Skip to content

พลิกปฐพี 177-4

ตอนที่ 177-4

ข้าก็คือผู้หญิงของเขา!

เทียนตู จวนตระกูลฮวา

จวนตระกูลฮวาถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเทียนตู สตรีของที่นี่ มีความงดงามอ่อนหวานที่บรรยายไม่ถ้วน การแต่งสตรีตระกูลฮวาเป็นภรรยาเป็นสุดยอดความฝันของบุรุษทุกคนในเทียนตู

แน่นอนว่า แต่ไหนแต่ไรมาสตรีตระกูลฮวา ไม่เคยแต่งกับคนธรรมดา

คำว่า ‘ไม่ธรรมดา’ นั้นแฝงนัยอยู่มากมาย หากไม่หมายถึงอำนาจก็หมายถึงทรัพย์สิน ก็หมายถึงอิทธิพล ชื่อเสียง พลังยุทธ์หรือแม้แต่ศักยภาพ แต่ว่าจะอย่างไรตระกูลฮวาก็ไม่มีทางไปหาเรื่องตระกูลหวงฝู่ แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยมีสตรีจากตระกูลฮวาโดนส่งเข้าไปเป็นสนมหรือรับใช้ฮ่องเต้รวมไปถึงองค์ชายเลย แม้แต่คนเดียว

นี่ไม่ใช่ว่าตระกูลฮวานั้นสูงส่ง แต่เป็นความฉลาดเฉลียวของพวกนาง

พวกนางใช้การกระทำเช่นนี้ มาบอกกับผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งอาณาจักรเซิ่งหยวนคนนั้น บอกเขาว่าตระกูลฮวาไม่ได้มีความทะยานอยากจะเปลี่ยนแผ่นดิน และยิ่งไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองราชสำนัก ดังนั้นตระกูลฮวาจึงใช้การดำรงตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เปลี่ยนตนให้แข็งแกร่งอย่างไม่หยุดยั้ง

ลูกเขยของตระกูลฮวาหากร่วมมือกันขึ้นมา จะสามารถมีพลังอำนาจได้มากเพียงใด ก็ไม่มีผู้ใดอาจรู้ได้ เพราะฉะนั้น แต่ไหนแต่ไรมา แม้เจ้าตระกูลฮวาจะเป็นสตรี แต่ในประวัติศาสตร์ที่สับสนวุ่นวายนี้พวกเขากลับแข็งแกร่งอยู่ได้ ยากจะสั่นคลอน

ประมุขตระกูลฮวาทุกรุ่น ความสามารถที่สำคัญที่สุดคือ การรู้จักแยกแยะอ่านใจคน

มีคำเล่าลือสืบมาว่าประมุขตระกูลฮวาจะฝึกวิชาลึกลับ สามารถเห็นอนาคตดีร้ายของคนได้หลังจากนั้นค่อยเลือกคนมาเป็นลูกเขยของตระกูลฮวา

นับร้อยพันปีล่วงมา ไม่เคยผิดพลาดแม้ครั้งเดียว

แน่นอนว่า แล้วเรื่องจริงเล่า? ตระกูลฮวามีพลังเช่นนี้จริงหรือ?

“ท่านแม่ ท่านเห็นว่าคุณชายมู่เป็นอย่างไร? ลูกอายุถึงวัยออกเรือนแล้ว ท่านแม่ไม่ร้อนใจหรือ?” คุณหนูตระกูลฮวาเป็นหญิงสาวที่ส่งไมตรีให้มู่ชิงเกอในงานเลี้ยงคืนนั้น นางเข้าไปออดอ้อนประมุขตระกูลฮวา ประมุขตระกูลฮวาโดนนางออดอ้อนจนอ่อนใจ ก่อนจะจิ้มปลายจมูกนางเบาๆ พลางเอ่ย “เจ้านี่ มีอย่างที่ไหนอยากจะแต่งงานจนแทบทนรอไม่ได้ อายเป็นบ้างหรือไม่?”

