ตอนที่ 163-3
ท่านอา ข้าจะแบกเกี้ยวให้ท่าน!
ข่าวคราวเรื่องภายในวังหลวงจะจัดงานแต่งงานนั้น ถูกฮ่องเต้หญิงเขียนไว้เป็นประกาศของวังหลวงไว้นอกวัง ประกาศบอกแก่ทั่วแคว้น ในวันงานแต่งงาน เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะเดินรอบวังหลวง รับคำอวยพรจากเหล่าราษฎร จากนั้นก็กลับมาวังหลวงทำตามพิธีการ นอกจากนี้ยังมีการแสดงดอกไม้ไฟในตอนเย็น เหล้าและอาหารชั้นเลิศภายในวังจะถูกส่งออกไป ให้ราษฎรได้เฉลิมฉลอง
เพียงแต่ สิ่งที่ทำให้ราษฎรของแคว้นกู่วู่แปลกใจก็คือ คู่แต่งงานคู่นี้ไม่ใช่ฮ่องเต้หญิงของพวกเขา แต่เป็นคนสองคนที่เคยเผชิญหน้ากับฮ่องเต้หญิงที่ลานจัตุรัสเมื่อก่อน
ข่าวนี้กลายเป็นข่าวที่โด่งดังที่สุดภายในเมืองเจียงเฉิงในชั่วพริบตา คนจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนแล้วแต่รอคอยงานแต่งงานในอีกสามวันให้หลัง คิดจะเห็นด้วยตาของตนเอง และก็อยากจะได้คำตอบว่าเพราะเหตุใดเจ้าบ่าวเจ้าสาวจึงเปลี่ยนคน!
ข่าวคราวเรื่องงานแต่งงาน ก็ถูกกระจายไปสู่หอหลอมศาสตราสาขาย่อยเช่นเดียวกัน
“หึ ล่วงเกินข้าหอหลอมศาสตราแล้วยังสามารถหนีมาสุขสบายไร้กังวลที่แคว้นกู่วู่ได้อย่างนั้นหรือ? ถึงกลับกล้าจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โตได้อีก!” หัวหน้าหอ หลอมศาสตราสาขาย่อยเอ่ยด้วยนํ้าเสียงที่แข็งกร้าวเย็นชา เต็มไปด้วยไอสังหาร
“ท่านหัวหน้า เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไรดี? ต้องรายงานสาขาหลักหรือไม่?” คนที่มารายงานข่าวเอ่ยถามเหยียนหวา
แววตาของเหยียนหวาดุดันขึ้น พูดอย่างรุนแรงว่า “รอทางสาขาหลักได้รับข่าวสาร ก็คงจะสายเกินไปแล้ว! ไม่ต้องสนใจคนอื่นรีบรวมคนลงมือในวันงานแต่งงานเลย!”
ลูกน้องคนนั้นรู้สึกลังเลเล็กน้อย จึงเอ่ยถามออกไป “แต่ว่าคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานนั้นไม่ใช่เขา?”
“แต่ก็มีความเกี่ยวข้องกับเขาไม่ใช่หรือ?” เหยียนหวาหลุบตาลงอย่างชั่วร้าย “เขากับเจ้าสาวในงานแต่งงาน ดูเหมือนว่าจะเป็นญาติกันในเมื่อเขาต้องการที่จะทำงานแต่งงานให้ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นพวกเราก็จะไปแสดงความยินดีแก่เขา!”
