ตอนที่ 183-2
ความอิจฉาของผู้หญิง!
เจียงหลียินดีไปชั่วขณะ เอ่ยหยอกล้อว่า “นายน้อยหานผู้นี้ ข้าได้ยินว่าเป็นคนถือตัว แต่ไหนแต่ไรมาจะไม่ยอมใกล้ชิดกับคนทั่วไป ยิ่งจะไม่ปฏิบัติต่อใครเช่นนี้ ดูแล้วเขาช่างดีต่อเจ้าจริงๆ!”
มู่ชิงเกอจ้องนางแวบหนึ่ง ยิ้มเย็นแล้วเอ่ยว่า “เขาก็แค่เพียงบีบข้าให้ลงมือเท่านั้น”
“บีบให้เจ้าลงมือ?” เจียงหลีเอ่ยอย่างประหลาดใจ
มู่ชิงเกอยิ้มเย็นอย่างมั่นใจ “หานฉายไฉ่เป็นพวกชอบชมละคร เขาทำอย่างนี้ก็น่าจะเป็นการบีบให้ข้าลงมือกับเหล่าคนพูดจาเหลวไหลเหล่านี้”
“เช่นนี้จะสามารถบีบเจ้าออกไปได้หรือ?” เจียงหลีชะงัก ยังไม่เข้าใจ
มู่ชิงเกอเอ่ยอธิบาย “ถ้าหากเจ้าเป็นคนของตระกูลหลาน เจ้าได้ยินข่าวลือเช่นนี้ เจ้าจะคิดอย่างไร?”
“รอยแผลที่น่าอัปยศถูกเปิดเผย แน่นอนว่าจะต้องสืบหาคนทำอย่างเต็มที่” เจียงหลีตอบในทันที มู่ชิงเกอพยักหน้า “ส่วนเมื่อเพลงนี้ถูกแพร่กระจายออกไป คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจะเป็นใคร?”
“คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด?” เจียงหลีครุ่นคิด เบิกตากว้างมองดูมู่ชิงเกอครู่หนึ่ง
มู่ชิงเกอยิ้มๆ เอ่ย “ดูท่าเจ้าคงจะเข้าใจแล้ว วิธีที่ดีที่สุดที่จะยับยั้งการวิจารณ์ในที่สาธารณะ ก็คือสร้างเรื่องที่น่าสนใจยิ่งกว่าเรื่องใหม่ขึ้นมา เมื่อก่อนข่าวเรื่องตระกูลหลานกระจายออกมา ยังไม่ทันได้ขึ้นเป็นประเด็น ก็ถูกเรื่องที่เกี่ยวกับข้าเบี่ยงเบนไปแล้ว และไม่ต้องสนใจว่าเรื่องนี้จะมีตระกูลหลานอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่ว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดก็คือพวกเขา แต่ตอนนี้ เพลงๆ นี้ถูกแพร่ออกไป จุดมุ่งหมายก็คือดึงดูดสายตาของประชาชนให้สนใจขุดคุ้ยเรื่องเก่า และก็เป็นการค่อยๆ ทอนความร้อนแรงของข่าวลือที่เกี่ยวกับตัวข้าลง ตอนนี้ ข้าสำหรับประชาชนของเทียนตูแล้ว ไม่เพียงแต่เป็นคนผ่านทางคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนตระกูลหลานอยู่ในเทียนตูมาตั้งนาน หลานเฟยเยว่ก็ถูกตั้งว่าเป็นหญิงที่จะเข้าไปอยู่ในตำหนักหลีกงมาตั้งหลายปี ไม่ว่าจะอย่างไร ความสนใจที่ประชาชนในเทียนตูมีให้นางนั้นจะต้องเกินข้าไปไกลอย่างแน่นอน เมื่อข่าวลือถูกกระพือออกไป ข้าก็จะกลายเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ส่วนตระกูลหลานจะถูกผลักขึ้นไปอยู่เหนือลม ในเวลาเดียวกันเรื่องเช่นนี้นั้น คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็จะเป็นข้า ส่วนข้าก็จะกลายเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดของตระกูลหลาน ไม่ว่าจะเป็นข้าทำหรือไม่ ก็ล้วนต้องถูกสงสัยว่าใส่ร้ายตระกูลหลาน”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” เจียงหลีเอ่ยในทันใด “เจ้าคนแซ่หานนั้นอยากบอกเจ้าว่า ในเมื่อเรื่องนี้ก็ติดอยู่ที่หลังของเจ้าแล้ว ดังนั้น หากจะรออยู่ต่อไป ก็ไม่สู้ลงมือเอง เพิ่มไฟเข้าไปเสีย”
มู่ชิงเกอพยักหน้า
“เหตุใดเขาจึงต้องทำเช่นนี้?” เจียงหลีไม่เข้าใจแล้ว
ถ้าหากพูดว่าหานฉายไฉ่ชอบมู่ชิงเกอ ไม่ยินยอมให้นางรู้สึกอัปยศ ถึงได้ออกหน้า เช่นนั้นเหตุใดยังต้องบีบให้นางขึ้นไปบนเวทีอีก? ทำไมไม่ใส่ใจช่วยเหลือนางทั้งหมด ไม่แน่ว่ามู่ชิงเกออาจจะรู้สึกหวั่นไหวก็ได้ สำหรับเรื่องนี้ มู่ชิงเกอก็ไม่ได้รู้สึกว่าแปลกประหลาดแต่อย่างไร
“เขาเป็นคนที่มีนิสัยชั่วร้าย เรื่องอะไร ก็ล้วนแต่สามารถทำเป็นเรื่องเล่น เรื่องทำแก้เบื่อยามว่างได้ เรื่องนี้ก็ไม่ได้นอกเหนือความคาดหมาย เขาทำเหมือนเรื่องนี้ เป็นกระดานหมากล้อม เขาลงมือแล้ว ต่อไปก็คอยดูว่า ข้าจะลงมืออย่างไร จะเป็นเหมือนกับที่เขาวางแผนเอาไว้หรือไม่ หรือว่าจะใช้วิธีที่ต่างออกไป”
เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ น่ะหรือ?