ฮวาฉินฉินยู่ปากเอ่ยว่า “ท่านแม่ไม่ได้สอนลูกมาเสมอมาว่าหากเจอชายหนุ่มที่ดีพร้อม ก็อย่าให้คลาดไปมิใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ลูกหาเจอแล้ว แต่ท่านแม่กลับลังเล ขึ้นมา? หรือว่าคุณชายมู่ยังไม่ดีพอหรือไร?”

“ไม่ใช่ไม่ดีพอ แต่ว่า…” เจ้าตระกูลฮวาขมวดคิ้วจางๆ ราวกับว่ากำลังลังเลอะไร

“แต่ว่าอะไร?” ฮวาฉินฉินเอ่ยเร่ง

เจ้าตระกูลฮวาลูบมือนางพลางเอ่ยช้าๆ “เจ้าเป็นลูกสาวของข้า ต่อไปต้องรับหน้าที่เป็นเจ้าตระกูลฮวา ดังนั้น เจ้าจึงทำได้เพียงแนะนำเขยให้แต่งเข้าตระกูลฮวา เจ้า คิดว่าคุณชายมู่จะรับปากไหม?”

“เพราะอะไรถึงจะไม่รับปากเล่า?” ฮวาฉินฉินลุกยืนจากอ้อมอกมารดา ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นใจในเหตุผลว่า “เขามาจากแคว้นระดับสามที่เล็กเช่นนั้น หากเข้ามาอยู่ในตระกูลฮวาของเรา เพียงพริบตาก็ได้เป็นชนชั้นสูงของอาณาจักรเซิ่งหยวน จะเรียกลมฝนก็ยังได้ เหตุใดต้องปฏิเสธ?”

ประมุขตระกูลฮวาถอนใจยาว ก่อนจะส่ายหน้า “เจ้านะเจ้า เมื่อไหร่จะรู้จักเลิกมองคนเพียงผิวเผิน มองเข้าไปให้ลึกถึงภายในได้เสียที?”

ฮวาฉินฉินยู่ปาก ราวกับว่านางไม่พอใจการประเมินของมารดา

ประมุขตระกูลฮวาเอ่ยต่อไปว่า “ภายนอกต่างเล่าลือ ตระกูลฮวาของเรามีวิชาพินิจคน แต่ความเป็นจริงแล้วมีวิชาประหลาดเช่นนั้นที่ไหน? ตระกูลฮวาของเราเพียง แต่มีดวงตาที่แหลมคมมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้น เมื่อรวมกับการอบรมเป็นพิเศษ แล้วยังการสะสมประสบการณ์นับเดือนปี ถึงได้มาถึงวันนี้ได้ ในศาลบรรพชนวางรูปเหล่าบรรพชนไว้เรียงราย ภายในมีรูปผู้คนมากหน้าหลายตาสอนให้เจ้ารู้ว่าควรจะมองคนอย่างไร เจ้ากลับระงับใจไม่อยู่ ไม่ตั้งใจเรียน คุณชายมู่นั้นดีพร้อม ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือว่าพรสวรรค์หรือศักยภาพในวันข้างหน้า ล้วนดีพร้อมพอจะเป็นลูกเขยตระกูลฮวาได้ แต่ว่าเขาก็ดูมีท่าทางถือตัว หากเป็นการแต่งงานธรรมดายังพอว่า แต่หากแต่งเป็นลูกเขยเข้าตระกูลฮวา เจ้าถอดใจไปเสียเถอะ”

“ท่านแม่ ไม่เอานะ ข้าชอบเขานี่นา” ฮวาฉินฉินอาละวาด

ประมุขตระกูลฮวาขมวดคิ้ว “ที่ข้าพูดกับเจ้า เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ?”

