ตอนที่ 162-3
ฮ่องเต้หญิงเจียงยั้งฝีปากไว้ไมตรี!
ผ่านไปครู่ใหญ่ สีหน้าแววตานางจึงได้ผ่อนคลายลง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบๆ “นี่เป็นการเลือกของนาง ก็แล้วแต่นางเถอะ”
เจียงหลีหันมามองนาง มองจ้องอย่างจริงจังก่อนจะเอ่ย ว่า “มีใครบอกไหมว่า เจ้าเลือดเย็นไร้นํ้าใจ?”
มู่ชิงเกอยิ้มราวกับจะเย้ยเยาะตัวเอง “เคยมีคนพูดไม่น้อยเหมือนกัน”
แน่นอนว่า คนพวกนั้นล้วนเป็นศัตรูของนาง ล้วนตายอย่างอนาถเพราะนํ้ามือของนางทั้งนั้น
เจียงหลีนิ่งเงียบไป เหมือนนางจะเข้าใจถึงความรู้สึกของมู่ชิงเกอในขณะที่พูดเช่นนั้น
มีการเลือกบางอย่าง ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่จะไม่ทำเช่นนั้นก็ไม่ได้ เรื่องราวในโลกจะได้ดังใจผู้คนได้สักกี่เรื่องกัน ?
อาจเป็นเพราะต่างคิดถึงเรื่องในใจตนขึ้นมาได้ทั้งสองคนก็เงียบลงไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ เจียงหลีจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าจะใช้ชีวิตในร่างชายหนุ่มไปเรื่อยๆ หรือ? หากเจ้าเลือกเช่นนี้ข้าแนะนำเจ้าว่าต่อไปเจ้าควรสวมหน้ากากหน้าตาน่าเกลียดเสียหน่อย แล้วก็อย่าได้ใปใกล้ชิดหรือสัมผัสกับสตรีให้มาก”
มู่ชิงเกอริมฝีปากกระตุก สัมผัสได้ถึงความทุกข์ในคำพูดของนาง ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยว่า “เมื่อครู่มีคนสั่งสอนข้าแล้ว เจ้าก็รามือเสียหน่อยเถอะ”
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าคุ้นเคยตั้งแต่แรกพบ? มู่ชิงเกอกับเจียงหลีก็คือเช่นนั้น เพิ่งพบกันครั้งแรกแท้ๆ แต่กลับมีความรู้สึกว่ามีเรื่องราวให้พูดคุยได้มากมาย ไม่มีความแปลกหน้าขัดเขินเลยแม้แต่น้อย ไม่มีความแปลกแยกใดๆ ราวกับว่ารู้จักกันมาเนิ่นนาน
ความไว้วางใจอย่างแปลกประหลาด พวกนางทั้งสองคนเองก็บรรยายไม่ถูก
และคนทั้งสอง ก็เป็นคนที่ทำสิ่งใดตามใจปรารถนา จึงได้ปล่อยไปตามที่ใจคิด
“แล้วเจ้าคิดจะเปิดเผยสถานะเมื่อใดกัน? เจ้าต้องบอกข้านะ ข้าจะตามไปดูเรื่องสนุก” เจียงหลีตื่นเต้น สีหน้าเฝ้ารอ “มันเป็นเรื่องน่ารอชมเสียจริง หากคนทั่วทั้งใต้หล้ารู้ว่าคุณชายแห่งจวนตระกูลมู่แคว้นฉินเป็นสตรี จะทำหน้าอย่างไร!”
“เจ้ายังหาความสนุกจากเรื่องยํ่าแย่ได้” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างจนถ้อยคำ
แนวคิดและจิตใจของเจียงหลีนั้นไม่เหมือนคนทั่วไป
“รีบบอกข้าเร็ว!” เจียงหลีตื่นเต้นจนดึงมือมู่ชิงเกอมาเขย่าไปมา
มู่ชิงเกอนิ่งคิดก่อนจะเอ่ย “รอสักหน่อยเถอะ ข้าอยากพบใครสักคนก่อนถึงจะใคร่ครวญเรื่องนี้” นางจะไปหาซือมั่วจัดการเรื่องระหว่างนางและเขาให้กระจ่างแจ้งชัดเจน
“นั้นต้องรออีกนานเพียงใด?” เจียงหลียู่ปากถาม
“…” มู่ชิงเกอรู้สึกจนถ้อยคำขึ้นมาทันที
ดูเอาเถอะ นางเพิ่งบอกไปเมื่อครู่เองว่าการจับใจความสำคัญของเจียงหลีไม่เหมือนคนอื่น คนอื่นได้ยินเช่นนี้ต้องคิดว่าจะไปพบใคร แต่นางกลับกังวลว่าอีกนานเพียงใด
“เหตุใดเจ้าต้องเลือกสามีต่อหน้าสาธารณะ?” จู่ๆ มู่ชิงเกอก็ถามขึ้น
เจียงหลีตอบแบบไม่ต้องหยุดคิดเลยแม้แต่นิด “เพราะข้าถึงวัยที่ต้องแต่งงาน จึงต้องเลือกสามีที่ข้าพึงพอใจ”
“แล้ววันนี้จะทำอย่างไร? เจ้ายังต้องเลือกใหม่อีกไหม?” มู่ชิงเกอถามขึ้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นางทำให้เป็นเรื่องขึ้น อย่างไรก็ต้องรับผิดชอบบ้าง!
