Skip to content

พลิกปฐพี 158-2

ตอนที่ 158-2

การตื่นของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน!

ไฉ่เวยรีบเอามือของกงเจี้ยงเสวี่ยที่วางไว้บนท้องขึ้นมา วางลงบนขอบเตียง เผยให้เห็นจุดชีพจร

สองนิ้วของมู่ชิงเกอสัมผัสเบาๆ บนข้อมือของกงเจี้ยงเสวี่ย นิ่งไปครู่หนึ่งนางถึงได้ปล่อยมือ ค่อยๆยืนขึ้น เงยหน้ามองไฉ่เวยแล้วเอ่ย “ที่แท้ภายในร่างของนายหญิงน้อยถูกพลังผนึกจุดชีพจรเอาไว้ถึงได้สลบไปอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้”

“มีทางรักษาหรือไม่?” เมื่อได้ยินมู่ชิงเกอเอ่ยถึงสาเหตุ ของอาการป่วยแล้ว ไฉ่เวยก็เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น มู่ชิงเกอนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วค่อยเอ่ยว่า “คนที่ผนึกจุดชีพจร นั้นมีระดับพลังอย่างน้อยก็อยู่ระดับชั้นสีนํ้าเงิน คิดจะคลายผนึกของเขา ทางตรงที่สุดก็คือหาคนที่มีพลังจิตสูงกว่าเขา ทำลายผนึก”

“นี่ นี่ยากเกินไป!” สีหน้าของไฉ่เวยเศร้าขึ้นมา ในใจของไฉ่เวยมีแต่ความสิ้นหวัง ระดับพลังของเจ้าหุบเขาสูงถึงขนาดนั้นนางจะไปหาคนที่มีระดับพลังสูงกว่าเจ้าหุบเขามาช่วยนายหญิงน้อยให้ฟื้นได้อย่างไร?

มู่ชิงเกอนิ่งไปครู่หนึ่ง หากว่าพลังของนางยังอยู่ นางก็น่าจะสามารถปลดผนึกภายในร่างกายของหญิงสาวได้ เห็นใบหน้าที่คิ้วขมวดด้วยความขมขื่นของไฉ่เวยแล้ว มู่ชิงเกอก็กระแอมไอออกมาเสียงหนึ่งแล้วเอ่ย “เมื่อครู่ที่ ข้าพูดถึงนั้นเป็นวิธีที่ตรงที่สุด ในเมื่อมีทางตรงก็ต้องมีทางอ้อม”

ประโยคนี้ จุดประกายความหวังของไฉ่เวย นางมองไปที่มู่ชิงเกอ เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “วิธีอะไร?”

มู่ชิงเกอขบริมฝีปากเล็กน้อย เอ่ยกับนางว่า “ข้าต้องการ เข็มทอง”

“เข็มทอง?” ไฉ่เวยไม่เข้าใจ แต่ก็ยังพยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้ ข้าจะไปหาวิธี”

พูดแล้ว นางก็วิ่งไปทางโต๊ะแต่งตัวภายในห้องค้นหา

ไม่นาน นางก็นำเอาเข็มทองอันบางเฉียบดุจดั่งขนวัวมาสิบกว่าเล่ม เดินมาถึงตรงหน้าของมู่ชิงเกอ “คุณชายมู่ ท่านลองดูว่าพวกนี้ใช้ได้หรือไม่?”

มู่ชิงเกอดูเข็มเย็บผ้าบนมือของนาง ก่อนจะลอบขมวดคิ้วขึ้น นี่มันไกลจากเข็มที่ใช้ในการฝังเข็มมาก แต่ว่าในตอนนี้ก็ยากที่จะจัดเตรียม

ลอบถอนหายใจในใจสักหน่อย นางจึงยื่นมือออกไปรับเข็มทองมาจากมือของไฉ่เวย “น่าจะใช้ได้อยู่กระมัง”

เมื่อรับเข็มมา มู่ชิงเกอก็หันร่างกลับไปข้างเตียง แล้วนั่งลง

ก่อนที่นางจะฝังเข็ม ก็บอกกับไฉ่เวยว่า “วิธีของข้านี้ ก็คือการใช้เข็มทองเปลี่ยนพลังยุทธ์ออกเป็นหลายส่วน รวมทั้งเปลี่ยนทั้งหมดให้กลายเป็นศูนย์จากนั้นก็ค่อยนำมันเข้าไปในเส้นชีพจรของนายหญิงน้อยของเจ้า กระบวนการเสี่ยงอันตรายมาก ไม่อาจจะถูกรบกวนได้แม้แต่นิดเดียว หากเจ้าทำได้ก็อยู่ที่นี่ แต่หากทำไม่ได้ก็ออกไปรอข้างนอกหนึ่งชั่วยาม”

ในใจของไฉ่เวยเยียบเย็นขึ้น นัยน์ตาฉายแววพลุ่งพล่านใจ

สุดท้ายก็พยักหน้า รับรองกับมู่ชิงเกอว่า “ข้าทำได้! ขอเชิญคุณชายลงมือรักษา ข้าจะไม่รบกวนถึงท่านอย่างแน่นอน”