“เข้าใจ หากเขาไม่อยากแต่งเข้า ข้าออกเรือนไปก็ได้” ฮวาฉินฉินพูดตรงๆ

“เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าคือประมุขตระกูลฮวาในภายหน้า จะแต่งออกไปตระกูลอื่นได้อย่างไร?” เจ้าตระกูลฮวาเอ่ยอย่างตกใจ

ฮวาฉินฉินกลับกอดรั้งแขนมารดา ก่อนจะซุกเข้าไปในไหล่นาง พลางเอ่ยเสียงเรียบๆ “ท่านแม่ ท่านก็พูดเองว่าข้ายังห่างจากความเป็นหัวหน้าตระกูลอยู่บ้าง ข้าไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเป็นผู้นำตระกูล ตำแหน่งนี้เหลือไว้ให้น้องหญิงเถอะ นางมีพรสวรรค์มากกว่าข้า และยิ่งเหมือนท่านแม่ ส่วนข้าขอเพียงหาสามีที่พึงใจได้ หลังจากนั้นก็ครองคู่กันไปชั่วชีวิต มีลูกหญิงชายกับเขา”

“ฉินฉิน ที่เจ้าพูดมานั้นเอาจริงหรือ?” เจ้าตระกูลฮวา มองหน้าลูกสาวตนนิ่งนาน

ฮวาฉินฉินพยักหน้า “ท่านแม่ ท่านก็รู้ข้านั้นรสนิยมสูง หากพลาดครั้งนี้ไป ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะได้พบคนที่พึงใจอีกเมื่อไหร่กัน”

“เจ้า เอ่อ…” เจ้าตระกูลฮวานึกอยากจะโน้มน้าวลูกสาว แต่เมื่อเห็นท่าทางเอาจริงของนาง ก็พูดอะไรไม่ออก

ตระกูลฮวาอาศัยการแต่งงานของบุตรสาวมาเสริมความยิ่งใหญ่นั้นไม่ผิด แต่ตระกูลฮวาก็ไม่เคยบีบบังคับให้สตรีในตระกูลคนใดแต่งงานไปกับคนที่นางไม่ได้พึงใจ

บุรุษที่ตระกูลฮวาเลือกมาล้วนเป็นคนที่โดดเด่น ขอเพียงลูกสาวตระกูลฮวาพึงใจ นั้นย่อมเป็นการแต่งงานที่ชวนให้อิจฉา และในบรรดาชายหนุ่มเหล่านี้ แน่นอนว่าก็ต้องชมชอบสตรีตระกูลฮวาจากใจจริง ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงความสุขของบุตรสาว แต่ยังเกี่ยวพันไปถึงว่าสายสัมพันธ์นั้นจะแนบแน่นหรือไม่

“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นแม่ก็จะช่วยเจ้าถามความสมัครใจของคุณชายมู่แล้วกัน” ประมุขตระกูลฮวาผ่อนคลายท่าที

เมื่อเห็นมารดารับคำตนแล้ว ฮวาฉินฉินก็ดีใจจนกระโดดลุกขึ้นมาพลางพูดยิ้มๆ “ขอบคุณท่านแม่”

ท่าทางเช่นนี้ของนางทำให้ประมุขตระกูลฮวาอดจะเอ่ยไม่ได้ว่า “เจ้าอย่าได้เร่งดีใจไป ข้าเห็นว่าฮ่องเต้หญิงแห่งกู่วู่นั้นมีความสัมพันธ์กับคุณชายมู่ไม่ธรรมดา ไม่แน่ว่าคนทั้งสองอาจจะผูกใจรักใคร่กันแล้วก็ตกลงเรื่องการวิวาห์กันแล้วก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นเมื่อโดนปฏิเสธ ก็ถึงคราวเจ้าน้ำตาตก”

“เขาดีพร้อมเช่นนั้น จะมีสตรีมาหลงรักก็ไม่แปลก หากไม่มากไป ข้ากับฮ่องเต้หญิงแคว้นกู่วู่จะมีสามีร่วมกันก็ได้” ฮวาฉินฉินกลับร่าเริงขึ้นมา

“เจ้า! ทำไมข้าถึงได้สั่งสอนลูกไม่ได้เรื่องเช่นเจ้ามาได้นะ” เจ้าตระกูลฮวาเมื่อได้ฟังคำลูกสาวแล้วก็โมโหนจนยกนิ้วขึ้นจิ้มหน้าผากนาง

