Skip to content

พลิกปฐพี 178-1

ตอนที่ 178-1

ดอกท้อมาเสนอตัวเอง!

“ข้างกายเขามีข้าคอยดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องการผู้หญิงคนอื่น!”

เสียงของผู้หญิงดังออกมาจากข้างนอกประตู ทำให้ทั้งสามคนในห้องเกิดความสับสนวุ่นวาย

ประมุขตระกูลฮวาหันกลับไปมองนอกประตูในทันที ส่วนมู่ชิงเกอกับฟ่งอวี๋เฟยก็หันไปมองที่นอกประตูเช่นกัน

เจียงหลีไพล่สองมือเอาไว้ด้านหลัง เดินตรงเข้ามาถึงข้างกายของมู่ชิงเกอ ปล่อยมือที่ไพล่ไว้ด้านหลังแล้วเอามาจับมือของมู่ชิงเกอเอาไว้ ดูสนิทสนมมาก

มู่ชิงเกอมองนางอย่างตกตะลึง แต่กลับถูกนางจ้องกลับมา

ท่าทางเช่นนี้ เมื่ออยู่ในสายตาของคนภายนอก ก็ดูเหมือนเป็นภาพภรรยาที่กำลังหึงหวงและโกรธที่สามีออกไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่นด้านนอก

ประมุขตระกูลฮวามองเห็นฉากนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างสลับซับซ้อน ดูไม่ออกว่าตกตะลึงหรือโกรธ

ฟ่งอวี๋เฟยก็ตกตะลึงมองทั้งสองคนพัวพันกัน กะพริบตาไปมา

เมื่อก่อน นางไม่เคยรู้เลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้เจียงแห่งแคว้นกู่วู่กับมู่ชิงเกอนั้นเป็นเช่นนี้!

เหตุใดนางจึงคิดว่าระหว่างพวกเขานั้นเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันมากกว่า? ไม่ใช่คู่รัก

แต่หากไม่ใช่ เหตุใดฮ่องเต้เจียงจึง…

ทันใดนั้น ฟ่งอวี๋เฟยก็เข้าใจขึ้นมา ฮ่องเต้เจียงผู้นี้มาแก้ปัญหาแทนนายน้อย

มู่ชิงเกอถูกเจียงหลีทำให้รู้สึกทำตัวไม่ถูกไปบ้าง นางยิ้ม ๆ มองกลับไปที่ประมุขตระกูลฮวา เอ่ยกับนางว่า “ประมุขตระกูลฮวาก็เห็นแล้ว”

ประมุขตระกูลฮวาถอนหายใจ ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเอ่ยว่า “คืนเมื่อวานภายในวัง ข้าก็เห็นแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่านทั้งสองคนนั้นไม่ปกติ พอพูดให้ลูกสาวของข้าผู้นั้นฟัง นางกลับเป็นคนดื้อดึงคนหนึ่ง” พูดแล้ว นางก็มองที่เจียงหลี ยิ้มบนใบหน้าดูเป็นมิตรขึ้นหลายส่วน “ฮ่องเต้เจียง สามารถพูดคุยกันสักหน่อยได้ไหม?”

ดวงตาสีทองที่ดูเย้ายวนของเจียงหลีฉายแววชะงักแวบหนึ่ง ดูเหมือนกำลังคิดว่าเหตุใดประมุขตระกูลฮวาจึงยังไม่ยอมแพ้จากไปอีก นางมองมู่ชิงเกอเหมือนว่ากำลังใช้สายตาถามนาง

หลังจากมู่ชิงเกอพยักหน้าให้นางแล้ว เจียงหลีถึงได้ปล่อยมือของนาง เดินตามประมุขตระกูลฮวาไปข้าง

“ฮ่องเต้เจียง เหตุผลที่ข้ามาคิดว่าท่านก็น่าจะคาดเดาได้แล้ว ลูกสาวของข้า ฉินฉินเกิดรักแรกพบกับคุณชายมู่ ยินยอมที่จะใช้สามีร่วมกันกับฮ่องเต้หญิง ไม่ทราบว่า ฮ่องเต้หญิงจะทรงคิดเช่นไร?” ประมุขตระกูลฮวาพูดตรง ๆ

เจียงหลีชะงัก ภายในใจหัวเราะไม่หยุด

นางกวาดสายตาไปที่มู่ชิงเกอ ดูเหมือนกำลังพูดว่า ‘ดู ดู ดูปัญหาที่เจ้าก่อ! ตอนนี้คงทำได้เพียงอาศัยข้าช่วยเจ้าจากปัญหานี้แล้วสินะ’