“ไม่เช่นนั้นจะอย่างไรเล่า? หรือเจ้ายังมีพี่ชายน้องชายที่หน้าตาเหมือนเจ้าแล้วยังมีฝีมือร้ายกาจเหมือนกันด้วย ก็แนะนำให้ข้าได้” เจียงหลีมองนางขุ่นเคือง
“แค่ก แค่ก ถ้าข้ามีก็ไม่ต้องมาปลอมเป็นคุณชายแล้ว” มู่ชิงเกอไอแห้งๆ ขึ้นมา
“เฮ้อ!” เจียงหลีก้มหน้าอย่างผิดหวัง
“เจ้าคิดจะพูดกับคนภายนอกอย่างไร? เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศของเจ้า ข้าไม่ถือสาหากเจ้าจะทำให้ข้าเสียชื่อ!” มู่ชิงเกอพูดด้วยนํ้าเสียงจริงจัง
ดวงตาสีทองของเจียงหลีกลอกไปรอบหนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มร้ายกาจ “ข้าก็จะบอกว่าเจ้าแต่งสตรีนางหนึ่งไว้ ถึงแม้นางจะตายไปแล้ว แต่ข้าที่เป็นถึงฮ่องเต้หญิงที่งามสง่าก็ไม่ควรเป็นเมียรองของใคร อีกอย่าง อายุน้อยเช่นนี้ภรรยากลับตายจาก ข้าสังหรณ์ว่าเจ้ามีชะตาส่งผลร้ายต่อคู่ครอง ข้าจึงได้ปลดเจ้า!”
มู่ชิงเกอครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย “ได้”
“เจ้าเอาจริงเลยหรือ!” เจียงหลีมองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง
เมื่อเห็นนางมองตนอย่างไม่เข้าใจ เจียงหลีจึงยิ้มออกมา “เมื่อครู่ข้าหยอกเจ้าเล่น ข้าเป็นฮ่องเต้หญิง ในแคว้นกู่วู่ ใครกล้าแย้งคำที่ข้าพูดบ้าง? ข้าไม่อยากแต่งก็ไม่แต่งจะต้องบอกให้ใครทราบด้วย?”
การประกาศอย่างทะนงองอาจ ทำให้มู่ชิงเกอนึกนับถือนางขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้าหนักแน่น นางมองเจียงหลีพลางยกนิ้วโป้งให้
“เอาล่ะ ในเมื่อพูดกันรู้เรื่องแล้ว งานเลี้ยงคืนนี้ก็จัดตามเดิม แต่เพียงเปลี่ยนจากงานเลี้ยงแต่งงานเป็นการเลี้ยงต้อนรับอาคันตุกะก็แล้วกัน!” เจียงหลีเอ่ย ก่อนจะบิดขี้เกียจ รูปร่างโค้งเว้าเกิดเป็นภาพเส้นสายชวนมอง
มู่ชิงเกอพยักหน้า ไม่ได้บอกปัดน้ำใจของนาง
“ใช่แล้ว ตอนที่พวกเจ้าอยู่ในแคว้นกู่วู่ก็มาพักที่วังหลวงเถอะ จะเทียบอย่างไรก็สะดวกกว่าข้างนอกมาก” เจียงหลีเอ่ยชวน
“เช่นนั้นก็ขอรบกวนแล้ว” มู่ชิงเกอเอ่ยตอบ
เจียงหลีทำหน้ารังเกียจก่อนจะส่ายหน้า “เกรงใจจนดูเสแสร้งแล้ว”
พลัน นางก็กลอกตาใคร่ครวญ ก่อนจะเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ในเมื่อของที่ใช้ในงานแต่งก็เตรียมเรียบร้อยแล้ว วางไว้ก็สิ้นเปลือง ไม่สู้เรามาส่งสองคนข้างนอกนั้นเข้าหอเถอะ!”
