ตอนที่ 160-1
เสี่ยวเกอเอ๋อร์ รอเจ้าอยู่นะ ปล่อยชายผู้นั้นซะ
ทะเลแห่งความอ้างว้าง สถานที่ราวกับเศษดาวพร่างพรม ท่ามกลางความมืดมิดมีแสงดาวนับไม่ถ้วนทอประกาย
สถานที่แห่งนี้คล้ายกับว่าแผ่นฟ้าจรดพื้นดินเป็นสีเดียวกัน บอกว่ามันคือทะเลแต่คล้ายกับฉากกำบังเสียมากกว่า
ว่ากันว่าคนที่ออกไปจากสถานที่แห่งนี้จะไม่ได้กลับมาอีก
ว่ากันว่าใจกลางทะเลแห่งความอ้างว้างแอบซ่อนอีกโลกหนึ่งเอาไว้
แท้ที่จริง ทะเลแห่งความอ้างว้างเป็นสถานที่ซึ่งปกคลุมไปด้วยเขตแดนมายาเมื่ออยู่ในนั้นจะทำให้ผู้คนแยกไม่ออกว่าเป็นเรื่องจริงหรือมายา บางทีก็ร่อนเร่พเนจร ล่องลอยอยู่ในทะเลแห่งความอ้างว้างนี้เรื่อยไปจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
เรือที่จะข้ามทะเลก็แตกต่างกับเรือทั่วไป
เรือลำหนึ่งรูปทรงคล้ายแกนผลไม้รูปวงรีกำลังแล่นเข้าไปในทะเลแห่งความอ้างว้างอย่างเงียบสงบ ไม้พายที่ยื่นออกมาจากด้านล่างเรือ พายผ่านแสงดาวสีนํ้าเงิน แล่นไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
กราบเรือสูงบดบังทิวทัศน์สองฟากฝั่ง เห็นเพียงด้านหน้าเท่านั้น
ว่ากันว่า ทำเช่นนี้ก็เพื่อบดบังการถูกบุกรุกเข้าสู่ความคิดส่วนหนึ่ง ความคิดเป็นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่งในทะเลแห่งความอ้างว้างมาแต่ไหนแต่ไร การออกแบบเช่นนี้มีประโยชน์ไม่มาก ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อทำให้รู้สึกปลอดภัยเท่านั้น ด้านในของลำเรือ ห้องโดยสารสร้างขึ้นเป็นชั้นๆ ด้านล่างดาดฟ้าเรือ ดาดฟ้าเรือตรงกลางราบเรียบ ไร้สิ่งกีดขวาง เสากระโดงเรือตั้งตรงอยู่ใจกลางตัวเรือยื่นสูงเลยกราบเรือออกไป ด้านบนกางใบเรือสีขาว ควบคุมทิศทางการเดินเรือ
ส่วนหัวเรือ มู่ชิงเกอยืนเอามือไขว้หลังชื่นชมทัศนียภาพของทะเลแห่งความอ้างว้าง
แท้ที่จริงแล้วทิวทัศน์ของทะเลแห่งความอ้างว้างนี้เรียบง่ายมาก การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆเหล่านั้น บางครั้งเรายังไม่ทันได้สังเกตก็ผ่านไป แต่นางก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ไหวติงถึงสองชั่วยามเห็นจะได้
ข้างกายนางมีจิ้งจอกหิมะตัวหนึ่งหมอบอยู่ จิ้งจอกมีเก้าหางแผ่อยู่ข้างหลังลักษณะเหมือนพัดพลิ้วไสวตามการขยับตัว
จิ้งจอกตัวนี้สวยงามมาก ดวงตาสองข้างสีแดงสดราวอัญมณี บริเวณหน้าอกมียันต์ป้องกันปีศาจ ยิ่งขับความลึกลับของมันมากขึ้น
ตอนที่มู่ชิงเกอเตรียมเดินทางท่องไปในทะเลแห่งความอ้างว้าง หยินเฉินก็ตื่นจากการเลื่อนชั้น การเลื่อนชั้นในครั้งนี้ทำให้มันมีคุณสมบัติในการเป็นสัตว์อสูรเทวะ รอเพียงผ่านเคราะห์กรรมแห่งความเป็นความตาย ก็จะสามารถหลุดพ้นเป็นสัตว์อสูรเทวะ
การเลื่อนชั้นของหยินเฉิน ทำให้มู่ชิงเกอในฐานะเจ้านายได้รับผลดีด้วยเช่นกัน
ผลกระทบตกค้างก่อนหน้านี้จากการใช้เคล็ดวิชาฟ้าดิน ที่เมืองวั่นเฟิงก็ถูกขจัดไปจนหมดสิ้น นางฟื้นฟูกลับไปมีพลังเวทชั้นสีม่วงระดับกลาง ไม่เพียงเท่านี้ ตอนที่นางสูญเลียพลังไป นางยังคงฝึกปรือโดยไม่ย่อท้อ ทำให้พลังของนางสูงไปอีกชั้นหนึ่ง คาดว่าน่าจะแตะไปถึงขอบเขตของพลังสีม่วงชั้นสูงแล้ว
ความเร็วในการฝึกพลังที่น่ากลัวเช่นนี้นอกจากนางแล้ว ก็คงไม่มีผู้ใดทำได้อีก!