“ใช้สามีร่วมกัน? ประมุขตระกูลฮวา ท่านคิดว่าข้าเป็นคนประเภทที่ยอมให้ตนเองอดสูยอมใช้สามีร่วมกันกับผู้หญิงอื่นอย่างนั้นหรือ?” อยู่ดีๆ เจียงหลีก็เอ่ยเสียงดัง ขึ้นมา

ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้คนสองคนที่อยู่ในห้องล้วนได้ยินคำพูดประโยคนี้ของนาง

‘ใช้สามีร่วมกัน’ ประโยคนี้เมื่อออกจากปากของเจียงหลี ก็ทำให้มู่ชิงเกอเกือบจะกระอักเลือดออกมา

“มู่ชิงเกอเจ้าหมายความว่าอย่างไร? มีข้าแล้ว ยังต้องการเล็มดอกไม้ใบหญ้าด้านนอกอีกอย่างนั้นหรือ? วันนี้เจ้าต้องมอบความเป็นธรรมให้แก่ข้า ต้องการข้าหรือว่าต้องการคุณหนูของตระกูลฮวา!” เจียงหลีหันกายเอ่ยกับมู่ชิงเกออย่างเกรี้ยวโกรธ

ท่าทางของนางช่างแสดงได้สมบทบาทยิ่งนัก

แม้แต่มู่ชิงเกอเองก็เกือบเชื่อแล้วว่าตนเองเป็นพวกผู้ชายไร้หัวใจได้ใหม่ลืมเก่า

กลับมาที่นาง มู่ชิงเกอรีบร้อนเดินเข้ามาจับมือของเจียงหลีไว้ ดึงนางเข้าไปในอ้อมอกของตนเอง กอดอย่างแน่นหนาและใช้นํ้าเสียงที่ชวนขนลุกเอ่ยกับเจียงหลีว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน? มีเจ้าข้าก็เพียงพอแล้ว จะไปคิดถึงคนอื่นได้อย่างไร? เด็กดี อย่าคิดมากไปเลย”

เจียงหลีถูกการแสดงอันน่า ‘หลงใหล’ นี้ของนางทำให้ตกตะลึง

ประมุขตระกูลฮวาก็ตกตะลึง ชะงักอยู่กับที่

ฟ่งอวี๋เฟยก็เช่นกัน นางยังไม่เคยเห็นมู่ชิงเกอดู ‘อบอุ่นและน่าหลงใหล’ เช่นนี้มาก่อน

ในตอนนี้ จ้าวหนานซิงที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ ลอบมองเรื่องราวทั้งหมด ทั้งยังรู้สถานะที่แท้จริงของมู่ชิงเกอ ก็ได้หัวเราะจนล้มลงไปกองกับพื้นนานแล้ว หัวเราะจนหางตามีนํ้าตาเล็ดออกมา

หลังจากที่เจียงหลี ‘สงบใจ’ อยู่ในอ้อมอกแล้ว มู่ชิงเกอก็ค่อยเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับประมุขตระกูลฮวาว่า “ประมุขฮวา ความรักที่คุณหนูมอบให้นั้น มู่ชิงเกอไม่อาจรับได้ ฝากบอกคุณหนูฮวาว่ามู่ชิงเกอเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก เมื่อตัดสินใจจะอยู่กับใครแล้ว ก็ยอมที่จะรักคนๆ นั้นคนเดียวไปชั่วชีวิต และก็หวังว่าคุณหนูฮวาจะสามารถหาความสุขของตนเองพบได้โดยไว”

เมื่อพูดแล้ว นางก็ใช้ดวงตาที่ดูอบอุ่นมองไปยังนัยน์ตาสีทองของเจียงหลี เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “หลีเอ๋อร์เจ้าว่าอย่างไร?”

คำว่าหลีเอ๋อร์ทำให้ผิวใต้เสื้อผ้าของเจียงหลีเกิดอาการขนลุกชันขึ้น นางสั่นสะท้านแล้วก็พยักหน้า

ประมุขตระกูลฮวามองไปมาระหว่างคนทั้งสอง ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ถอนหายใจออกมาแล้วพยักหน้า “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว วันนี้รบกวนคุณชายมู่แล้ว ขอตัวลา”

“ประมุขฮวา เดินระวังด้วย” มู่ชิงเกอรีบปล่อยเจียงหลี ยิ้มเล็กน้อยส่งแขก

จนเมื่อเงาร่างของประมุขตระกูลฮวาหายไปจากเรือนรับรองแล้ว มู่ชิงเกอถึงได้ค่อยๆ เก็บรอยยิ้มบนใบหน้ากลับมา

“ฮ่าๆๆๆๆๆ หัวเราะแทบจะทำให้ข้าขาดใจตายแล้ว…” ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะหนักๆดังเข้ามา