มู่ชิงเกอรู้อยู่แล้วว่าสองคนที่นางเอ่ยถึงนั้นหมายถึงใคร แต่ว่า นางกลับไม่อาจรับคำได้ทันที จึงได้แต่เอ่ยยิ้มๆ
“เรื่องนี้เราต้องถามความสมัครใจของพวกเขาก่อนหรือเปล่า?”
เจียงหลีเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “ตอนที่อยู่ลานจัตุรัส เซวียเฉียวไม่ได้เอ่ยขอแต่งงานไป แล้วรึ?”
“แต่ท่านอาของข้ายังไม่ได้เอ่ยตอบนี่นา อีกอย่าง เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ท่านอาก็คงต้องแจ้งท่านปู่เสียก่อน” มู่ชิงเกอประสานมือตอบ
เจียงหลีฟังพลางขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้านี่วุ่นวายจริงๆ ไม่เหมือนแคว้นกู่วู่ของพวกเรา ขอเพียงชายหญิงสมัครใจ ก็สามารถจัดพิธีแต่งงานเป็นสามี ภรรยาได้เลย”
มู่ชิงเกอยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ภูมิหลังความเป็นมาของเซวียเฉียวยังต้องพิสูจน์ ความ ตั้งใจของท่านอาก็ยังไม่แน่นอนเรื่องนี้จะใจร้อนไม่ได้
“จะอย่างไร ก็ขอบคุณเจ้าแล้ว” มู่ชิงเกอเอ่ย
เจียงหลีส่งเสียงเฮอะด้วยความผิดหวัง ท่าทางเช่นนี้ของนางทำให้มู่ชิงเกออดสงสัยไม่ได้ว่านางเป็นฮ่องเต้หญิงที่ว่างงานมากจริงๆ
คนทั้งสองอยู่ในห้องกว่าหนึ่งชั่วยาม
ในช่วงเวลานี้ คนที่กังวลมากที่สุด ก็คือมู่เหลียนหรงและซางจื่อซู
ฝ่ายแรกนั้นคือเป็นห่วงกังวลว่ามู่ชิงเกอบอกความจริงไปแล้วจะมีอันตรายอะไรหรือไม่ แต่ว่าในห้องกลับเงียบเชียบอยู่ตลอด ไม่เหมือนมีการต่อสู้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นางสับสนเสียจนยืนนั่งกระสับกระส่าย
ส่วนซางจื่อซูนั้นกำลังคิดวกวนวุ่นวาย ชายหญิงอยู่ในห้องตามลำพัง ธรรมเนียมแคว้นกู่วู่เปิดเผยเพียงนี้จะเกิดเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขขึ้นไหม
หลายครั้งที่นางเกือบจะทนไม่ได้บุกเข้าไปด้านใน
แต่ว่าทุกครั้ง นางก็ได้แต่อดกลั้นเอาไว้
ในที่สุดประตูใหญ่ก็เปิดขึ้น มู่ชิงเกอเดินออกมากับฮ่องเต้หญิงแคว้นกู่วู่ด้วยท่าทางสงบ
เจียงหลีสวมผ้าคลุมหน้าสีทองอีกครั้ง เมื่อนางออกมา เอ่ยกับนางกำนัลที่เฝ้าอยู่ข้างนอกว่า “ประกาศออกไป งานแต่งยกเลิก แต่งานเลี้ยงคืนนี้ยังจัดตามเดิม”
เมื่อได้ยินว่างานแต่งยกเลิก ซางจื่อซูก็ถอนใจอย่างโล่งอก
ใจของมู่เหลียนหรงที่หวั่นหวาดเหมือนโดนแขวนที่หน้าผาก็กลับมาที่เดิม นางมองมู่ชิงเกอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม อีกฝ่ายก็เอาแต่มองนางยิ้มๆ พลางส่ายหน้า
ส่วนนางกำนัลของแคว้นกู่วู่ต่างก็มองหน้ากันไปมา สีหน้างุนงง
ราวกับไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮ่องเต้หญิงจึงได้สั่งเช่นนี้
แต่เจียงหลีนั้นเอาแต่ใจเสียจนเคยชินแล้ว
คำพูดของนางไม่มีนางกำนัลคนใดย้อนถาม แต่กลับถอยออกไปเตรียมการทุกอย่างตามคำสั่ง