ตอนที่ 163-2
ท่านอา ข้าจะแบกเกี้ยวให้ท่าน!
ถูกเจียงหลีรบกวน มู่ชิงเกอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะนอนต่อ เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างขี้เกียจ หลังจากไปทานสำรับเช้าเป็นเพื่อนเจียงหลีแล้ว ก็ไปหามู่เหลียนหรง
เคาะประตูห้องของมู่เหลียนหรง ประตูก็ถูกคนที่อยู่ด้านในเปิดออกอย่างรวดเร็ว
มู่เหลียนหรงมองไปด้านนอกประตูเห็นเป็นมู่ชิงเกอที่ยืนอยู่ แก้มดูเหมือนว่าขึ้นด้วยละอองฝนและแต้มไปด้วยสีแดง
ดวงตาของนางดูเอียงอายเล็กน้อย “ชิงเกอเจ้ามาแล้วหรือ?”
มู่ชิงเกอมองนางอย่างแปลกประหลาดแวบหนึ่ง ทั้งยังมองไปที่ด้านหลังของนาง เอ่ยถามว่า “ท่านอาตอนนี้สะดวกอยู่หรือไม่?”
มู่ชิงเกอคิดว่าคำนี้พูดได้อย่างมีมารยาทมาก ไม่มีความหมายอื่นใดเลย แต่ว่าภายในหูของมู่เหลียนหรง กลับกลายเป็นความอับอาย
นางเปิดประตูในทันที ยืดเอวขึ้น เอ่ยอย่างเสียงดังว่า “จะไม่สะดวกได้อย่างไร? ภายในห้องไม่ได้มีคนเสียหน่อย!”
มู่ชิงเกอถูกการตอบสนองของท่านอาทำให้ตกใจจนกะพริบตา
แต่นางก็ถูกท่านอาลากเข้าไปในห้องทันทีอย่างรีบร้อน ประตูห้องด้านหลังก็ถูกปิดลง
มู่ชิงเกอหันมองมู่เหลียนหรง เห็นท่าทางของนางดูแตกตื่น ทั้งยังแอบลอบถอนหายใจ
“ท่านอา ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
มู่เหลียนหรงส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นอะไร จะมีอะไรได้ชิงเกอ เจ้ามาหาอามีเรื่องอะไร เร็ว นั่งลงดื่มชาก่อน”
มู่ชิงเกอตามมู่เหลียนหรงเดินไปข้างโต๊ะแล้วนิ่งลง นางลอบมองไปรอบ ๆ ภายในห้องไม่มีคนจริง ๆ
เพียงแต่ท่าทางของท่านอาเมื่อครู่ดูแปลกประหลาดจนเกินไป
นางยกชาขึ้นจิบอย่างรู้สึกสงสัย ดื่มไปอึกหนึ่งจึงค่อยวางลง
ในเวลานี้ มู่เหลียนหรงก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ นางรินชาให้ตนเอง จากนั้นก็ค่อยถามว่า “มาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”
ท่าทางของมู่ชิงเกอดูจริงจังขึ้นหลายส่วน มองมู่เหลียนหรง แล้วเอ่ยถาม “ท่านอาคิดดีแล้วหรือยัง?”
มู่เหลียนหรงชะงัก ยิ้มอย่างกระดากอายออกมา ค่อยๆ เบี่ยงกายหลบสายตาจับผิดของหลานสาว “ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลใจเรื่องอะไร เจ้าเป็นกังวลว่าข้าจะสาบานเพราะความคิดชั่ววูบ รอให้ได้สติแล้วก็อาจจะเสียใจภายหลังได้จากนั้นก็ต้องสูญเสียสิ่งแลกเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่”
มู่ชิงเกอขยับริมฝีปาก เอ่ยกับนางว่า “ท่านอาก็น่าจะรู้ว่าสิ่งแลกเปลี่ยนนี้ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือว่าท่านปู่ก็ไม่ สามารถรับมันได้”
บ้านตระกูลมู่ ดุจดั่งใบไม้ที่ร่วงโรยแล้ว เหลือแค่เพียงพวกเขาสามคน
จะขาดใครไปอีกไม่ได้!