เจียงหลีเอ่ยในใจ นางรู้สึกว่ามู่ชิงเกอคาดเดาความคิดของหานฉายไฉ่ซับซ้อนเกินไป
แต่ว่า ไม่มีหลักฐาน เจียงหลีก็จะไม่พูดเหลวไหล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางกับหานฉายไฉ่ไม่รู้จักกัน แล้วจะไปช่วยเขาพูดทำไม?
นางละทิ้งความสับสนวุ่นวายนั้น เอ่ยถามกับมู่ชิงเกอว่า “เช่นนั้นต่อไปเจ้าคิดจะทำอย่างไร? จะไม่สนใจอย่างเดิมหรือว่าจะลงมือ?”
มู่ชิงเกอหัวเราะเบาๆ เอ่ยว่า “ถึงแม้ว่าจะถูกคนจัดวางให้เดินอย่างนี้ แต่ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ ทว่า วิธีการที่รุนแรงของเขานี้ ก็ได้เตือนสติข้าแล้ว”
นางมองไปทางเจียงหลี รอยยิ้มกดลึกขึ้น “มีบางเวลา คิดจะเปลี่ยนแพ้ให้เป็นชนะ ก็ไม่ได้มีเพียงเส้นทางการใส่ร้ายเท่านั้น”
พูดเสร็จแล้ว นางก็โบกมือให้องครักษ์เขี้ยวมังกรที่ติดตามมา แล้วก็กระซิบที่หูของพวกเขาไม่กี่ประโยค
จากนั้น องครักษ์เขี้ยวมังกรก็แยกย้ายกันไปในกลุ่มคน
“เจ้าให้พวกเขาไปทำอะไร?” เจียงหลีเดินไปข้างกายของมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยถาม
มู่ชิงเกอกลับยิ้มอย่างลึกลับแล้วเอ่ยว่า “อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้เอง ไปเถอะ ยังต้องไปหอสรรพสิ่งอีก”
“จะเล่นปริศนาแบบไหนอีก?” เจียงหลีสบถอย่างไม่พอใจประโยคหนึ่ง เดินไปกับมู่ชิงเกอ
บนถนนทางทิศตะวันออก ป้ายของหอสรรพสิ่งนั้นดูสะดุดตามาก
วันนี้ เป็นวันจัดงานประมูลของหอสรรพสิ่ง ตระกูลใหญ่และฐานอำนาจต่างๆ ภายในเทียนตูล้วนแต่ได้รับการเชื้อเชิญ
ตอนที่มู่ชิงเกอกับเจียงหลีมาถึงที่นี่นั้น ด้านนอกของหอสรรพสิ่งก็มีคนเต็มจนแออัดอยู่แล้ว รถม้าจอดเรียงราย ต่อแถวเพื่อเข้าสู่ประตูใหญ่ของหอสรรพสิ่ง
“พวกเราน่าจะนั่งรถม้ามา” เจียงหลีเอ่ยกับมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอยิ้มๆ ไม่พูดจา
ทันใดนั้น ก็มีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ข้างกายของพวกเขา ทั้งสองคนเงยหน้ามองออกไป เห็นผ้าม่านรถม้าถูกเปิดออก เผยให้เห็นถึงใบหน้าของฮวาฉินฉิน
“คุณชายมู่ เหตุใดจึงเดินมาเช่นนี้? ไม่สู้ขึ้นรถม้าของข้าเถอะ!” ฮวาฉินฉินเอ่ยเชิญมู่ชิงเกอก่อน ทำเป็นมองไม่เห็นเจียงหลีที่อยู่ด้านข้างนาง
ความรู้สึกที่ฮวาฉินฉินมีต่อตัวเองนั้น จากเริ่มต้นมาก็ไม่เคยเก็บซ่อนมาก่อน
ส่วนนางสำหรับมู่ชิงเกอนั้น หลีกเลี่ยงให้ไกลจะเป็นการดีที่สุด
“ขอบคุณคุณหนูฮวา ไม่ต้องหรอก” มู่ชิงเกอเอ่ยปฏิเสธ ฮวาฉินฉินกำลังจะโน้มน้าวต่อ แต่ก็มีรถม้าเคลื่อนเข้ามา จอดอยู่ตรงหน้าของมู่ชิงเกอและเจียงหลี
เมื่อผ้าม่านรถม้าถูกเปิดออก หวงฝู่ฮ่วนก็โผล่หน้าออกมา เผยรอยยิ้มนุ่มนวลให้กับมู่ชิงเกอและเจียงหลี “คุณชายมู่ ฮ่องเต้เจียง ช่างบังเอิญยิ่งนัก ไม่สู้เดินทางไปด้วยกันไหม?”
