ตอนที่ 166-4
คุณชายอายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!
เจ้าอ้วนเช่าฟังเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ยังดีที่แต่เดิมก็ไม่ใช่คนที่มีจิตเมตตาอะไร เยาเถาในใจของเขาก็ไม่นับว่าเป็นอันใด แค่หมุนกายก็ลืมเลือนได้แล้ว เปรียบกับเยาเถา เขายังสนใจโจวอู่เวยที่เมื่อคืนต้องตกเป็นตัวตลกเสียมากกว่า
“ลูกพี่ เช้าวันนี้ที่ชาวลั่วตูร่ำลือกันมากที่สุดนอกจากเรื่องของเยาเถาแล้วก็เป็นโจวอู่เวยผู้นั้น เขาที่อยู่ในคำวิพากษ์วิจารณ์ก็เหมือนกับกลายเป็นตัวโง่งม ไม่แน่ว่าคนผู้นี้ตอนนี้ก็คงจะกระโดดคับแค้นใจไปมาอยู่บ้านอยู่กระมัง! ข้าจะดูซิว่าวันหลังหากเขาอยู่ต่อหน้าจะยังกล้าอวดดีอีกหรือไม่” เจ้าอ้วนเช่ากล่าวอย่างได้ใจ ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เขาก็ได้ส่งคนไปสืบความที่จวนตระกู ลโจวแล้ว พอรู้ว่าโจวอู่เวยพังข้าวของไปจำนวนไม่นับไม่ถ้วน ในใจก็รู้สึกปีติยินดีนัก
ตามที่ได้ยินมา เขายังส่งคนให้ไปส่งจดหมายให้พี่สาวที่แต่งเข้าจวนขุนนางต้าซือหม่าอีกด้วย อยากขอให้ขุมกำลังของตระกูลขุนนางต้าซือหม่าออกหน้าจัดการให้เขา
เจ้าอ้วนเช่าพอได้ยินข่าวนี้แล้ว ก็หัวเราะร่าขึ้น เจ้าหมูโง่เอ้ย ยังไม่ทันทำความเข้าใจระดับชั้นอำนาจของลั่วตูให้ดี ก็กล้าก่อเรื่องก่อราวเสียได้?
ไปหาขุนนางด้าซือหม่าแล้วจะทำอันใดได้หรือไง? ต่อให้ไปหาฝ่าบาทที่วังหลวง สุดท้ายแล้วคนที่จะโชคร้ายก็คงจะมีเพียงเขา!
เจ้าอ้วนเช่ายิ้มสีหน้าชั่วร้ายขึ้นอีกหลายส่วน เขาก็จะให้เจ้าคนอับโชคผู้นั้นดิ้นรนต่อไป ให้เขาได้เห็นเองอย่างกระจ่างตาว่าในหมู่จอมเสเพลของลั่วตูแห่งนี้ ใครถึงจะเป็นลูกพี่ใหญ่!
มู่ชิงเกอจ้องเขม็งไปทางเขาหนหนึ่ง กล่าวอย่างเย็นชา “คนเช่นนี้ ก็มีค่าพอให้เจ้าต้องเก็บไปสนใจด้วยรึ? มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระพวกนี้ยังไม่สู้ไปฝึกฝนให้มากๆ”
พอกล่าวถึงเรื่องฝึกฝน เจ้าอ้วนเช่าก็พลันผ่อนลมหายใจออกมา แต่เขาก็ยังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็สู้ลูกพี่ที่เก่งกาจราวจอมปีศาจไม่ได้หรอก หลังจากท่านออกเดิน ทาง ข้าทุกวันก็ล้วนแต่ตั้งมั่นฝึกฝนจนเสร็จถึงค่อยออกจากบ้าน แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเข้าสู่ขั้นสีครามเพียงเท่านั้น เฮ้อ ข้ากลายเป็นตัวถ่วงของลูกพี่เสียแล้ว!”
คำกล่าวถึงจะดูเศร้าอยู่บ้างแต่ในนํ้าเสียงก็ยังมีความภาคภูมิใจแฝงอยู่ด้านใน
หลังจากดื่มนํ้ายาผลัดเปลี่ยนดีเอ็นเอลงไป พรสวรรค์ของเจ้าอ้วนเช่าก็ดีขึ้นมาไม่เว้นวัน ตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์และระดับฝึกปรือสูงที่สุดของตระกูลเช่ แล้ว ถึงแม้ว่าจะเปรียบกับมู่ชิงเกอไม่ได้ แต่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ
มู่ชิงเกอยิ้มตาหยีจ้องมองไปทางเขา
เจ้าอ้วนเช่าก็ดีที่ตรงจุดนี้ ต่อให้ระดับการฝึกปรือของเขาจะห่างไกลจากโจวอู่เวยอยู่หลายขุม แต่ก็ไม่ได้ใช้พลังไปรังแกเขา ในเมื่อแข่งการเป็นจอมเสเพล ก็ต้องแข่งแต่ด้านที่เป็นจอมเสเพล อย่างอื่นล้วนแต่ไม่นับ
ถ้าหากเจ้าอ้วนเช่าใช้พลังออกไปตรงๆ โจวอู่เวยผู้นั้นไหนเลยจะกล้ามาถือดีอวดเบ่งต่อหน้าได้?
