Skip to content

พลิกปฐพี 166-2

ตอนที่ 166-2

คุณชายอายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!

“โจวอู่เวย คืนนี้เป็นงานประมูลคืนแรกของเยาเถา เจ้าประกาศราคาได้ แล้วทำไมข้าจะประกาศบ้างไม่ได้? อะไรเรียกว่าหาเรื่องเจ้า? อีกอย่างถ้าข้าคิดจะหาเรื่อง เจ้าแล้วเจ้าจะทำไม?” เจ้าอ้วนเช่ากล่าวว่าเสียงเย็น พอมีมู่ชิงเกอคอยหนุนหลัง เขาวันนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องกู้หน้าคืนมาให้ได้!

“เจ้า! ได้ เจ้าจะเล่นกับข้าใช่ไหม? ข้าก็จะค่อยดูซิว่าเจ้าจะมีเงินเล่นกับข้าไปถึงเมื่อไร!” โจวอู่เวยโมโหจนกัดฟันแน่น ก่อนจะเดินออกมาจากในห้องเช่นกัน เดินมาที่ระเบียงกั้น

เขามองไปทางเวทีด้านล่างก่อนจะยกพัดขึ้นมาในท่วงท่าสบายๆ พร้อมกับประกาศราคาออกไป “ข้าเพิ่มอีกหนึ่งพันตำลึง!” กล่าวจบก็ยังถลึงตามองไปทางเจ้าอ้วนเช่าอย่างไม่ยินยอม

“โอ้ นี่ก็สี่พันตำลึงแล้วสินะ!” ฝูงชนพากันหัวเราะเฮฮา

“คาดว่าการประมูลครั้งนี้จะต้องทำลายสถิติเดิมก่อนหน้าเป็นแน่!”

“นี่ก็ไม่ได้ชัดเจนแล้วรึไง? ตอนนี้ก็ทำลายสถิติเดิมไปตั้งนานแล้ว? ข้ายังจำได้ว่าแม่นางจิ่นที่หน้าตางดงามคนก่อนหน้า ตอนที่ประมูลคืนแรกก็ได้ไปแค่หนึ่งพันสองร้อยตำลึงเอง”

“เจ้าอ้วนเช่า เจ้าเรียกราคาเพิ่มอีกซิ?” โจวอู่เวยกล่าวขึ้นพร้อมกับยกยิ้มแยกเขี้ยว

เจ้าอ้วนเช่าถลึงตากลับไปหาเขา กล่าวว่าอย่างไม่พอใจ “ห้าพันตำลึง!”

ซู๊ด—–!

“ห้าพันตำลึง! ราคาเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะซื้อที่ดินด้านนอกลั่วตูได้แล้ว! กลับเอามาซึ้อผู้หญิงนางหนึ่งน่ะรึ? ก็ยังสมกับเป็นพวกจอมเสเพลยิ่งนัก สิ้นเปลืองนัก สิ้น เปลืองเกินไปแล้ว!”

“เฮ้อ พวกเราก็รู้สึกอิจฉาไม่ลงแล้วจริงๆ!”

ห้าพันตำลึง!

แม่เล้ามือกุมไปที่หัวใจ รู้สึกได้ว่าหัวใจของตนก็เต้นแรง จนเกือบจะหลุดออกมาแล้ว

เยาเถากลับมีท่าทางซวนเซ เกือบจะยืนเอาไว้ไม่อยู่ นางจิตใจล่องลอย ในใจเต็มไปด้วยความว้าวุ่นที่ไม่อาจกำจัดไปได้ ตอนนี้นางก็เหลือเพียงความคิดเดียว นั้นก็ คือ ‘จะทำเช่นไรดี? จะต้องทำยังไง? คืนนี้ความบริสุทธิ์ของนางคงยากจะรักษา ชายคนรักของนางจะรู้สึกยังไง?’

แม่เล้าตื่นเต้นจนตัวสั่นพลางกล่าวว่า “ห้าพันตำลึง ยังมี ที่สูง…”

“ข้าออกแปดพันตำลึง!” แม่เล้ายังไม่ได้กล่าวจบประโยค ก็ถูกโจวอู่เวยกล่าวขัดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ทันไรก็เพิ่มมาอีกสามพันตำลึง ฝูงชนที่มุงดู นอกจากในใจจะด่าว่า ‘เจ้าคนจอมล้างผลาญ’ แล้วก็ยังจะพูดอะไรได้อีก?