ทั้งสามคนหันไปมอง เห็นจ้าวหนานซิงหัวเราะเดินออกมาพร้อมปาดนํ้าตา

“หัวเราะอะไร!” เจียงหลีจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคือง

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “อา ข้าลืมไปเลย ประมุขตระกูลฮวาอยากหาลูกเขย ที่นี่ของพวกเรายังมีอีกตัวเลือกหนึ่งที่เหมาะสมที่สุด”

เสียงหัวเราะของจ้าวหนานซิงหยุดลงในทันที ร่างของเขาชะงักขึ้นรีบร้อนเอ่ยขึ้นว่า “ชิงเกอ เจ้าก็รู้จิตใจของข้าดี เรื่องล้อเล่นเช่นนี้ไม่อาจกล่าวได้!”

มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ ให้เขา แต่รอยยิ้มเช่นนี้กลับทำให้จ้าวหนานซิงรู้สึกขนลุก “ข้าดูท่านหัวเราะอย่างมีความสุข ยังคิดว่าเรื่องล้อเล่นนี้น่าสนใจเป็นอย่างมากเสียอีก”

“อย่า! ข้าผิดไปแล้ว ชิงเกอ ศิษย์พี่ผิดไปแล้ว เจ้ายกโทษให้ข้าเถอะ อย่าได้ถือสาข้าเลย” จ้าวหนานซิงรีบเอ่ยอย่างหดหู่

“แค่ไม่กี่คำก็ยอมรับผิดแล้วหรือ?” มู่ชิงเกอยิ้มออกมาจนตาหยี

“แน่นอนว่าไม่ได้! ดูละครอยู่ตั้งนาน ไม่มีเลือดออกสักนิดจะได้อย่างไร?” เจียงหลีพุ่งเข้ามากอดอกพร้อมพูดกับจ้าวหนานซิงอย่างไม่เกรงใจ

จ้าวหนานซิงลู่ไหล่ลงอย่างยอมแพ้“เช่นนั้นต้องทำอย่างไร เรื่องนี้ถึงจะถือว่าผ่านไปได้?”

ดวงตาของเจียงหลีกลอกไปมา เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ได้ยินมาว่าอาหารของร้านๆ หนึ่งในเทียนตูมีรสชาติดีมาก ทุกๆ วันโต๊ะจะเต็มตลอด จำเป็นต้องต่อแถวยาวเหยียด ถึงได้ทาน ที่สำคัญก็คือวัตถุดิบมีจำกัดในแต่ละวัน ไม่ทราบว่าองค์ชายจ้าวจะสามารถเชิญพวกเราไปลองทานได้หรือไม่?”

“โธ่! เจ้าก็พูดอยู่ว่ารอนานมาก ต้องต่อแถว แล้วก็ยังมีของจำกัด พวกเจ้าไม่กลัวว่าจะรอนานอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของจ้าวหนานซิงดูขมขื่น มองไปที่มู่ชิงเกออย่างขอร้อง

น่าเสียดาย มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจเขาเลย แต่กลับเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจียงหลี

“แน่นอนว่าพวกเรากลัว! ดังนั้นเจ้าต้องไปต่อแถว รอถึงแล้ว จองโต๊ะเสร็จ สั่งอาหาร ค่อยส่งคนมาเรือนรับรองเรียกพวกเรา” ดวงตาของเจียงหลียิ้มโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์

จ้านหนานซิงอ้าปากค้าง เห็นว่าไม่มีใครพูดแทนตัวเอง จึงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม ก้มหน้าหันหลังกลับเรียกองครักษ์ของตนเอง ดูเหมือนว่าจะให้องครักษ์ไปต่อแถวไว้ก่อน

แต่ว่า เพียงแวบเดียวเจียงหลีก็มองแผนการของเขาเสียทะลุปรุโปร่ง ร้องเรียกได้ทันว่า “นี่ เชิญแขกไปทานอาหาร ต้องลงแรงด้วยตนเองถึงจะจริงใจ พวกเราใจ กว้างมากแล้วที่ไม่ได้ให้เจ้าลงครัวทำอาหารเอง แม้แต่ไปต่อแถวเองเจ้าก็ยังจะไม่ทำอย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่าของที่เจ้าลงครัวทำออกมา อาจจะกินไม่ได้ก็ได้”

เหมือนจะโดนว่าอีกประโยค จ้าวหนานซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ โอบอุ้มจิตใจของผู้ชายที่ดีไม่ต่อปากต่อคำกับผู้หญิง ยกนิ้วหัวแม่มือให้เจียงหลีแล้วก็สะบัดชายเสื้อ จากไป

มองเห็นเงาแผ่นหลังของเขาจากไปอย่าง ‘หงอยเหงา เศร้าสร้อย’ เช่นนั้นแล้ว เจียงหลีก็ไม่ได้รู้สึกสงสาร แต่กลับส่ายหน้าเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เจ้าว่า เขาหาเรื่องใส่ตัวเองเองใช่หรือไม่?”