งานแต่งงานที่เปื้อนเลือดก็ยิ่งน่าจดจำมากขึ้นมิใช่หรือ? ในใจของเหยียนหวาคิดอย่างโหดเหี้ยม
“แต่ว่าระดับพลังของเขาก็ดูเหมือนจะไม่ต่ำ ทั้งยังมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว สาขาหลักของพวกเราก็ยังสูญเสียไปตั้งมากภายใต้นํ้ามือของเขา แม้แต่ผู้อาวุโสจินกุ้ยก็จบชีวิตลงภายใต้เงื้อมมือของเขา อีกอย่าง งานแต่งงานวันนั้นวังหลวงก็เป็นคนจัดการ ฮ่องเต้หญิงเจียงทางนั้น…” ลูกน้องยังรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง
ท่าทางของเหยียนหวากลับดูหยิ่งผยอง เอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจว่า “การตายของจินกุ้ยก็เป็นเพราะว่าเขาทำตัวเองเอง อีกอย่าง จินกุยก็อยู่แค่ระดับพลังชั้นสีน้ำเงินขั้นสูงเท่านั้น ส่วนข้าเพิ่งจะเพิ่มเป็นระดับพลังขั้นสีม่วง!” คำพูดของเขา ทำให้ดวงตาของลูกน้องของเขาฉายแววยินดีออกมา คุกเข่าลงกับพื้นเอ่ยแสดงความยินดี “ขอแสดงความยินดีกับท่านหัวหน้าที่เข้าสู่ระดับพลังชั้นสีม่วง ก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเทพ”
เหยียนหวาโบกมือ ยากที่จะปิดซ่อนความพึงพอใจในดวงตา เขาเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “เช่นนั้นก็ตัดสินใจเช่นนี้แหละ เจ้าไปจัดการด้วยตนเองทั้งหมด ข้าอยากจะทำให้ งานแต่งงานในครั้งนี้เปลี่ยนเป็นฝันร้ายของพวกเขา!”
“ขอรับ! ข้าจะไปจัดการในทันที!” ลูกน้องรับคำสั่งแล้วถอยออกไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเพราะไม่ได้เห็นด้วยตาและได้รับข่าวลือจากคนอื่นมา พวกเขาจึงยังไม่ทันได้ทราบว่าเฝิงคุนไห่ก็ตายภายใต้เงื้อมมือของมู่ชิงเกอ ทั่วทั้งเมืองวั่นเฟิงก็ถูกนางแค่คนเดียวพลิกตลบ แม้แต่ผู้อาวุโสเฮยมู่สำนักหมื่นอสูรก็ถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส!
ข่าวคราวเหล่านี้ ยังคงอยู่ระหว่างการแพร่กระจาย แต่หอหลอมศาสตราสาขาย่อยก็จัดการการเคลื่อนไหวทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว
อาณาจักรเซิ่งหยวน ตำหนักหลีกง
ตำหนักหลังนี้ ดูเหมือนว่าจะลอยตัวอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ตั้งอยู่บนโลก รอบๆ ตำหนักมีภูเขาเรียงราย น้ำตกลาดชัน นกกระเรียนสีขาวบินไปมา กระแสนํ้าไหลระเรื่อย ดุจดั่งเป็นภาพของดินแดนเซียน ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของอาณาจักรเซิ่งหยวน ไม่อนุญาตให้คนเข้ามา มิเช่นนั้น ไม่ว่าเจ้าจะเป็นราษฎร ธรรมดา หรือว่าคนในราชวงศ์ชั้นสูง ในตอนที่เข้ามาใกล้ ก็จะถูกม่านพลังด้านนอกทำให้กลายเป็นฝุ่นผงหายไปจากโลก
ทุกๆ วัน บริเวณรอบๆ ที่ใกล้เคียงกับตำหนักมากที่สุด ล้วนแต่มีคนมากมาย ไม่แบ่งสถานะมาอธิษฐานขอพร แม้กระทั่งยังมีผู้คนจำนวนมาก คุกเข่าครั้งหนึ่งก็หนึ่งเดือน หนึ่งปี แค่เพียงขอโอกาสเข้าไปในตำหนักหลีกง เพื่อรับใช้บุคคลผู้นั้น
เหล่าคนในนั้น มีทั้งคนที่มีสถานะสูงส่งที่เป็นถึงอ๋อง คุณชาย คุณหนูตระกูลสูง องค์ชาย องค์หญิง ทั้งยังมีบุตรของราษฎรคนธรรมดา วัตถุประสงค์ที่พวกเขาทำนั้นเหมือนกัน ล้วนแต่ต้องการจะเปลี่ยนโชคชะตาผ่านคนผู้นั้น
คนที่โชคร้าย หากได้รับเลือกก็จะกลายเป็นที่รักของโชคชะตา คนที่แต่เดิมที่โชคดี ก็จะโชคดีมากยิ่งขึ้น ทำให้ตนเองได้เหยียบเมฆ ก้าวเท้าไปบนยอดเขา!