แม่เล้าก็ตื่นเต้นจนเกือบจะสลบลงไป

ส่วนเยาเถาน่ะหรือ? ก็จำเป็นจะต้องให้สาวใช้คนสนิท คอยประคองเอาไว้ถึงจะฝืนยืนเอาไว้ได้ นางเริ่มเสียใจแล้ว เสียใจที่ตนไม่น่าสร้างเรื่องเช่นนี้ออกมา ถ้าหาก นางไม่ยกคุณชายมู่ออกมา ก็คงจะขายตัวเองออกไปได้อย่างธรรมดาสามัญ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คงไม่เกิดขึ้น แต่ว่าตอนนั้นนางไม่เพียงยากจะหลบหนีโชคชะตา กลับกันยังไปล่วงเกินคุณชายมู่เข้าอีก

ถ้าหากหลังจากคุณชายมู่กลับมาแล้ว แล้วได้ยินเรื่องราวในวันนี้เข้าก็จะคิดกับนางเช่นไรกัน แล้วจะคิดจัดการกับนางเช่นไร?

เยาเถาก็ไม่กล้าไปคิดถึงมันอีก ทำได้เพียงปล่อยให้หยาดนํ้าตาไหลลงจากขอบตา หยดซึมไปตามผ้าคลุมหน้า แฉะชึ้นจนเผยโครงหน้างดงามเกลี้ยงเกลาของนางออกมา

รูปลักษณ์ของเยาเถางดงามในแบบที่ใสสะอาดดูบริสุทธิ์ ในความอ่อนหวานดูมีชีวิตชีวา

ในตอนนี้พออยู่ในท่าทางร้องไห้ดูเศร้าสร้อย ก็ยิ่งเพิ่มความน่าสงสารน่าทะนุถนอมขึ้นไปอีกหลายส่วน

โจวอู่เวยที่แต่เดิมกำลังปะทะคารมกับเจ้าอ้วนเช่า พอเห็นฉากภาพนี้ในใจก็เกิดสั่นสะท้านขึ้น

ตอนนั้นเอง เจ้าอ้วนเช่าก็ร้องประกาศขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าออกหนึ่งหมื่นตำลึง!”

คำกล่าวประโยคนี้ก็เหมือนนํ้าเย็นสาดรดลงไปบนหัวของโจวอู่เวย แขนทั้งสองข้างของเขากำแน่นที่ขอบระเบียง กล่าวตะโกนไปทางเจ้าอ้วนเช่า “เช่าเย่เจ๋อ เจ้า เพื่อผู้หญิงเพียงคนก็ถึงกับใช้เงินหนึ่งหมื่นตำลึงมาข่มข้า!”

เจ้าอ้วนเช่ามองไปทางเขาอย่างดูแคลนหนหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทางหยิ่งยโส “มาร้องเรียกข้าอันใดกัน? เจ้าไม่ใช่ว่ามีเงินหรือไร? เพิ่มราคาต่อไปซิ!”

โจวอู่เวยอยู่ๆ ก็ดูผ่อนคลายลง หัวเราะเสียงเย็นขึ้น “ใช่แล้ว ที่ข้ามีก็คือเงิน แต่ว่าข้ากำลังสงสัยว่าเจ้ามีเงินจริงๆ หรือไม่?”

เจ้าอ้วนเช่าก็ไม่ได้ถูกเขายั่วยุจนโมโห แต่ใช้นิ่งสยบแข็ง กล่าวว่า “เรื่องนี้ก็ไม่ต้องให้เจ้ามากังวล”

คำกล่าวประโยคนี้ก็ทำเอาโจวอู่เวยสีหน้าพลันกลายเป็นเคร่งขรึมลง

ช่วงนี้ที่เขาได้มาอยู่ลั่วตูก็ยังไม่เคยเสียหน้าเช่นนี้มาก่อน! ไม่ว่าจะปะทะกับเจ้าอ้วนน่าตายผู้นี้มาแล้วหลายครา แต่ที่ชนะก็เป็นเขาทั้งหมด! ตอนนี้เขาจะไปยอมแพ้ได้อย่างไรกัน?