นํ้าเสียงของนางหนักแน่น ทำให้มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างชื่นชม

จุดเทียนขึ้น หลังจากเอาหัวเข็มทองลนไฟเพื่อฆ่าเชื้อโรคแล้ว มู่ชิงเกอก็แทงเข็มทองเข้าไปกลางร่างของกงเจี้ยงเสวี่ย

เมื่อมองเห็นเข็มทองแทงทะลุเนื้อแล้ว ไฉ่เวยก็รู้สึกตระหนกตกใจ สองมือกำหมัดแน่นจนกลายเป็นกำปั้น

เข็มทองที่อยู่บนร่างของกงเจี้ยงเสวี่ยมากขึ้นเรื่อย ๆ สองหมัดที่กำแน่นของไฉ่เวยก็แน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นสีขาว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูอย่างมาก

นางตื่นตระหนกจนแผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ก็ยังคงไม่ส่งเสียงเหมือนเดิม ทั้งยังไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว

มู่ชิงเกอวางเข็มทองลง พร้อมทั้งมองท่าทางของไฉ่เวย ในใจก็ลอบพยักหน้าอีกครั้ง

ผ่านครึ่งชั่วยามไป เข็มทองในมือของมู่ชิงเกอเหลืออยู่เพียงแค่อันเดียว และถูกนางวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง

ไฉ่เวยมองมาที่นาง ใช้สายตาถามออกมาว่าตนเองพูดได้หรือยัง

มู่ชิงเกอยิ้มๆ เอ่ยออกมาว่า “สามารถพูดได้แล้ว”

“คุณชายมู่ แค่นี้ก็ได้แล้วหรือ?” ไฉ่เวยมองร่างของนาย หญิงน้อยที่เต็มไปด้วยเข็มทองแล้วรู้สึกรับไม่ค่อยได้

“รอ” มู่ชิงเกอแค่พูดคำเดียว

ไฉ่เวยอ้าปาก คิดอยากจะถามอะไรสักอย่าง แต่ก็นิ่งลงไป

ทั้งสองคนรอเพียงครู่ มู่ชิงเกอก็เอ่ยออกมาในทันใด “นายหญิงน้อยของเจ้าน่าจะมีระดับพลังอยู่ที่ระดับสีครามใช่ไหม”

หลังจากที่ไฉ่เวยเม้มปากแน่นพยักหน้าออกมาแล้ว ค่อยรับรู้ได้ว่าสามารถพูดได้แล้วจึงรีบเอ่ย “ใช่แล้ว คุณชายมู่ช่างเก่งกาจยิ่งนัก เรื่องนี้ก็สามารถดูออก”

ประโยคชมเชยนี้นั้นไม่รู้ว่าเข้าหูของมู่ชิงเกอหรือเปล่า นางแค่เพียงพยักหน้าพิจารณาแล้วเอ่ย “อืม ระดับสีคราม ย่อยพลังเวทพวกนี้หนึ่งชั่วยามก็คงหมดแล้ว”

เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ เรือนหลังเล็กนั้นเงียบสงบมาก ไม่มีใครมารบกวน

แต่ว่า ท่าทางของไฉ่เวยยิ่งดูเร่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุด มองสีท้องฟ้าที่เปลี่ยนไป

ทันใดนั้น ภายในหุบเขาก็เกิดเสียงระฆังดังขึ้น เป็นเสียงที่สามารถดังไปไกลพันลี้ มู่ชิงเกอมองไปทางหน้าต่าง ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนว่ากำลังพิจารณาถึงที่มาของเสียงระฆัง

ส่วนไฉ่เวยก็รีบร้อนจนเกือบจะร้องไห้ออกมา “แย่แล้ว! ยังคงไม่ทันใช่หรือไม่? นายหญิงน้อยฟื้นขึ้นทีเถอะ!” ความเร่งรีบของนางทำให้มู่ชิงเกอหันกลับมามอง ในตอนนี้ คนบนเตียงก็ดูเหมือนว่าจะขยับในที่สุด พลังเวทสีครามเคลื่อนไปมาระหว่างเข็มทองไม่หยุด ความแปลกประหลาดนี้ทำให้ไฉ่เวยเบิกตากว้างด้วย

ความตกตะลึง กำสองมือแน่น

ส่วนมู่ชิงเกอที่รู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้จึงสงบนิ่งมาก

ทันใดนั้น สายสีครามเหล่านี้ก็ระเบิดออกจนกลายเป็นไม่มีอะไรเลย

มู่ชิงเกอลงมือทันที ภายใต้ความสับสนของไฉ่เวย เอาเข็มทองทั้งหมดออกมา

พลังที่ไร้รูปพัดผ่านร่างของกงเจี้ยงเสวี่ย พัดผ้าม่านบนเตียงขึ้น

หญิงสาวที่นอนบนเตียง ในที่สุดก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภายใต้การเฝ้ามองอย่างรอคอยของไฉ่เวย แต่ว่าตอนที่นางลืมตาขึ้นนั้น สายตากลับมองเห็นมู่ชิงเกอที่นั่งอยู่ข้างเตียงเป็นคนแรก

เป็นเขา!