“หยินเฉิน เจ้าว่าภาพมายาของทะเลแห่งความอ้างว้างนี้ จะเป็นอย่างไร?” จู่ๆ มู่ชิงเกอก็เอ่ยถามเสียงเบา
เพราะสีสันของทะเลแห่งความอ้างว้างทำให้ดวงตาของนางถูกย้อมเป็นสีนํ้าเงินเข้มชั้นหนึ่ง แสงดาวพร่างพรมในตาของนาง ยิ่งทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของนางสว่างมากขึ้น
หยินเฉินเอียงหัวมามองหน้านาง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “นายท่าน จิตใจของมนุษย์ไม่เหมือนกัน ภาพในจินตนาการย่อมไม่เหมือนกัน อันที่จริงในทะเลแห่ง ความอ้างว้างไม่มีภาพจินตนาการใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความสามารถในการสร้างความฝันชนิดหนึ่งเท่านั้น มันสามารถทำให้คนเข้าไปในดินแดนแห่งความฝันที่ตนเองคาดหวังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจได้โดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็ไม่อยากตื่นขึ้นมา ถึงท่านจะหลุดพ้นจากดินแดนความฝันแห่งนั้นสุดท้ายก็จะถูกส่งไปที่แห่งใหม่ ภายใต้การหมุนเวียนซํ้าไปมาจนแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริง”
“เช่นนั้นเจ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม จุดประสงค์ไม่แน่ชัด
แต่หยินเฉินกลับฟังเข้าใจเป็นอย่างดี ดวงตาสีแดงเลือดของมันจ้องมู่ชิงเกอขณะตอบว่า “ข้าสามารถขับไล่พลังนั้นให้นายท่านและทุกคนบนเรือมีสติรู้ตัว เส้นทางการเดินเรือไม่เปลี่ยนทิศ แล่นออกจากทะเลแห่งความอ้างว้างเข้าสู่แคว้นกู่วู่”
สุดท้ายมู่ชิงเกอก็เบนสายตามามองมัน เห็นดวงตาสีแดงเลือดของมันก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “จริงจังขนาดนี้ทำไมกัน? ข้าเพียงแค่เอ่ยถามไปเรื่อย”
“นายท่านต้องการจะสัมผัสภาพจินตนาการของทะเลแห่งความอ้างว้างหรือ?”หยินเฉินโพล่งสิ่งที่มู่ชิงเกอคิดอยู่ในใจออกมา
มู่ชิงเกอก้มหน้า เอานิ้วถูจมูกพลางกระแอมขึ้นมาเบาๆ “ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำ ยากนักที่จะได้มาท่องเที่ยวในทะเลแห่งความอ้างว้าง โอกาสเช่นนี้หาได้ยาก”
แน่นอนว่านางรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ตนเองคิดอยู่ในใจอยู่บ้าง
“นายท่าน นายท่าน หากท่านไม่มีอะไรทำก็เข้ามาดูลูกเถอะ!” ในห้วงความคิดของมู่ชิงเกอปรากฎเสียงประท้วงของเหมิงเหมิงดังขึ้นมา
ในจังหวะนั้นเองในห้วงความคิดของนางก็ปรากฏภาพเหมิงเหมิงร้องไห้โดยไร้น้ำตา ข้างกายนางยังมีทารกน้อยที่ตัวโตกว่านางอยู่หนึ่งคน!
ไม่ใช่สิ เป็นพญาเพลิงระดับฮุ้นหยวนต่างหาก!
อืม ตอนนี้มู่ชิงเกอตั้งชื่อเล่นให้เขาว่า หยวนหยวน
ส่วนชื่อจริงอะไรนั่น มู่ชิงเกอบอกว่ารอนางมีเวลาแล้วค่อยคิด อย่างไรหยวนหยวนตอนนี้ก็ยังไม่โตเท่าไร แค่ชื่อเล่นก็เพียงพอแล้ว
ราวกับว่าจะแสดงถึงความสามัคคีบนแนวรบ หยวนหยวนที่อยู่ข้างๆ เหมิงเหมิงก็ส่งเสียงร้องแผ่วๆดูน่าสงสาร หน้าอวบอ้วนนั่นช่างน่ารักน่าชัง ทำเอาคนที่เห็น อดไม่ไหวที่อุ้มขึ้นมาฟัดหนึ่งที แต่เมินเสียเถอะ!