มู่ชิงเกอก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ แอบฟังก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนตอบแทน ถึงจะได้จดจำบทเรียน”

พูดแล้ว ทั้งสองคนก็สบตากันด้วยความเข้าใจอันเงียบสงบและก็หัวเราะด้วยกัน

ฟ่งอวี๋เฟยยืนอยู่ด้านหลังของคนทั้งสอง มองทุกความเคลื่อนไหวระหว่างพวกเขา ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง “คุณชาย ข้าพบว่าท่านกับฮ่องเต้หญิงนั้น เข้ากันได้ดีมาก อย่าได้พลาดพรหมลิขิตดีๆ ในครั้งนี้ไป”

รอยยิ้มบนใบหน้าของคนทั้งสองคนหายไปในทันที เพราะคำพูดของฟ่งอวี๋เฟย

หันมามองนางพร้อมกัน ฟ่งอวี๋เฟยถูกสายตาของคนทั้งสองมองจนทำให้ขนลุก ยิ้มอย่างกระดากใจ “อา ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว”

พูดแล้วนางก็เดินหนีไป

“หนีได้เร็วจริง ๆ” เจียงหลีสบถออกมาประโยคหนึ่ง

มู่ชิงเกอหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ไปเถอะ หลีเอ่อร์อย่าได้พลาดพรหมลิขิตดี ๆ ระหว่างข้ากับเจ้า!” พูดแล้ว นางก็เดินไปทางห้องของตัวเอง

“หา! ใครอยากจะอยากมีพรหมลิขิตดีๆ กับเจ้ากัน? ข้ากับเจ้านั้นเป็นคู่หูที่ชั่วร้ายต่างหาก!” เจียงหลีเอ่ย สาวเท้าไล่ตามมู่ชิงเกอไป

“รัชทายาทหญิงฟ่งคนนั้นยังไม่รู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือ?” เมื่อถึงข้างกายของมู่ชิงเกอ เจียงหลีก็เอ่ยเสียงเบา

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ถึงแม้ว่านางกับฟ่งอวี๋เฟยจะรู้จักกันมาก่อน ทั้งความเกี่ยวข้องก็ค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็มีความสัมพันธ์ใกลีชิดกันไม่มาก ฟ่งอวี๋เฟยก็ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่นและก็ไม่เคยสนใจชีวิตส่วนตัวของนาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะชอบนาง ดังนั้นนางจึงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับฟ่งอวี๋เฟย

“เอาละ ก่อนหน้านี้ข้าถามเจ้าว่าจะคืนกลับสู่สถานะเมื่อไหร่ เจ้าก็บอกว่าพบคนๆ หนึ่งแล้วค่อยว่ากัน คนๆ นั้นของเจ้าได้พบแล้วหรือยัง?” เจียงหลีไต่ถาม มู่ชิงเกอหยุดฝีเท้า มองไปบนท้องฟ้าแล้วนิ่งไป

คิดไปถึงหวงฝู่ฮ่วนเคยพูดกับนางว่า อีกไม่กี่วันทางพระราชวังจะจัดการให้พวกเขาไปตำหนักหลีกงเพื่อพบกับซือมั่ว ในที่สุด ก็จะได้พบกับชายคนนั้นอีกครั้ง ครั้งนี้จะต้องถามคำถามระหว่างพวกนางให้ชัดเจน

“อืม ใกล้แล้ว” มู่ชิงเกอเอ่ยตอบคำถามของเจียงหลี

“คนๆ นั้นเป็นใครกันแน่? สมควรให้เจ้าให้ความสำคัญถึงขนาดนี้หรือ?” เจียงหลีถามอย่างสงสัย

มู่ชิงเกอกลับยิ้มๆ กับนาง พูดออกไป “ถึงเวลาแล้วเจ้าจะรู้เอง”

พูดแล้ว นางก็เดินต่อไปข้างหน้า

เจียงหลียังยืนอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง ในใจคิดถึงคำพูดของมู่ชิงเกอ ‘ถึงเวลาก็จะรู้เอง’ ว่ามีความหมายว่าอย่างไร ยังไม่ทันได้เข้าใจ ก็พบว่ามู่ชิงเกอนั้นเดินออกไปไกลแล้ว จึงรีบร้อนไล่ตามไป “เฮ้ เจ้ารอข้าด้วย”

มู่ชิงเกอไม่ได้เดินช้าลง ยังคงเดินต่อไป นางยังต้องกลับห้องของนาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version