Skip to content

พลิกปฐพี 179-4

ตอนที่ 179-4

เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว เขาเป็นของข้า!

นี่เป็นเขตหวงห้าม หากไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่มีใครสามารถก้าวเข้ามาได้

นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางมายืนอยู่ในสถานที่ของซือมั่ว…

ไม่ ถ้าหากว่านับตอนแรกสุดที่ถูกซือมั่วดูดเข้าไปในช่องว่างที่อัศจรรย์นั้น วันนี้ก็เป็นครั้งที่สอง

อย่างไรก็ตามการเผชิญหน้าในครั้งนั้น ทำให้นางรู้สึกเหมือนกับฝันไป

แต่ที่นี่ก็ดูเป็นความจริง!

เดินเข้าใกล้กับตำหนัก ก็มีสายลมที่มีกลิ่นหอมเฉพาะสายหนึ่ง พัดผ่านเข้ามา นำเอาความเหนื่อยล้าของทุกคนสลายหายไป ทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย ส่วนมู่ชิงเกอกลับไม่ได้มีความรู้สึกนั้น ตอนที่นางได้กลิ่นหอมนั้นนางก็นิ่งชะงักไปเล็กน้อย

กลิ่นหอมนี้เป็นกลิ่นหอมที่นางมักจะได้กลิ่นจากตัวของซือมั่ว

พิเศษเป็นอย่างมากและก็ไม่อาจลอกเลียนได้

“สบายตัวแล้ว! สบายสดชื่นมาก!” เจียงหลีขยับไหล่เล็กน้อย และแอบส่งเสียงให้กับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมองไปที่คนอื่นๆ ก็พบว่าใบหน้าของทุกคนล้วนแต่เผยร่องรอยแห่งความยินดี

ส่วนกู่หยาและกู่เย่กลับยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเคย

เดินตามคนทั้งสองไป ทุกคนก็เข้าไปภายในท้องพระโรงของตำหนักใหญ่

เมื่อเข้าไปในตำหนักใหญ่ ทุกคนก็ถึงสัมผัสได้ถึงความ

กว้างใหญ่ของพระตำหนัก พวกเขาตั้งหลายคนเมื่ออยู่ภายในก็ดูเล็กเหมือนตั้งมด

ในพระตำหนักที่กว้างขวางและดูโล่งว่าง ความสูงนั้นสูงหลายสิบจ้าง กว้างมากกว่าร้อยจ้าง ความกว้างความสูงเช่นนี้ได้รับการคํ้ายันจากเสาหยกจำนวนนับไม่ถ้วน ด้านบนแกะสลักภาพที่สวยงามดุจตั้งเป็นภาพคนยักษ์

ส่วนตรงกลางของตำหนักนั้น มีเก้าอี้ขนาดใหญ่แค่เพียงหนึ่งตัว เก้าอี้ตัวนี้ดูทรงอำนาจดุดันมากกว่าเก้าอี้มังกรของจักรพรรดิหยวนหลายเท่า ด้วยมุมมองที่สามารถมองเห็นโลกทั้งใบ และพลังอำนาจที่จะชี้นำใต้หล้า เก้าอี้ตัวนั้นใหญ่โตจนดูเหมือนกับเป็นเตียงหลังหนึ่ง ที่เพียงพอให้คนสี่ห้าคนสามารถนอนอยู่ด้านบนได้อย่างสบาย ทั้งยังเหลือที่ว่างอีก

เพียงพริบตาเดียวที่มองเห็นเก้าอี้ตัวนี้ ความรู้สึกเช่นเดียวกันก็เกิดขึ้นในใจของทุกคน

คนที่สามารถนั่งอยู่บนนี้ได้นั้นจะสูงใหญ่ถึงขนาดไหนกัน?

ที่แม้แต่นัยน์ตาของหวงฝู่ฮ่วนที่อยู่ข้างกายของหวงฝู่เฮ่าเทียนก็ยังดูตกตะลึง ในบรรดาคนเหล่านี้ เขาถือว่าเป็นคนที่ได้เข้ามาในตำหนักหลีกงหลายครั้งมากที่สุด แต่ก็เป็นครั้งแรกของเขาเช่นกันที่ได้เข้ามาในตำหนักใหญ่แห่งนี้จึงได้ดูตกตะลึงกับความใหญ่โตข้างหน้าเช่นเดียวกับทุกคน

‘เขาไม่อยู่อย่างนั้นหรือ?’