รอจนเจ้าอ้วนเช่ายินดีจนพอแล้ว มู่ชิงเกอก็หยิบทักษะสงครามสองเล่มออกมาจากอกโยนไปให้เขา
เจ้าอ้วนเช่าพอหยิบขึ้นมาดู ดวงตาน้อยๆ เท่าเม็ดถั่วเขียวก็พลันเบิกกว้างขึ้น กล่าวว่าอย่างติดๆขัดๆ “ทักษะสงคราม…ระ…ระ…ระดับ…ระดับสวรรค์!”
มู่ชิงเกอพยักหน้า กล่าวกับเขาว่า “เอากลับไปฝึกให้ดีๆ ทว่าความลํ้าค่าของของสิ่งนี้เจ้าคงรู้ดี ในตอนที่เจ้ายังไม่มีความสามารถในการปกป้องมัน ก็อย่าได้หยิบมันออกมาโดยง่าย”
เจ้าอ้วนเช่าสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนพยักหน้าด้วยท่าทางอันขึงขัง เอาทักษะสงครามระดับสวรรค์เก็บซ่อ เอาไว้ในอกอย่างระมัดระวัง
เขาก็ไม่ได้ไปตื๋อถามว่ามู่ชิงเกอเอาทักษะสงครามระดับสวรรค์มากจากไหน แล้วก็ไม่ได้ไปตื๋อถามว่ามู่ชิงเกอประสบกับสิ่งใดมาบ้าง เพราะเขารู้ว่าถ้าหากมู่ชิงเกออยากจะพูด เขาก็จะพูดมันออกมาเอง แต่ถ้าไม่อยากพูด
เขาก็แน่นอนว่าจะไม่ไปถาม
แต่ว่าที่ทำให้เจ้าอ้วนเช่ารู้สึกประหลาดใจก็คือ การที่มู่ชิงเกอโยนขวดโอสถออกมาให้เขาอีกหลายขวด
“ขวดหนึ่งนำกลับไปที่บ้านมอบให้บิดาเจ้า หลังจากกินลงไปแล้วก็จะสามารถล้างสิ่งสกปรกในร่างกาย สามารถยืดอายุให้ยืนยาว ส่วนขวดที่เหลือ ส่วนหนึ่งเป็นยารักษาบาดแผลที่เอาไว้ใช้เวลาได้รับบาดเจ็บ อีกส่วนหนึ่งเป็นเม็ดโอสถที่สามารถช่วยเจ้าทะลวงขั้นได้” มู่ชิงเกอกล่าวอธิบายขึ้น เจ้าอ้วนเช่าหยุดกลั้นหายใจ มือกำแน่นไปที่ขวดยา พยักหน้าขึ้นหนักๆ
ระหว่างเขากับมู่ชิงเกอก็ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเกรงใจจอมปลอมพวกนั้น แล้วยิ่งก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงคำว่า ‘ขอบคุณ’
เยาเถาวิ่งโซซัดโซเซไปที่บ้านของคนรัก มือหนึ่งเปิดประตูบ้านที่เป็นรั้วไม้เข้าไป
เสียงที่ดังขึ้นด้านนอกก็ดึงดูดความสนใจของคนที่อยู่ด้านใน
เขาเดินออกมา แต่พอเห็นเข้ากับเยาเถา ก็พลันนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาจะกลายเป็นเย็นชาพลางถามว่า “เจ้ามาที่นี่ทำไมรึ?”
“พี่สวี! ข้าเป็นอิสระแล้ว ท่านพาข้าจากไปเถอะ พวกเราออกไปจากลั่วตู จะไปที่ใดก็ได้ไปใช้ชีวิตสงบสุขอยู่ด้วยกัน!” พอเห็นคนรัก เยาเถาพลันมีสีหน้ารักใคร่วิ่งทะยานไปทางเขา
นางก็พูดถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ออกมาตรงๆ อยากให้ฝ่ายตรงข้ามสัมผัสได้ถึงความเบิกบานใจ แต่ว่า นางกลับเห็นแววตาชิงชังสายหนึ่งในดวงตาของเขา และในขณะที่นางอยากจะคว้าจับเสื้อของเขาเอาไว้นั้น เขาก็พลันเบี่ยงกายหลบออกไปอย่างไร้เยื่อใย
เยาเถาเซถลาไปเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าพลันแข็งค้างขึ้น
นางมองไปทางชายคนรักอย่างไม่อยากจะเชื่อฝืนแย้มยิ้มออกไป กล่าวเสียงเบา “พี่สวี ท่านเป็นอะไรหรือ? มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่? หรือว่าหิว? ข้าไปทำกับข้าวให้ท่านก็แล้วกัน”
พอกล่าวจบก็เตรียมจะเดินไปทางห้องครัว
แต่ว่ายังไม่ทันเดินออกไปได้ถึงสองก้าว นางก็พลันถูกกระชากรั้งเอาไว้ขาเซล้มลงจนกระแทกลงไปบนพื้นโคลน
“พี่สวี!” เยาเถาเงยหน้าขึ้น มองไปทางชายผู้นี้ที่ทั้งดูคุ้นเคยและดูแปลกตาอย่างตกตะลึง ส่วนเขากลับยืนนิ่งท่าทางเย็นชาอยู่ที่เดิม ก้มมองลงมาที่นาง ในแววตาเต็มไปด้วยความชิงชังที่มีแต่เพิ่มไม่มีลด “เจ้าไม่ใช่บอกว่าตัวเองเป็นหญิงอุ่นเตียงของคุณชายมู่รึ? มาตอนนี้พอคุณชายมู่ไม่ต้องการเจ้าแล้ว เจ้าก็ค่อยกลับมาหาข้างั้นรึ? ข้าในสายตาของเจ้าก็ด้อยค่าเช่นนั้นเลยหรือ? ผู้หญิงที่คนอื่นไม่เอา ข้าก็ต้องรับไว้งั้นรึ?”
