ตอนที่ 166-1
คุณชายอายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!
“แม่นางเยาเถาคิดจะเอาคุณชายมู่มาข่มพวกเรารึ? ดูจะไม่เห็นหัวพวกเราเกินไปแล้ว คืนนี้ข้าคุณชายไม่ว่ายังไงก็จะต้องได้ตัวเจ้า! แม่เล้า ข้าให้หนึ่งพันตำลึง!” เสียงเย้ยหยันดังลอยมาจากห้องรับรองชั้นสองห้องหนึ่ง ที่มาของเสียงก็คล้ายกับจะอยู่เยื้องๆ กับห้องของเจ้าอ้วนเช่า
“หึ ช่างน่าโมโหนัก! เจ้าเด็กนี่กลับกล้าโผล่หัวออกมาได้?” เจ้าอ้วนเช่าพอได้ยินเสียง ชั่วขณะนั้นก็กลายเป็นอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา!
มู่ชิงเกอเหล่ตาไปมองเขา ถามว่า “ทำไม เคยมีเรื่องกันรึ?”
เจ้าอ้วนเช่ากล่าวพึมพำท่าทางอึกอักอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรออกมา
แต่พอเห็นมู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้นเขาถึงได้รีบกล่าวออกมา “เจ้าคนผู้นี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นเศรษฐีโผล่มาจากที่ไหน ครั้งก่อน ตอนที่ลูกพี่เพิ่งจะจากไปเขาก็เข้ามาในลั่วตูพอดี พอมาถึงก็อวดดีอย่างถึงที่สุด ท่าทางอวดดีนั่นก็กดเอาฉายาสองจอมเสเพลแห่งลั่วตูอย่างพวกเราจมดิมลงไปจนมิด ข้าแน่นอนว่าจะต้องไม่ยินยอม! ก็เลยไปประจันหน้ากับเขาอยู่หลายครั้ง
“แพ้แล้วรึ?” มู่ชิงเกอเห็นเขามีท่าทีติดๆ ขัดๆ ก็เลยกล่าวเสียงเรียบ
“อ้า? อ้า” เจ้าอ้วนเช่าก็เหมือนกับลูกโป่งถูกเจาะลม ท่าทางห่อเหี่ยวลง
เจ้าอ้วนเช่าที่มีท่าทีเช่นนี้ สองแม่นางน้อยด้านหลังก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนที่มองไปยังมู่ชิงเกออีกครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมขึ้นอีกหลายส่วน
“ได้สืบเรื่องราวของเขามาบ้างรึยัง?” มู่ชิงเกอถามต่อ
เจ้าอ้วนเช่ากล่าวละลํ่าละลักว่า “ตรวจแล้ว เคยตรวจ แล้ว เหมือนกับว่าจะเป็นลูกชายของคหบดีในเมืองเผิงเฉิงผู้หนึ่ง ที่บ้านนอกจากมีเงินทองแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ มีอันใดอีก ไม่กี่เดือนก่อนพี่สาวในตระกูลได้ตบแต่งมาที่จวนขุนนางต้าซือหม่าที่ลั่วตู ก็เลยย้ายตระกูลตามมาด้วย คิดว่าจะมาตั้งรกรากกันที่นี่ พอมาถึงก็กว้านซื้อร้านรวงตรงถนนเป่ยต้าไปเกือบครึ่งถนน มีเงินทั้งยังมีขุนนางต้าซือหม่าคอยหนุนหลัง เจ้าเด็กนี่ก็ถือว่ามีคุณสมบัติเหมาะในการเป็นจอมเสเพลอย่างครบครัน ถ้าหากเป็นเพราะข้าไม่อยากจะใช้ชื่อตระกูลไปกดดันคน เขาไหนเลยจะมาอวดดีเช่นนี้ได้?” พอกล่าวจบ เขาก็ยังสบถเสียงเย็นขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“ที่พวกเจ้าแข่งขันกันคืออะไร? ทำไมถึงแพ้ได้?” มู่ชิงเกอก็ถามอีกครั้ง
เจ้าอ้วนเช่าก็โบกไม้โบกมือไปมาอย่างกระดากอาย “ก็ ยังไม่ใช่สิ่งที่อันธพาลเขาทำกันพวกนั้นรึ? ข่มกันไปมา แข่งหน้าตา แข่งหญิงงาม แข่งสุรา แข่งกันว่าใครจะเก่งกาจมากกว่าใคร ลูกพี่ท่านไม่รู้หรอกว่าเจ้าเด็กนี่ อย่างอื่นถึงจะไม่เก่งกาจ แต่ในด้านอันธพาลก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะนัก อาศัยที่บ้านตัวเองมีเงิน ก็ทำเอาข้าเจ้าอ้วน อับอายมาไม่รู้กี่ครั้ง เฮ้อ ใครให้บ้านของข้าไม่ใช่โรงผลิตเงินกันเล่า?”
“เขาไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร?” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ
เจ้าอ้วนเช่าครานี้ถึงค่อยเงยหน้าขึ้น กล่าวอย่างหยิ่งทะนงว่า “รู้” แต่ว่าต่อจากนั้นเขาก็กล่าวว่าอย่างห่อเหี่ยว “แต่คนเขาก็พูดไว้แล้วว่าที่แข่งขันกันก็แข่งขันที่ความ สามารถของตัวเองจริงๆ ไม่ใช่แข่งกันที่ใครมีความสัมพันธ์กับคุณชายดีกว่ากัน”
เขาเบ้ปากขึ้น กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “ข้าก็คิดว่า เจ้าเด็กนี่ที่มาจากต่างถิ่นก็คงไม่เคยได้พบเจอกับความยิ่งใหญ่ของลูกพี่ด้วยตัวเอง! ก็เลยไม่เกรงกลัวผู้ ใด”
มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นแต่ไม่กล่าววาจา จากตัวจอมเสเพลที่เพิ่งผงาดขึ้นมาใหม่ในลั่วตูผู้นั้นนางก็เหมือนจะดูออกถึงความไม่ยินยอมรางๆ ที่มีต่อตัวนาง
“เจ้าอ้วน ไปเพิ่มราคา” มู่ชิงเกออยู่ๆ ก็กล่าวขึ้นมา
“หา?” เจ้าอ้วนเช่ามองไปทางนางอย่างประหลาดใจ
มู่ชิงเกอจ้องมองไปทางเขาหนหนึ่ง กล่าวยิ้มๆ “ทำไม? เจ้าไม่อยากจะกอดหญิงงามแล้วรึ?”
เจ้าอ้วนเช่ายิ้มเขินอายขึ้นมาสายหนึ่ง ก่อนจะกล่าวท่าทางขึงขัง “ก่อนหน้ายังนึกสนใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้…ข้าเพียงแต่คิดอยากรํ่าสุรารำลึกความหลังกับลูกพี่สัก หลายจอกแทนแล้ว”
มู่ชิงเกอหัวเราะขึ้นเสียงหนึ่ง เชิดคางขึ้น “ไปเพิ่มราคาเถอะ”
ตอนนี้เอง เพราะว่าการเรียกราคาหนึ่งพันตำลึงนี้เมื่อครู่ รอบด้านที่แต่เดิมเงียบสงบๆ ก็เริ่มมีเสียงดังอื้ออึงกันขึ้นมาบ้างแล้ว
พวกเขาล้วนพากันพูดคุยกันว่า เป็นใครที่ไม่กลัวตายกล้ามาแย่งหญิงสาวของคุณชายมู่!
บนเวที เยาเถาก็สีหน้ากลายเป็นซีดขาว ราวกับว่าเรื่องราวในตอนนี้มันเกินออกไปจากที่นางคาดเดา นางแต่เดิมนึกว่าหากยกชื่อของคุณชายมู่ออกมา ก็จะไม่มีคนกล้ามาประกาศราคาอีก
แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนไม่เกรงกลัวชื่อของคุณชาย กล้าประกาศราคาสูงถึงหนึ่งพันตำลึงออกมา
“หนึ่ง…หนึ่งพันตำลึง?” แม่เล้ายกนิ้วขึ้นนับคำนวณ ตกตะลึงจนต้องอ้าปากค้าง
พอเริ่มต้นก็มีคนประกาศราคาสูงถึงหนึ่งพันตำลึงเช่นนี้แล้ว ในใจของแม่เล้าตื่นเต้นจนถึงขีดสุด แต่ว่า หญิงน่าตายตรงหน้านางกลับยกชื่อคุณชายออกมา นางก็กำลังคิดอยู่ว่าตนเองจะได้มีชีวิตอยู่เสพสุขกับเงินก้อน จำนวนนี้หรือไม่
“ทำไม? ไม่พอ? เช่นนั้นก็เพิ่มอีกหนึ่งพันตำลึง!” เสียงอวดดีดังสะท้อนขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาก็เพิ่มราคาขึ้นอีกหนึ่งเท่าอย่างได้ใจ
เสียงของเขาพอจบลง สีหน้าของเยาเถาก็ซีดขาวลงไปกว่าเดิม
“ทำไมรึ? คุณชายธรรมดาๆ เพียงคนเดียวก็ทำให้พวกเจ้าขาดเขลากันเช่นนี้เชียวรึ? เขาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย วันนี้ข้าก็จะนอนกับหญิงของ เขา เขาจะยังทำอันใดข้าได้?”