เดิมมู่ชิงเกอคิดว่าหลังจากเข้ามาในตำหนักใหญ่แล้ว ก็จะสามารถมองเห็นซือมั่วได้เลย เมื่อมองเห็นว่าบนบัลลังก์นั้นไม่มีใครสักคนในใจก็เกิดความรู้สึกผิดหวัง แต่ก็เปลี่ยนเป็นโล่งใจเล็กน้อย

‘เขาไม่อยู่ที่นี่ แล้วไปอยู่ที่ไหนกัน?’

‘หรือว่าตอนนี้เขากำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในตำหนักเพื่อลอบมองทุกอย่าง?’

‘เวลาที่เข้ามาในตำหนักหลีกงมีจำกัด ตอนนี้ก็ได้ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว วันนี้นางจะได้พบเขาหรือไม่?’

‘หากว่าไม่พบ เช่นนั้นก็ต้องรออีกยาวนาน ทั้งสองคนถึงจะได้พบเจออย่างนั้นหรือ? นางถึงจะสามารถพูดความในใจออกมาได้?’

เมื่อมองไม่เห็นเงาร่างของซือมั่ว ในใจของมู่ชิงเกอก็เกิดความคิดวุ่นวายไม่หยุดหย่อน

ทันใดนั้น ข้างหน้าก็เกิดเสียงของกู่หยาดังขึ้น “ท่านประมุข จักรพรรดิหยวนนำผู้แทนแคว้นต่างๆ รวมทั้งเหล่าตระกูลชั้นสูงในเทียนตูมาขอพบ!”

มู่ชิงเกอมองออกไป เห็นภาพที่กู่หยากำลังเอ่ยกับบัลลังก์ที่ว่างเปล่าอันนั้น

นางกะพริบตา ยังไม่ทันได้เข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มองเห็นทุกคนคุกเข่าลงไป ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่ามือของตัวเองถูกดึง จากนั้นนางก็คุกเข่าลงเช่นเดียวกัน ต่อจากนั้น ก็ได้ยินเจียงหลีเอ่ยเตือนข้างหูของนางว่า “เจ้าไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ?”

“งานชุมนุมใหญ่แผ่นดินหลินชวนกำลังจะมาถึง หวงฝู่เฮ่าเทียนนำทุกคนมาคารวะองค์มหาปราชญ์ขอมหาปราชญ์โปรดอนุญาติให้เข้าพบด้วย!” ด้านหน้า เสียงของหวงฝู่เฮ่าเทียนดังขึ้น

เสียงของเขาเพิ่งจะหลุดออกไป ทุกคนก็ล้วนตะโกนออกมาตาม “ขอมหาปราชญ์โปรดอนุญาติให้เข้าพบด้วย! ขอให้งานชุมนุมใหญ่แผ่นดินหลินชวนประสบผลสำเร็จราบรื่นไปได้ด้วยดี!”

“ขอมหาปราชญ์โปรดอนุญาติให้เข้าพบด้วย! ขอให้งานชุมนุมใหญ่แผ่นดินหลินชวนประสบผลสำเร็จราบรื่นไปได้ด้วยดี!”

มู่ชิงเกอรู้สึกตกตะลึง เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าการมาพบซือมั่วในครั้งนี้มีความรู้สึกเหมือนกำลังมาขอพรจากเทพ?

ให้ซือมั่วคุ้มครองงานชุมนุมใหญ่แผ่นดินหลินชวนอย่างนั้นหรือ? เขาจะว่างมากถึงขนาดนั้นเลยหรือ?

มู่ชิงเกอถอนหายใจในใจ แต่ก็ลอบเอ่ยขึ้นมาในทันทีว่า ‘ใช่ เขาคงว่างมากจริงๆ นั้นแหละ’ หากไม่ว่างแล้วละก็ จะมีเวลามายุ่งวุ่นวายกับตนเองหรือ?