“ได้! เจ้าจะแข่งเงินกับข้ารึ? ข้าออกหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง!” โจมอู่เวยกล่าว พลางขบฟันแน่น

“สวรรค์! คนผู้นี้เสียสติไปแล้วหรือไร? จ่ายเงินหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงเพื่อได้ร่วมหลับนอนกับหญิงคณิกา? แล้วก็ยังแค่คืนเดียว!”

“เกรงว่านี่คงไม่ใช่เรื่องของการแย่งหญิงงามแล้ว เพียงแค่เป็นการกู้หน้าเพียงเท่านั้น”

“ฮ่า ฮ่าา ดูออกแล้วรึ? พวกเราไม่ลองมาพนันกันดู ดูซิว่า คุณชายจอมเสเพลที่เป็นเจ้าถิ่นเดิมกับจอมเสเพลหน้าใหม่ของลั่วตูใครจะร้ายกาจกว่ากัน?”

“ทำไม? ไม่กล้าเพิ่มราคารึ?” โจวอู่เวยหันไปสบถเสียงเย็นขึ้นกับเจ้าอ้วนเช่าอย่างไม่พอใจ

สายตาเช่นนั้นก็ดูชิงชังจนอยากจะเรียกเลือดของเจ้าอ้วนเช่าออกมา

เจ้าอ้วนเช่าใช้หางตากวาดมองไปทางเขาหนหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทางนิ่งสงบ “ข้าออกสองหมื่นตำลึง!”

“สองหมื่นตำลึง! มารดามันเถอะ!” แม่เล้าก็พลันตกใจขึ้น บางทีอาจจะเป็นเพราะตกใจจนเกินไป ก้นล้มลงไปนั่งกับพื้น

เยาเถาก็รู้สึกเหน็บชาไปตั้งแต่ต้นแล้ว เหมือนกับหุ่นเชิดก็ไม่ปานยิ่งนิ่งตะลึงอยู่กับที่

การลื่นล้มของแม่เล้าก็ทำเอาคนไม่น้อยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

แต่ว่าเสียงหัวเราะเหล่านี้พอเข้าสู่หูของโจวอู่เวยแล้ว กลับกลายเป็นกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่

โจอู่เวยจ้องเขม็งไปทางเจ้าอ้วนเช่าอย่างดุดันก่อนจะถามว่า “คนแซ่เช่า คืนนี้เจ้าจะลองดีกับข้าจนถึงที่สุดใช่หรือไม่?”

เจ้าอ้วนเช่าเปิดปากหัวเราะขำขึ้น หัวเราะขึ้นอย่างสะใจนัก หัวเราะลั่นจนหน้าสั่นกระเพื่อมไปมา “เจ้าวางใจ ข้าก็ไม่ได้มีเงินมากเท่าเจ้า แน่นอนว่าสู้เจ้าไม่ได้ ถ้าหากว่า เจ้ายังสามารถจ่ายได้สูงกว่าสองหมื่นตำลึงนี้อีก ข้าก็คงไม่อาจสู้ต่อกับเจ้าได้แล้ว”

เอ๋? แค่นี้ก็ถอยแล้วรึ?

พวกเขากำลังดูอย่างสนุกอยู่เลย แต่พออยู่ๆ ได้ฟังคำกล่าวประโยคนี้ของเจ้าอ้วนเช่าเข้า ชั่วขณะก็เหมือนกับถูกกวาดความสนุกลงไปจนหมด ในเมื่อไม่คิดจะแข่งกันไปจนถึงที่สุด แล้วทำไมจะต้องโผล่ออกมาด้วย?

หรือว่าจะอยากให้คนแซ่โจวนั่นต้องจ่ายเงินอย่างไม่เป็นธรรมมากกว่าเดิม?

โลกของจอมเสเพลนี้พวกเขาก็ไม่อาจทำความเข้าใจได้จริงๆ!