ไม่มีคนกล้าสู้ราคา เสียงที่เปล่งออกมายิ่งมาก็ยิ่งอวดดีขึ้น หึ—–
ผู้ที่กล้าพูดถึงคุณชายเช่นนี้ที่ลั่วตู ก็คงจะมีแต่คนผู้นี้เพียงคนเดียวแล้ว
คนจำนวนไม่น้อยต่างส่งสายตาสงสารจับใจไปทางเขา
“ข้าออกสามพันตำลึง!” ทันใดนั้นเอง เสียงสายหนึ่งที่กลายเป็นแหลมสูงเพราะความตื่นเต้นก็ขานราคาขึ้นมา จำนวนหนึ่ง
หา? นี่ก็เป็นใครอีกกัน?
ฝูงชนต่างพากันจ้องมองไป ก่อนจะเห็นเข้ากับเงาร่างอ้วนกลมที่คล้ายกับลูกหนังของเจ้าอ้วนเช่า เห็นเขากำลังอยู่ด้านหน้าขอบกั้น
“ที่แท้ก็เป็นคุณชายเช่า!”
“เป็นคุณชายเช่า!”
“จากการที่เขามีความสัมพันธ์อันดีกับคุณชายมู่ แค่หญิงสาวธรรมดานางหนึ่งก็คงไม่อาจส่งผลอันใดได้?”
“ใช่แล้ว! นึกถึงครั้งก่อน ตอนนั้นคุณชายกับคุณชายเช่า ก็ยังเป็นเจ้าถิ่นอันดับหนึ่งอันดับสองของเมืองหลวงเรา ก็คงไม่มีทางผิดใจกันเพราะสตรีนางหนึ่งเป็นแน่”
“ไม่ผิดไม่ผิด พวกเราในนี้ดูแล้วนอกจากเจ้าบ้านนอกที่ไม่รู้จักความเป็นความตายนั้น ก็คงมีเพียงคุณชายเช่าที่ กล้าสู้ราคาแล้ว พวกเราก็มาหลบดูเรื่องสนุกอยู่เงียบๆกันดีกว่า!”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอื้ออึงขึ้น เจ้าอ้วนเช่ามือทั้งสองข้างพยายามไขว้อยู่ด้านหลัง เชิดหน้าเหยียดอกขึ้น วางมาดเจ้าถิ่นอย่างถึงที่สุด!
“คนแซ่เช่า เจ้าคิดหาเรื่องข้ารึ!” ในห้องที่เยื้องออกไปฝั่งตรงข้าม ทันใดนั้นก็มีเสียงเกรี้ยวกราดดังออกมา
ห้องหับบนชั้นสองของจุ้ยหงโหลว จริงๆ แล้วก็ไม่เหมือนกับที่แม่เล้ากล่าวเช่นนั้น ที่สามารถทำให้เยาเถาที่ยืนอยู่บนเวทีสามารถมองเห็นคนที่อยู่นั่งอยู่ด้านใน
เพื่อความเป็นส่วนตัว ความลึกของห้องรับรองพวกนี้ก็ดูจะค่อนข้างลึก
ดังนั้น นอกเสียจากคนด้านในจะออกมายืนตรงระเบียงขอบกั้น คนด้านนอกก็ไม่มีทางมองสภาพการณ์ที่อยู่ด้านในได้ ก็เหมือนกับแม่เล้าที่ยืนอยู่บนเวที พอมองขึ้นไปแล้ว ก็จะมองเห็นเพียงเงาสลัวๆ ด้านหลังเจ้าอ้วนเช่าเท่านั้น พอเห็นเจ้าอ้วนเช่ายืนออกมา แม่เล้าก็ค่อยถอนหายใจโล่งอกขึ้นในใจ
ในเมื่อความสัมพันธ์ของมู่ชิงเกอกับเจ้าอ้วนเช่านั้นในลั่วตูนั้นทุกผู้ทุกคนล้วนทราบกันดี พอเห็นเจ้าอ้วนเช่าออกหน้ามาสู้ราคา แม่เล้าก็พลันรู้สึกได้ว่าเงินของตนได้ลอยกลับมาแล้ว ชีวิตก็ปลอดภัยขึ้นมาแล้ว ชั่วขณะนั้นนางก็พลันยิ้มหน้าบานพลางกล่าวว่า “คุณชายเช่าจิตใจเมตตาออกเงินสามพันตำลึง ยังมีราคาที่สูงกว่านี้อีกไหม?”
ฝูงชนพอได้ฟังประโยคนี้จากแม่เล้า ล้วนแต่พากันร้อง หึ กันขึ้นมา ใครกันที่ไม่รู้ว่าการถามเพิ่มราคาครั้งนี้ก็จงใจ จะถามเจ้าบ้านนอกนั้นว่าจะเพิ่มราคามากกว่านี้อีกหรือไม่