ใบหน้านั้นนางรู้จัก รูปโฉมเช่นนี้ ไร้ผู้เทียมทาน แค่ได้พบเจอครั้งเดียวก็เพียงพอให้คนที่พบไม่อาจหลงลืมได้!

ดวงตาคู่นั้น…

‘งดงามสดใสมาก สงบมาก ทั้งยังแตกต่าง ดุจดังในโลกนี้ไม่มีอะไรที่สามารถหยุดยั้งเขาได้มองอีกสักหน่อย แต่ว่าก็ยังน่าดูเหมือนกันกับอยู่ในฝันไม่มีผิด!’ กงเจี้ยงเสวี่ยเอ่ยในใจ

“นายหญิงน้อยในที่สุดก็ฟื้นแล้ว!” เสียงของไฉ่เวยแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น ลากกงเจี้ยงเสวี่ยกลับมาในโลกแห่งความจริง

มู่ชิงเกอยืนขึ้นออกไป ไฉ่เวยเดินเข้ามา พยุงกงเจี้ยงเสวี่ยขึ้น

“เจ้าหุบเขาก็สั่งห้ามไม่ให้ใครมาพบท่าน บ่าวไม่มีทางเลือกจริงๆ ถึงได้ใปเชิญคุณชายมู่มาช่วย คุณชายมู่เป็นหมอที่เก่งกาจมาก แม้แต่ผนึกที่ท่านเจ้าหุบเขาทิ้งไว้ในร่างกายของท่านก็ยังสามารถคลายลงได้!” พร้อมทั้งอธิบาย “นายหญิงน้อย หลังจากที่ท่านสลบไป…”

“ขอบคุณมาก” กงเจี้ยงเสวี่ยค่อยๆ เอ่ยกับมู่ชิงเกอ

ท่าทางของนางดูสง่างามและสูงส่ง ไม่ได้ตกใจเพราะว่าหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วพบชายแปลกหน้าอยู่ภายในห้องของตนเองเลยแม้แต่น้อย ความสงบนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงธรรมดาจะเทียบได้

สมควรแล้วที่จะพยายาม

“นายหญิงน้อย ระฆังเอกส่งเสียงแล้ว!” ไฉ่เวยเอ่ยเตือน ตอนนี้เองในที่สุดมู่ชิงเกอก็มองเห็นหญิงสาวผู้นี้แสดงท่าทีสับสนวุ่นวาย

กงเจี้ยงเสวี่ยเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ตอนนี้เจี้ยงเสวี่ยมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ คงต้องขอเสียมารยาทกับคุณชายมู่แล้ว รอข้าจัดการเรื่องราวแล้วเสร็จ ค่อยมาตอบแทนในการช่วยเหลือของคุณชายมู่”

“นายหญิงน้อยไม่จำเป็นต้องใส่ใจข้า เชิญ” มู่ชิงเกอเบี่ยงกายหลบทาง

ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าหุบเขาสงบใจเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีความคิดจะเข้าไปวุ่นวาย

กงเจี้ยงเสวี่ยกับไฉ่เวยรีบร้อนออกไป ไม่นาน มู่ชิงเกอก็ได้ยินเสียงตะคอกสั่งสอนของกงเจี้ยงเสวี่ยดังเข้ามาจากนอกประตูเรือน คล้ายว่ากำลังสั่งการให้คนที่เฝ้าอยู่นอกประตูนั้นจากไป มู่ชิงเกอรออยู่ในห้องสักพัก เมื่อรู้สึกว่าด้านนอกไม่มี ความเคลื่อนไหวแล้วค่อยออกไป

เมื่อออกมาถึงนอกเรือน นางก็พบว่าองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ นอกเรือนนั้นไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

แน่นอน กงเจี้ยงเสวี่ยกับไฉ่เวยก็ยิ่งไม่เห็นแม้แต่เงา

ไม่คิดอะไรมาก มู่ชิงเกอเดินตามทางที่มา กลับไปยังที่พักของตนเอง

“ดูท่า ตอนนี้ยังไม่อาจกล่าวคำอำลาได้” มู่ชิงเกอเอ่ยกับตัวเอง

ในตอนนี้ภายในหุบเขาสงบใจมีเรื่องเกิดขึ้น ใครจะมีเวลาว่างมาสนใจแขกอย่างนาง? หากไปโดยไม่ลา ก็ดูไม่ค่อยดี คำนวณเวลาแล้ว ยังห่างจากเวลานัดพบกันที่ ทะเลแห่งความอ้างว้างอยู่อีกพักหนึ่ง มู่ชิงเกอก็สามารถอยู่ในหุบเขาสงบใจเพื่อฝึกฝนพลังต่อได้ นางพอกลับไปถึงห้องก็เริ่มนั่งสมาธิฝึกฝนพลังต่อ

ถึงแม้ว่าจะไม่มีเศษเสี้ยวของพลังหลงเหลืออยู่เลย นางก็ยังคงไม่ขี้เกียจที่จะฝึกฝนพลังต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version