กู่เย่ยืนอยู่บนยอดเขาที่โดดเดี่ยวมองเห็นฝูงชนที่ยืนอยู่ในพื้นดินเหมือนมด
กลิ่นกำยานหอมประจำวันถูกจุดขึ้น แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ที่นี่ ไกลออกมาร้อยลี้ ก็ยังได้กลิ่นพวกคนที่มากราบไหว้ พวกนี้มาเรื่อยๆ แม้แต่เขาก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม หว่างคิ้วของเขาไม่ได้ปรากฏร่องรอยความรู้สึกใดๆ เลย นอกจากความเย็นชาและดูแคลน
ดูเหมือนว่า การกระทำของผู้คนเหล่านั้น ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบ และรำคาญ
เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าประมุขของตนเองก็ไม่เคยสนใจพวกเขาเลย แต่เหตุใดคนเหล่านี้จึงยังมาคุกเข่าอยู่ที่นี่อีก อยู่ที่นี่เพื่อขอความสงสารจากท่านประมุข ยังไม่สู้กลับบ้านไปเก็บตัวฝึกพลังพัฒนาตนเองจะไม่ดีกว่าหรือ
ความจริงง่ายๆ แค่นี้พวกเขาคนกลุ่มนี้ กลับไม่เข้าใจ?
พวกคนที่เกิดอยู่แคว้นระดับหนึ่ง รวมพวกที่มาจากแคว้นระดับสองที่มา ‘ขอพร’ ก็มิใช่ว่าก็เป็นดุจดั่งบรรดาศักดิ์โหวเล็กๆ ของแคว้นระดับสามแล้วมิใช่หรือ?
เจ้านายของบ้านเขาไม่เคยสงสารบรรดาผู้ที่พยายามจะตั้งความหวังไว้ในตัวของผู้แข็งแกร่ง
“กู่เย่ เจ้าอยู่ที่นี่มองเห็นอะไรบ้าง?”
ด้านหลังมีเงาแสงแวบหนึ่ง กู่หยาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเขา ถามด้วยความขบขัน
กู่เย่ตอบอย่างเย็นชาว่า “เห็นถึงความโลภและความเขลาของคนกลุ่มนี้”
หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองกู่หยาแวบหนึ่ง เอ่ยถามว่า
“เรื่องที่ท่านประมุขมอบหมายให้ทำนั้น ทำเสร็จหรือยัง?”
กู่หยาพยักหน้า “ข้ารับรองว่าคำสั่งต้องการตัวคุณชายของแคว้นหรง จะต้องหายไปภายในเช้าพรุ่งนี้”
“ยังมีสำนักหมื่นอสูรและหอหลอมศาสตรา” กู่เย่ขมวดคิ้ว
กู่หยายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “กำลังของสำนักหมื่นอสูรนั้นอยู่ที่แคว้นหรงและแคว้นอวี่ ตอนนี้นายน้อยไม่ได้อยู่ในสองที่นี้ ดังนั้นจึงไม่สำคัญ ส่วนหอหลอมศาสตรา ข้าลอบเพิ่มความยากลำบากในการส่งข่าวสารแก่พวกเขาเล็กน้อย อิงตามที่ข้าเข้าใจคุณชาย นางน่าจะไม่ดีใจถ้าพวกเราช่วยนางจัดการจนหมดจด”
กู่เย่มองเขาแวบหนึ่ง “อยู่ข้างกายนางนานแล้ว เจ้าดูเปลี่ยนไปนะ”
“เปลี่ยน?” กู่หยาชะงัก หรี่ตายิ้มออกมาทันที “เปลี่ยนเป็นร้ายกาจขึ้นมากใช่หรือไม่?”
“ไม่ เปลี่ยนเป็นเมตตาแล้ว” กู่เย่ค่อยๆ ส่ายหน้า
“เมตตา!” ดวงตาของกู่หยาถลนออกมา
สายตาของกู่เย่มองไปยังทิศที่ไกลออกไป เอ่ยเหมือนระลึกความทรงจำ “แต่ก่อนหากพบเรื่องราวเช่นนี้ จะวางแผนมากมายซับซ้อนไปทำไม? ฆ่าไปเลยก็จบเรื่อง แล้ว”
มุมปากของกู่หยากระตุก ในใจลอบเอ่ย นิสัยของกู่เย่ยังคงเป็นเช่นเคย…ตรงไปตรงมา!