ภายในเรือนรับรอง มู่ชิงเกอโดนเสียงเคาะประตูต่อเนื่อง กวนให้ตื่นขึ้นมา นางลุกขึ้นมาเปิดประตูอย่างโมโห ก่อนจะมองเห็นจ้าวหนานซิงที่ยืนพิงประตูพลางยิ้ม ‘กิ่งใบดอกไม้บาน’ ให้นาง

นางยืนทิ้งไหล่อย่างสิ้นแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความง่วง ตาแทบจะลืมไม่ขึ้น “ศิษย์พี่จ้าว มีเรื่องอะไรหรือ? ปลุกคนตื่นจากฝันเป็นการทำบาป ต้องโดนกรรมตามสนองนะ”

“ถุย! เก็บปากอีกาเจ้าไว้ เจ้านึกว่าข้ามาหาเจ้าทำไม? ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เจ้าก่อขึ้น!” จ้าวหนานซิงเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์

“หืม?” มู่ชิงเกอพยายามลืมตา ยืดตัวขึ้นตรง ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “ข้า? ข้าก่อเรื่องอะไร?” นางแค่ต่อยตีกับเจ้าบ้าตระกูลเฉินแล้วทำลายอุทยานหลวงไปมิใช่หรือ? จะว่าไปเรื่องนี้ตระกูลเฉินก็ออกหน้ารับผิดชอบแล้ว มีอะไรเกี่ยวกับนางอีก?

เมื่อเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยของมู่ชิงเกอแล้ว จ้าวหนานซิงก็ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ก่อนจะมองสำรวจนาง “ล้วนพูดกันว่าโฉมงามมักก่อภัย ข้าเห็นเจ้าเปลี่ยนเป็นรูปหล่อ ก็ก่อภัยได้ไม่หยุดเช่นกัน อยากรู้ว่าเจ้าก่อเรื่องอะไรก็รีบล้างหน้าแล้วออกมาดู คนเขามาหาถึงที่แล้ว”

จ้าวหนานซิงเอ่ยเท่านี้ก็หมุนกายจากไปก่อนจะเหลือเพียงเงาหลังและ ‘ปริศนา’ ให้มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอยืนอึ้งอยู่กับที่ สมองที่ง่วงงุนเริ่มทำงาน “ข้าก่อเรื่องอะไร? ใครมาหาถึงที่กัน?” นางพึมพำครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนกายกลับห้องปิดประตู

เมื่อเปิดประตูออกมาอีกครั้ง นางก็เดินออกมาด้วยท่าทางสดชื่นในแววตากระจ่างใสไหนเลยจะยังมีแววเหนื่อยล้าปรากฏอยู่อีก?

สะบัดแขนเสื้อไปมา มู่ชิงเกอเดินไปที่ห้องกลาง

ยังไม่ทันเข้าประตูก็ได้ยินเสียงฟ่งอวี๋เฟยแว่วมาว่า “ประมุขฮวา เชิญดื่มชา คุณชายมู่ไปสนทนากับองค์รัชทายาทเมื่อคืนเพิ่งกลับมาไม่นาน จึงได้ชักช้า ขออภัยด้วย”

ประมุขตระกูลฮวา? นางมาทำไม? นางกับตระกูลฮวาไม่ได้มีเรื่องเกี่ยวข้องกันสักนิด!

ขาที่ยกขยับขึ้นของมู่ชิงเกอค่อยๆ วางลงยังไม่ทันก้าวเดินเข้าไปกลับยืนฟังอยู่ด้านนอก

เสียงของประมุขตระกูลฮวาดังแว่วมาตามที่คาด “นี่เป็นข้าเองที่ทำไม่ถูก มาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณชายมู่ แต่จะทำอย่างไรได้ ลูกสาวข้ารักปักใจกับคุณชายมู่ไม่อาจรอได้แม้ชั่วขณะ เร่งให้ข้ามาถามว่าคุณชายมู่มีภรรยาหรือหมั้นหมายไปหรือยัง?”