“ไม่! ไม่ใช่เช่นนั้น! ท่านเข้าใจผิดแล้ว!” เยาเถาพลันกล่าวอธิบายขึ้นอย่างร้อนรน
นางคิดไม่ถึงว่าข่าวลือจะน่ากลัวเช่นนี้ แม้แต่คนรักของตัวเองก็ยังจะเชื่อถือข่าวลือที่อยู่ด้านนอกนั้น
“ไม่ใช่อย่างนั้นรึ? แต่ตอนนี้ทั่วทั้งลั่วตูก็ล้วนแต่ร่ำลือกันเช่นนี้ เจ้าอวดดีถือตน คิดอยากจะมอบกายให้กับคุณชายมู่ แต่กลับถูกเขาเมินใส่อย่างดูแคลน หึ ในเมื่อคนที่เจ้าชอบพอก็คือเขา แล้วเจ้าจะมาหาข้าที่นี่อีกทำไม? เจ้าก็ไม่ไปที่จวนตระกูลมู่ขอร้องให้เขารับเจ้าเข้าจวนเล่า!”
คำกล่าวไร้เยื่อใยของคนรัก ก็เหมือนกับมีดแหลมคมเล่มแล้วเล่มเล่าแทงเข้าไปในใจของเยาเถาจนเกิดเป็นบาดแผลหลายสายขึ้นมา
นางที่สามารถอดกลั้น อดทนกับความเข้าใจผิด และคำดูแคลนของคนด้านนอกได้
กลับไม่สามารถแบกรับความเข้าใจผิดเช่นนี้ของคนรักได้
ไม่ ไม่ใช่ความเข้าใจผิด แต่เป็นเขาที่รังเกียจนาง ชิงชังนาง ไปจนถึงขั้นมองนางว่าเป็นหญิงสาวที่รักชอบในเกียรติยศความมั่งคั่งพวกนั้น
ข้าที่ทำเพื่อเขาสุดกำลัง แบกรับการลงโทษจากคุณชายมู่จนรักษาพรหมจรรย์ของตนเอาไว้ได้ แต่เขากลับไม่เชื่อใจนาง!
เยาเถาเจ็บปวดใจจนไม่อาจเจ็บปวดไปได้มากกว่านี้อีก หยาดนํ้าตาไหลหยดลงมาอย่างเงียบๆ นางชันมือลงไปที่พื้น เงยหน้ามองไปทางคนรักก่อนจะถามขึ้นเน้นยํ้าทีละคำ “ท่าน ไม่ เชื่อ ข้า?”
ชายผู้นั้นกลับสบถเสียงเย็นพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อใส่นางอย่างเย็นชา หันหลังให้นาง ราวกับการมองนางมากกว่านี้ก็เป็นการเสื่อมเสีย เสียเกียรติ
เยาเถาทันใดนั้นเองก็รู้สึกเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย และบนฟ้าก็เหมือนกับจะเห็นใจกับสิ่งที่นางได้รับ หมู่เมฆพลันรวมตัวกัน เสียงฟ้าร้องดังสะท้านลงมา ห่าฝน ขนาดใหญ่ทันใดนั้นก็ร่วงตกลง ตกกระแทกลงไปที่ตัวนาง
ไม่ทันไร ทั่วทั้งร่างของนางก็กลายเป็นเปียกเฉะ
ฝนตกแล้ว ชายคนรักของนางเพียงแต่สนใจตัวเองวิ่งหลบเข้าไปในบ้าน ไม่ได้สนใจนางแม้แต่น้อย ก่อนจะปิดประตูลงไปในทันที ปล่อยให้นางอยู่ท่ามกลางสายฝน ทันใดนั้นเอง เยาเถาก็รู้สึกว่าตนเองก็ไม่มีคำพูดอะไรจะกล่าวกับเขาอีก
ร่างกายโอนเอนไปมา เยาเถาเดินออกจากบ้านของชายหนุ่มท่ามกลางสายฝน เดินออกไปอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าทิศทางด้านหน้าของตนเป็นทิศทางใด…