“ข้ารู้” มู่เหลียนหรงจับปอยผมของตนเองแล้วเหน็บไว้หลังหู
นิ่งไปครู่หนึ่ง นางถึงได้ช้อนตาขึ้นมามองไปที่ดวงตาของมู่ชิงเกอ เอ่ยอย่างไม่มีหวี่แววจะหลบเลี่ยงว่า “เมื่อคืนวาน ข้าไม่ได้ตัดสินใจไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ที่จริงแล้ว…ตอนที่ได้ยินเขาพูดประโยคนั้นในใจของข้าก็ชอบเขาอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อวานตอนกลางวันบนลานจัตุรัส ข้าก็ได้รู้สึกถึงแล้วว่า หากเขาจะแต่งงานกับฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นกู่วู่จริงๆ ข้าก็จะต้องรู้สึกเจ็บปวด เจ้าก็รู้ว่าอาทำเพื่อตระกูลมู่มาโดยตลอด ไม่เคยมีความคิดส่วนตัวเพื่อตัวเองเลย ยิ่งไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แต่ว่า ภายในพริบตานั้น อยู่ดีๆ ข้าก็เข้าใจขึ้นมา ภายในใจของข้านั้นชอบเขา ไม่ยินยอมให้เขาแต่งคนอื่นเป็นภรรยา คิดจะมองเห็นเขาทั้งคืนทั้งวัน มีทุกข์มีสุขร่วมกัน เพียงแต่ตอนนั้น…”
มู่เหลียนหรงก้มหน้าลง ขนตายาวปิดกั้นความรู้สึกของนางเอาไว้
แต่ว่ามู่ชิงเกอก็รู้ลึกถึงว่าดวงตาของนางในตอนนี้นั้น อบอุ่นมาก ดุจดั่งหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรักเหล่านั้น
“ตอนนั้นข้าก็ยังไม่รู้ถึงความในใจของเขา เพียงแต่รู้สึกว่า ข้าอายุมากกว่าเขา เขาสามารถถือข้าว่าเป็นพี่สาว ไม่อาจให้ข้าเป็นภรรยาได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าคิดและไม่ อาจคิด” เมื่อมู่เหลียนหรงพูดจบ ก็ถอนหายใจออกมา ในที่สุด นางก็เผยรอยยิ้มที่มีความสุขออกมา เงยหน้ามองดูมู่ชิงเกอแล้วเอ่ย “ยังดีที่เขากล้าหาญกว่าข้า หากว่าพวกเราทั้งสองล้วนแต่ขี้ขลาด กลัวว่าวาสนาในครั้งนี้ก็คงต้องพลาดไปแล้ว”
“ดังนั้น…” มู่ชิงเกอเอ่ยว่า “ท่านอาชอบพอเขาอย่างนั้นใช่ไหม?”
