นกันถึงขั้นประกาศจับไปทั่วแคว้น? แต่ไม่เป็นไรนี่ก็ยังพอรับได้ แต่การใช้วิชามารอะไรนั่นไปชักนำไอพิษในแม่นํ้าไร้พรมแดนมาทำร้ายประชาชน การป้ายสีเช่นนี้ก็ยังสาดมาให้ตัวนาง?
หากนางทำเช่นนั้นได้แค่ฝ่ามือเดียวก็คงจะจัดการคนทั้งสองสำนักจนตกตายไปนานแล้ว จริงไหม!
ยังดีที่วันนั้นตอนสู้กัน แต่เดิมก็เป็นตอนฟ้ามืดทั้งยังชุลมุนวุ่นวายไปทั่ว หน้าตาของมู่ชิงเกอพวกเขาก็เลยเห็นได้ไม่ชัด ดังนั้นคนที่ถูกวาดอยู่ด้านบนจะบอกว่า คล้ายกับนางอยู่สองส่วนก็ได้ แต่ว่าจะบอกไม่ใช่นางก็ได้อยู่เช่นกัน
มู่ชิงเกอพลิกหมุนกาย เดินออกไปจากป้ายประกาศจับ นางก็ไม่ได้เดินออกไปไกล แต่เดินไปยังร้านนํ้าชานอกกำแพงเมืองที่มีไว้ให้ผู้คนพักเท้า เดินเข้าไปหาที่ว่าง ก่อนจะนั่งลง
ตอนนี้คนในเมืองส่วนใหญ่ก็พากันถูกพิษเกือบหมด ในเพิงนํ้าชาก็ไม่สามารถทำการค้าได้แล้ว ไม่มีเจ้าของร้าน มีแต่แขกที่มาพักผ่อนชั่วคราว
‘ตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็สามารถยืนยันได้สองเรื่อง’ มู่ชิงเกอคำนวณขึ้นในใจ ‘หนึ่งก็คือเฮยมู่กับเฝิงคุนไห่น่าจะยังไม่ตาย สองก็คือก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดพวกเขาสองคนที่รอดตายจากการระเบิดตัวเองครั้งนั้นมาได้ถึงร่วมมือกับราชสำนักออกประกาศจับด้วยกัน’
เหตุเปลี่ยนแปลงที่แม่นํ้าไร้พรมแดนกับภัยพิบัติที่แผ่กระจายไปทั่วแคว้นหรง แน่นอนว่าไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับนาง
แต่ว่านางก็สามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขาที่เอานํ้าเน่าถังนี้สาดมาบนหัวนางก็เพราะต้องการใช้แรงกดดัน บีบคั้น ให้ตนออกไปแสดงตัว
พวกชาวบ้านเกี่ยวกับการสูญเสียสมบัติลํ้าค่าของสองขุมอำนาจนี้ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก แต่พวกเขากลับสนใจมากกว่าเกี่ยวกับคนที่ทำร้ายตนให้ต้องถูกพิษ แล้วก็ยังมียาถอนพิษที่หลอกล่ออยู่ด้านในนั่นอีก
“แค่ก แค่ก…เฮ้อ นี่มันเรื่องเลวร้ายอันใดกัน!” บนโต๊ะที่ตั้งห่างอยู่จากมู่ชิงเกอไม่ไกลตัวหนึ่งก็มีคนทอดถอนใจออกมา
สายตาของมู่ชิงเกอร่วงตกไปที่ตัวของเขา นางนิ่งเงียบไม่ได้กล่าววาจา
คำกล่าวของคนผู้นี้ ก็นำพามาด้วยเสียงอื้ออึงของผู้คน คนที่พักผ่อนอยู่ในเพิงนํ้าชา ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาต่างๆ นานา
ฟังไปได้ครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอถึงได้รู้ว่าหลังจากที่นางบาดเจ็บสาหัสหลบเข้าไปในช่องว่างแล้ว บนฟ้าก็พลันสั่นสะเทือนด้วยเสียงอัสนีบาตรราวกับมีคนพูดประโยค ประโยคหนึ่งซํ้าไปซํ้ามา แต่ว่าเสียงสายนั้นก็ฟังแล้วแสบแก้วหูมาก พวกเขาก็ฟังไม่ชัดว่าพูดถึงอะไร
ต่อจากนั้นก็มีฝนพิษร่วงโปรยลงมา คนพวกนั้นที่ถูกพิษโดนตัวเข้า ก็จะกลายเป็นไข้ขึ้น ผิวหนังปูดบวม กลายเป็นตุ่มพิษขึ้นมา
ช่วงเวลาหนึ่งวัน ทั่วทั้งแคว้นหรงก็ไม่มีเมืองเมืองไหนที่สามารถหนีรอดไปได้
จากคำพูดของพวกชาวบ้านก็ราวกับจะไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรอีก
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วแน่นเข้าหากัน ชันกายขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากเพิงนํ้าชา
สำหรับการช่วยเหลือคน?
ขอโทษด้วย ในเมื่อทางการของแคว้นหรง สำนักหมื่นอสูรและหอหลอมศาสตราพากันมาใส่ร้ายกับนางเช่นนี้ เช่นนั้นก็ยังหวังจะให้นางช่วยคนอีกรึ? นางไม่ใช่พระโพธิสัตว์นะ!