มู่ชิงเกอรู้ดีว่าผลลัพธ์ของการทำเช่นนั้นคืออะไร!
ความเจ็บปวดแทบขาดใจแผ่มาจากบริเวณฟัน อีกทั้งรู้สึกราวกับถูกไฟลวก ทำให้นางยกมือขึ้นลูบหน้าผากตนเองอย่างไม่พอใจนัก
ผลลัพธ์นี้ทำให้นางไม่คิดที่จะไปชิดใกล้กับหยวนหยวนอีกต่อไป! หึ!
“เรื่องนั้น แม้ว่าที่นี่จะดูสงบนิ่ง แต่ว่าอันตรายมากมายก็ซ่อนตัวท่ามกลางความสงบนิ่ง ไม่สามารถประมาทได้เด็ดขาด” มู่ชิงเกอจ้องไปในทะเลแห่งความ อ้างว้างเอ่ยขึ้นอย่างมีหลักการ คล้ายกับกำลังตอบการโต้แย้งของเหมิงเหมิง
“แงๆ ลูกพี่ท่านแม่ไม่ต้องการหยวนหยวนแล้ว แง้—–!” เจ้าก้อนซาลาเปาส่งเสียงร้องร่ำไห้ครํ่าครวญออกมาทันที
ทันใดนั้น เหมิงเหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ถูกไอความเย็นที่เขาปล่อยออกมาแช่จนเป็นก้อนนํ้าแข็ง
มู่ชิงเกอก็ขังพวกเขาทั้งสองเอาไว้ในช่องว่างโดยไม่ปรานี ส่วนตัวเองก็ทำทีเป็นยืนอยู่บนหัวเรือดูทิวทัศน์ด้วยความตั้งใจต่อไป!
“ศิษย์น้องมู่”
เพิ่งจะเลิกสนใจเหมิงเหมิงกับหยวนหยวนไป มู่ชิงเกอก็ได้ยินเสียงเรียกของซางจื่อซูแว่วมาจากข้างหลัง
มู่ชิงเกอเก็บคืนสายตาหันกายกลับมา เอ่ยกับซางจื่อซูยิ้มๆ ว่า “ศิษย์พี่ซางมีเรื่องอันใดหรือ?”
ซางจื่อซูส่ายหน้าช้าๆ เดินเข้ามาหานาง มองนางอย่างตั้งใจอยู่ครู่หนึ่งแต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงยืนอยู่ข้างๆ นางเท่านั้น เบนสายตาย้ายไปที่ทะเลแห่งความอ้างว้าง
นางกับมั่วหยางรอมู่ชิงเกออยู่ที่ทะเลแห่งความอ้างว้างนี้นานมาก
จนกระทั่งในระหว่างที่รอคอยอยู่นั้นพวกเขาได้เห็นประกาศจับมู่ชิงเกอจากเมืองที่อยู่ใกล้ๆ กับทะเลแห่งความอ้างว้าง
นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตนเองถึงรู้สึกเป็นกังวล หวาดหวั่น หลังจากที่ได้พบหน้ามู่ชิงเกอความรู้สึกนั้นก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ว่ายังไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไร มู่ชิงเกอกออกคำสั่งให้ออกเรือ
เมื่อครู่นั้นนางคิดอยากที่จะเข้ามาถามมู่ชิงเกอว่าเพราะเหตุใดถึงมีประกาศจับ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ หรือว่าประสบอันตรายใดมา
แต่เมื่อนางเห็นว่ามู่ชิงเกอยืนอยู่ตรงหน้านางเป็นปกติดี กลับถามอะไรไม่ออก เพียงต้องการยืนอยู่ข้างๆ นาง ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ
“ที่นี่ช่างสวยงามจริงๆ” ซางจื่อซูทอดสายตามองทิวทัศน์ของทะเลแห่งความอ้างว้างแล้วเอ่ยออกมาจากใจ
“ใช่แล้ว สวยงามมาก” มู่ชิงเกอเอ่ยคล้อยตาม
หยินเฉินเงยหน้าขึ้น ลอบมองทั้งสองคนแวบหนึ่งคิดที่จะหายตัวไป
แต่ว่าเพียงแค่มันขยับตัวก็รู้สึกถึงความเจ็บที่หาง เมื่อก้มลงดูก็พบว่าเท้าของมู่ชิงเกอเหยียบหางหนึ่งของมันอยู่เต็มแรง ดวงตาสีแดงเลือดของหยินเฉินเลื่อนขึ้น ไปมองหน้ามู่ชิงเกอ สบกับรอยยิ้มเย็นบนใบหน้านางจังๆ
‘อา…’ ใบหูเรียวแหลมของหยินเฉินตกลู่ลงมา ก้มหน้าหมอบอยู่ด้านหนึ่งอย่างซื่อสัตย์ทำตัวเป็น ‘ก้างขวางคอ’ ต่อไป