มู่เหลียนหรงพยักหน้า
เมื่อได้รับคำตอบจากท่านอาแล้ว จิตใจที่เป็นกังวลของมู่ชิงเกอก็ค่อยวางลงได้ แต่ก่อนเป็นเพราะกังวลใจว่าท่าน อาจะตัดสินใจสาบานโดยไม่ได้มีความรักแล้วเสียใจทีหลัง ตอนนี้เมื่อได้รู้ความในใจของนางแล้ว นางก็วางใจได้
สรุปแล้ว ก็น่าจะเป็นอย่างที่เจียงหลีเอ่ย ในเมื่อกังวลก็ต้องถามให้แน่ชัด อย่าได้กังวลใจไปอยู่คนเดียว “ในเมื่อในใจของท่านอาเข้าใจ เช่นนั้นข้าก็จะไม่พูดมาก” มู่ชิงเกอวางใจลง คิดถึงข้อเสนอแนะของเจียงหลีขึ้นมา นางจึงเอ่ยขึ้น “ฮ่องเต้หญิงเอ่ยว่า สิ่งของสำหรับงานแต่งงานภายในวังหลวงล้วนแต่จัดเตรียมเอาไว้ทั้ง หมดแล้ว ในเมื่อท่านอากับอาเขยได้สาบานกันแล้ว ก็ไม่สู้จัดงานแต่งงานกันอย่างยิ่งใหญ่ในแคว้นกู่วู่เสียเลยจะดีกว่าไหม? รอกลับแคว้นฉินแล้ว ก็ค่อยจัดอีกครั้งตามธรรมเนียมของแคว้นฉินเรา เรื่องทางฝั่งท่านอาเขย ข้าก็จะไม่สนใจแล้ว แค่ไม่ทำให้ท่านอาเสียใจก็พอ”
“จัดการแต่งงานที่นี่อย่างนั้นหรือ?” มู่เหลียนหรงพูดอย่างแปลกใจ
ดูเหมือนว่าจะตอบสนองไม่ทันกับข้อเสนอในครั้งนี้
มู่ชิงเกอพยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว ถ้าหากว่าท่านอายินยอม งานแต่งงานก็จะถูกจัดขึ้นภายในสามวันให้หลัง รองานแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว พวกเราค่อยกลับแคว้นฉิน”
“เรื่องนี้…ข้าต้องคุยกับเซวียเฉียวสักหน่อย’’ มู่เหลียนหรงเอ่ยอย่างลังเล
“ไม่ต้องคุย ข้ายินดี!” ทันใดนั้น นอกประตูก็มีเสียงอันแน่วแน่ของเซวียเฉียวดังเข้ามา
มู่ชิงเกอและมู่เหลียนหรงหันหน้ากลับไป ก็มองไปเห็นเซวียเฉียวเดินเข้ามา ภายในดวงตามองแค่มู่เหลียนหรง มาถึงข้างกายของนาง ดึงมือของนางขึ้นมา แล้วเอ่ยกับนางว่า “ข้ากลัวเจ้าจะยกเลิก ยังคงต้องกำหนดสถานะให้แน่ชัดก่อน เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องกลัวแล้ว!”
มู่เหลียนหรงดูเหมือนจะอ่อนไปกับดวงตาอันอ่อนโยนของเซวียเฉียว ถูกคำพูดของเขาทำให้หน้าแดงกํ่าขึ้น
ทั้งสองคนมองตากันด้วยความรักอย่างลึกซึ้ง ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างมู่ชิงเกอ ขยับตัวออกจากห้องไปเอง ตรงไปจนออกจากตำหนัก มู่ชิงเกอถึงได้รู้สึกว่าความรู้สึกรบกวนจิตใจพวกนั้นห่างหายจากตัวเองออกไปไกลแล้ว
เดินออกจากตำหนักแล้ว มู่ชิงเกอก็เงยหน้ามองฟ้า เอ่ยกับตัวเองว่า “ท่านอาพูดว่า นางไม่ได้ปฏิเสธการสารภาพรักของเซวียเฉียว แต่กลับชอบ นางไม่หวังให้ข้างกายของเซวียเฉียวมีผู้หญิงคนอื่น เพราะว่านางชอบเขา เช่นนั้นข้าละ? เขา ตอนที่สารภาพรัก ข้าก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รู้สึกปฏิเสธ ไม่มีการปฏิเสธความใกล้ชิดของเขา…นี่เป็นความรักหรือไม่?”
คิดหาผลลัพธ์ไม่ออก มู่ชิงเกอก็เก็บสายตากลับคืน ลูบเปลือกตาที่ปิดลงไปมา
ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาของนางก็ฟื้นกลับสู่ความสดใส
เมื่อถามถึงที่อยู่ของเจียงหลีแล้วนางก็สามารถหาเจียงหลีพบได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนำการตัดสินใจของท่านอาไปบอกนางแล้ว เจียงหลีก็ประกาศออกไปในทันทีว่า งานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นภายในสามวันให้หลัง