“เรื่องนี้ เป็นเรื่องส่วนตัวคุณชายข้าเองก็ไม่รู้” นํ้าเสียงลำบากใจของฟ่งอวี๋เฟยแว่วมา

มู่ชิงเกอที่ยืนฟังข้างนอกรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า นางพอจะเข้าใจความนัยของจ้าวหนานซิงแล้ว นางลูบหน้าตัวเองเบาๆ

มู่ชิงเกอยิ้มขมขื่นขึ้น ดูท่าเป็นภัยที่นางสร้างขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

เพียงแต่นางไม่เข้าใจว่า นางไม่ได้ไปข้องแวะกับคนตระกูลฮวาเลย แล้วไม่ได้ทำเรื่องที่ชวนให้คุณหนูฮวาเข้าใจผิดด้วย แล้วเหตุใด คุณหนูฮวาถึงได้พึงใจนางเข้า มู่ชิงเกอยืนที่หลังประตู สับสนเป็นอย่างมาก นางไม่รู้ว่าหากออกไปตอนนี้ จะอธิบายต่อเจ้าตระกูลฮวาอย่างไร

เมื่อมาถึงเทียนตู นางไม่ได้อยากก่อเรื่อง แต่เรื่องก็กลับเข้ามาหานาง

เมื่อใคร่ครวญไปมาแล้ว มู่ชิงเกอเห็นว่าไม่ควรให้คุณหนูตระกูลฮวาเข้าใจผิดต่อไป นางกัดฟันเดินออกไปที่ห้องโถงกลางทันที

“คุณชายมู่ ท่านมาแล้ว” ประมุขตระกูลฮวาเมื่อเห็นมู่ชิงเกอก็ดวงตาเป็นประกาย

ฟ่งอวี๋เฟยเอ่ยยิ้มๆ กับมู่ชิงเกอ “คุณชาย ประมุขฮวามีธุระกับท่าน”

“ข้ารู้แล้ว” มู่ชิงเกอพยักหน้า ก่อนจะหันไปมองประมุขตระกูลฮวา ถามอย่างงุนงง “ประมุขฮวามาเยี่ยมเยือนเช่นนี้ มีเรื่องใดหรือ?”

เจ้าตระกูลฮวาก็ไม่ใช่คนอ้อมค้อมนางยิ้มแย้มพลางเอ่ยตรงๆ ว่า “ครั้งนี้ที่ข้ามา ก็อยากจะถามคุณชายมู่ว่าท่านมีการหมั้นหมายหรือมีคนในใจแล้วหรือไม่?”

มู่ชิงเกอตาเป็นประกายก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ “ข้ามีภรรยาแล้ว”

เจ้าตระกูลฮวาตกตะลึง นางอึ้งไปกับคำตอบของมู่ชิงเกอก่อนจะยิ้มฝืนๆ “คุณชายมู่พูดจริงหรือ?”

มู่ชิงเกอร้ดีว่าการสืบข่าวของตระกูลฮวานั้นร้ายกาจ จึงไม่ได้คิดปิดบัง พูดตรงๆ ว่า “แน่นอนว่าจริง แต่ว่าภรรยาข้าสิ้นใจไปแล้ว”

นางไม่เชื่อว่าตระกูลฮวาจะให้ลูกสาวยอมเป็นอนุได้

“สิ้นใจไปแล้ว!” เจ้าตระกูลฮวาตกตะลึง ก่อนจะกลับมาสงบเช่นเคยพลางเอ่ยกับมู่ชิงเกอ “ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณชายมู่ก็ควรจะมีคนดูแลข้างกาย!”

มู่ชิงเกอนิ่งงัน คิดไม่ถึงว่าเจ้าตระกูลฮวาจะไม่ถอดใจ ในขณะที่กำลังจะตอบกลับนั้นก็ได้ยินเสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้น “เขามีข้าคอยดูแลแล้ว ไม่ต้องการหญิงอื่นอีก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version