เสียงของทุกคน ดังสะท้อนไปในห้องโถงกว้างไม่หยุด

ในตอนที่เสียงหายไปแล้ว แสงดาวที่กระจัดกระจายก็ตกลงมาจากที่สูง แต่ก็ไม่หายไปไหน ค่อยๆ รวมตัวกันอยู่ด้านบนของบัลลังก์แห่งนั้น

ทุกคนเงยหน้ามองทั้งหมดอย่างตกตะลึง

แม้แต่มู่ชิงเกอก็ไม่ยกเว้น

แสงดาวที่กระจัดกระจายเหล่านั้น รวมตัวกันเป็นรูปร่างคน เป็นรูปร่างคนที่ใหญ่โตมาก เหมือนกับคนยักษ์ ส่วนพวกเขาคนเหล่านี้ก็อยู่ใต้เท้าของเขาดุจดั่งมดปลวก เมื่อครู่ พวกเขาก็ยังสงสัยว่าบัลลังก์ใหญ่ถึงขนาดนี้จะนั่งได้อย่างไร ตอนนี้ก็มีคำตอบแล้ว

เงาร่างของคนค่อยๆ กลายเป็นชัดเจนขึ้นมา จนดูเหมือนจริง

ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามนั้นดุจดังรวบรวมเอาวิวทิวทัศน์ที่งดงามทั่วโลกมารวมไว้ด้วยกัน บนโลกนี้ไม่มีทิวทัศน์ไหนที่จะเอามาเทียบกับใบหน้านี้ได้อีกแล้ว

ชุดสีขาวขนาดใหญ่ พลิ้วไหวเบาๆ ผมดำขลับยาวสยาย แผ่ลู่ลงอยู่ด้านหลัง สีดำและขาวเกี่ยวพันกันตัดเสริมกัน การคงอยู่ของเขาเปรียบเหมือนดั่งแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ไม่อาจขาดกันได้ พลังอำนาจที่ครองพิภพเช่นนี้ ทำให้ทุกคนทำได้เพียงอ่อนน้อมถ่อมตน ยอมจำนนกราบไหว้อย่างไม่มีเหตุผล

เขาเอนพิงบัลลังก์วางมือขวายึดไว้บนพนักเก้าอี้นิ้วเรียวยาวทั้งห้ากำเป็นกำปั้น คํ้าศีรษะไว้ แขนข้างหนึ่งโผล่ออกมาด้านนอก น่าดูจนคนไม่อาจละสายตาได้

เขาหลับตาทั้งคู่ ขนตายาวดุจพัด ดูเหมือนว่ากำลังพักผ่อน

ดูเหมือนเป็นภาพลวงตาที่ดูคล้ายจริงจนยากจะแยกแยะ

หากไม่ใช่ว่ารอบกายของเขาแผ่แสงสว่างออกมาจนร่างโปร่งแสงของเขาเด่นชัดขึ้นนั้นก็อาจจะทำให้คนคิดว่า ซือมั่วนั่งอยู่ตรงนี้จริงๆ

ฉากๆ นี้ ทำให้คนที่เห็นกลั้นลมหายใจ ไม่กล้ารบกวน

“งดงามมาก! เหตุใดในพิภพนี้จึงมีชายที่หล่อเหลาขนาดนี้อยู่ได้? อีกอย่าง เขาก็ยังเป็นคนที่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น!” เจียงหลีเอ่ย ดวงตาเต็มไปด้วยความหลงใหล

ในตอนนี้ ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลานเฟยเยว่จึงต้องการส่งตัวเองเข้าสู่ตำหนักอันโดดเดี่ยวแห่งนี้

สามารถรับใช้อยู่ข้างกายผู้ชายเช่นนี้ทุกวันได้ชื่นชมใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถึงจะมองไปหนึ่งร้อยปี ไม่สิ พันปีก็ไม่เบื่อ!

เจียงหสีรู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างไหลออกมาจากปากของนาง

นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย เอ่ยอย่างตัดสินใจว่า “ข้า ตัดสินใจแล้ว! สามีของข้าจะต้องเป็นผู้ชายดั่งเช่นมหาปราชญ์ถึงจะได้!” คำแถลงการณ์นี้ของนางตกเข้าไปอยู่ในหูของมู่ชิงเกอ สองตาของนางก็เพ่งมองภาพลวงตาของซือมั่วเช่น เดียวกัน มุมปากคลี่ออกเบาๆ “เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว เขาเป็นของข้า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version