“ที่เจ้าพูดก็เป็นความจริงรึ?” โจวอู่เวยดวงตาทั้งสองข้างหรี่เล็กลง กล่าวอย่างไม่เชื่อ

เจ้าอ้วนเช่าเชิดคออวบอ้วนของตัวเองขึ้น พร้อมกับสบถออกมา “ก็ใช่น่ะสิ! ข้าเวลากล่าววาจาก็ไม่เคยกลืนคำพูดของตัวเองมาก่อน!”

“ได้! ข้าเชื่อเจ้า!” โจวอู่เวยจ้องมองไปทางเจ้าอ้วนเช่า สายตาเย็น ราวกับว่ากำลังเอาเรื่องที่เจ้าอ้วนเช่าจงใจให้เขาออกเงินมากกว่าเดิมจดจำเอาไว้ในสมอง จ้องมองไปทางตัวของเจ้าอ้วนเช่าอย่างดุดันสายหนึ่ง ก่อนที่โจอู่เวยจะค่อยๆ หันมองไปทางแท่นเวที ตาทั้งสองข้างมองไปทางเยาเถาท่าทางนํ้าลายไหล เชิดคอสูงพลางร้องกล่าวขึ้น “ข้าจ่ายสองหมื่นหนึ่งพันตำลึง!”

เสียงของเขาก็ฟังดูสั่นไหวอยู่เล็กน้อย

คนนอกฟังแล้วก็คิดว่าเขากำลังตื่นเต้น แต่ว่าในความจริงแล้วเขาก็รู้ว่าการที่ตนเองคืนเดียวจ่ายเงินไปสองหมื่นหนึ่งพันตำลึง เพื่อซื้อพรหมจรรย์ของหญิง คณิกาคนหนึ่ง ต่อให้ที่บ้านเขาจะมีเงิน แต่หลังจากกลับไปถึงบ้านแล้ว เขาก็ยังต้องหนังลอกออกไปชั้นหนึ่ง

และแน่นอนหนี้แค้นนี้ก็จะต้องนับเจ้าอ้วนเช่านี้เอาไว้ด้วย

“สองหมื่นหนึ่งพันตำลึง!” แม่เล้ารู้สึกยินดีอย่างถึงที่สุด นิ่งอยู่บนพื้น นิ้วที่มือทั้งสองข้างนับคำนวณไปมา แต่ก็ไม่อาจนับออกมาได้ว่าเงินจำนวนสองหมื่นหนึ่งพันตำลึงมีจำนวนมากมายเท่าใดกัน

ตอนนั้นเอง สายตาของนางที่มองไปยังเยาเถา ก็เหมือนกับกำลังจ้องมองต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ยินดีจนไม่รู้จะยินดีอย่างไรแล้ว!

นางก็ไม่สนใจที่ลุกจะขึ้นมาจากพื้น ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นไปโบกส่ายไปมา “คุณชายโจวประกาศราคาสองหมื่นหนึ่งพันตำลึง ยังมีสูงกว่านี้อีกไหม? ถ้าหากไม่มีคืนนี้เยาเถาคนงามของพวกเราก็จะตกเป็นของคุณชายโจวแล้วนะเจ้าคะ”

สองหมื่นหนึ่งพันตำลึง คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะประกาศราคาสู้!

ฝูงชนที่มุงพากันกล่าวในใจอย่างไม่ยินยอม

เยาเถาผู้นี้ก็ไม่ได้เป็นหญิงงามเลิศลํ้าอันใด ไหนเลยจะคู่ควรกับราคาเช่นนี้? ตอนนี้ที่ค่าตัวถูกดันให้พุ่งสูงขึ้นไป ถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้ ก็แค่เป็นเพราะการปะทะคารมของจอมเสเพลสองคน

แม่เล้าพอกล่าวจบ ในแววตาก็จ้องมองไปทางเจ้าอ้วนเช่าอย่างวาดหวัง ราวกับหวังว่าจะให้เขาเพิ่มราคามากขึ้นไปอีก ตนเองจะได้ทำเงินได้มากขึ้น

เพียงแต่ เล้าอ้วนเช่าก็เหมือนกับไร้ความรู้สึกก็ไม่ปาน ไม่ขยับแม้แต่น้อย

ดูจากท่าทางเช่นนั้นของเขาก็ดูเหมือนจะยึดถือกับคำมั่นที่ตนให้ไว้กับโจวอู่เวย ไม่คิดจะสู้ราคาอีกจริงๆ

แม่เล้าค่อนข้างผิดหวัง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะให้แพะอ้วนทั้งสองตัวนี้ปะทะคารมกันต่อไป

“พูดไร้สาระอันใดกัน? ข้าก็ไม่เชื่อว่ายังจะมีใครกล้าเพิ่มราคาอีก! ยังจะมีใครคิดล่วงเกินข้าผู้นี้อีก!”

แม่เล้าที่มีท่าทีละโมบโลภมากเช่นนั้น ก็ทำเอาโจวอู่เวยรู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก ร้องเร่งขึ้นไม่หยุด

“อ้า อ้า!” แม้เล้าช้อนกระโปรงขึ้น ชันกายลุกขึ้นมาจากพื้น

แต่ว่ายังไม่รอให้นางยืนได้มั่นคง ก็มีเสียงราบเรียบสายหนึ่งดังกังวานมากจากชั้นสอง “ข้าออกหนึ่งตำลึง”

พรูด!

พรูด พรูด!

ในโถงใหญ่กับในห้องส่วนตัวบนชั้นสองก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่พ่นชาพ่นเหล้าออกมา

ราวกับว่าได้รับความตระหนกตกใจอย่างรุนแรง

แม่เล้านิ่งชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเชิดตัวตรงขึ้นมา มือเท้าสะเอวพลางเงยหน้าร้องเสียงดังขึ้น “ใคร? ใครกำลังคิดจะก่อกวนที่นี่?”

เสียงเยียบเย็นของโจวอู่เวยอยู่ๆ ก็ดังขึ้นมา “ใครกล้าดีมาหาเรื่องข้ากัน? ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไง?”

“เป็นข้า” แล้วก็มีเสียงราบเรียบลอยมาอีกสองคำ

แต่ว่าครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นแม่เล้าหรือโจวอู่เวย อีกทั้งฝูงชนที่กำลังมุงดูเรื่องสนุกก็ต่างได้ยินอย่างชัดเจนว่าเสียง เสียงนั้นดังลอยมาจากห้องของเจ้าอ้วนเช่า

“เจ้าอ้วนเช่า เจ้าจะเล่นลูกไม้อันใดกัน!” โจวอู่เว่ยขมวดคิ้วขึ้นมาพลางกล่าวอย่างชิงชัง

แต่ว่าแม่เล้ากับคนอื่นกลับคาดเดาบางอย่างขึ้นได้ประการหนึ่ง พากันเงียบเสียงลง ก่อนจะค่อยๆลุกยืนขึ้นมา บนใบหน้าของแม่เล้าพลันกลายเป็นซีดขาว

เงาร่างพร่ามัวสายหนึ่ง ค่อยๆ เดินเอามือไพล่หลังออก มาจากเงามืดด้านหลังของเจ้าอ้วนเช่า

ในตอนที่ชุดสีแดงงดงามของนางปรากฏออกมา ทั่วทั้งหอจุ้ยหงโหลวก็เงียบกริบจนแม้แต่เข็มตกพื้นก็ยังคงได้ยินเสียง

เยาเถาที่กำลังจิตใจเหม่อลอย พอช้อนสายตาขึ้นมองไป ก็พลันเห็นเข้ากับเงาร่างสีแดงสะดุดตาบนชั้นสองเข้า และในตอนที่รูปลักษณ์ของนางปรากฏต่อฝูงชน ผู้คนทั้งหมดก็เหมือนกับได้รับความตื่นตระหนกอย่างถึงขีดสุดอย่างไรอย่างนั้น แม่เล้าก็ยิ่งสีหน้าซีดขาวขึ้นกว่าเดิม ร้องเสียงหลงขึ้นมาเสียงหนึ่ง “สวรรค์!” ล้มนั่งลงไปกับพื้น

“เป็นคุณชายมู่!”

“เป็นคุณชายจริงๆ ด้วย!”

“คุณชายกลับมาแล้ว!”

ฝูงชนพากันหลุดจากภวังค์หลังจากที่เสียงร้องของแม่เล้าดังขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version