พูดแล้ว เขาก็เหมือนว่าเพิ่งมองเห็นฮวาฉินฉิน จึงพยักหน้าให้นาง “ที่แท้คุณหนูฮวาก็อยู่ด้วย”
“องค์รัชทายาท” ฮวาฉินฉินมองเห็นหวงฝู่ฮ่วน รอยยิ้มซีดลงไปเล็กน้อย
“เช่นนั้นก็ขอขอบคุณองค์รัชทายาทแล้ว” มู่ชิงเกอตอบรับตรงๆ ลากเจียงหลีจะขึ้นไปบนรถม้าของหวงฝู่ฮ่วน ฮวาฉินฉินกัดฟันอย่างแค้นเคือง มองมู่ชิงเกอขึ้นไปบนรถม้าของหวงฝู่ฮ่วน ก่อนจะปล่อยผ้าม่านลงอย่างหมดทางเลือก
ภายในรถม้า ประมุขตระกูลฮวาที่หลับตาอยู่ตลอดก็ค่อยๆ เบิกตาขึ้น มองบุตรสาวของตนเอง เอ่ยอย่างสงสารว่า “ดูแล้ว คุณชายมู่ไม่ได้มีใจต่อเจ้าเลย’’
“ท่านแม่ ข้าจะไม่ยอมแพ้หรอก!” ฮวาฉินฉินเอ่ยอย่างหนักแน่น
ประมุขตระกูลหลานถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ชักจูงต่อ กลับไปหลับตาลงอีกครั้ง มู่ชิงเกอกับเจียงหลีขึ้นไปบนรถม้าของหวงฝู่ฮ่วน ก่อนจะพบว่าในรถม้ามีเขาเพียงแค่คนเดียว
ไม่ให้ถาม เขาก็อธิบายว่า ตนเองเป็นตัวแทนของราชวงศ์มาร่วมงานจัดประมูล ทั้งสามคนพูดกันไปเรื่อยๆ จนมาถึงด้านหน้าประตูของหอสรรพสิ่ง หลังจากทั้งสามคนยื่นเทียบเชิญออกไปจากภายในรถม้า นอกรถม้าก็มีคำพูดแปลกประหลาดต่อทั้งสามคนดังขึ้น
“คุณชายมู่อยู่ในรถด้วยหรือ? นายน้อยของข้าสั่งไว้ว่า คุณชายมู่เป็นแขกคนสำคัญของหอ ได้จัดเตรียมห้องที่ดีที่สุดไว้เป็นพิเศษแล้ว ขอเชิญคุณชายมู่ลงจากรถม้า ให้บ่าวได้ส่งท่านไป”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ในความคิดแรกก็คือ ‘หานฉายไฉ่ผู้นี้จะทำอะไรกัน?’
“ที่แท้คุณชายมู่กับนายน้อยของหอสรรพสิ่งก็มีความสัมพันธ์ต่อกัน” หวงฝู่ฮ่วนเอ่ยหยอกเย้า
“เจ้ารีบไปเถอะ ดูว่าเขาจะทำอะไรกันแน่? มีเรื่องอะไรก็ให้เจ้าร้องเรียก ข้าจะไปช่วยเจ้า!” เจียงหลีเอ่ยกับมู่ชิงเกอ
มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก ไร้คำพูดที่จะกล่าวกับเจียงหลี
แน่นอน นางก็ไม่อาย หลังจากเดินลงจากรถม้าภายใต้สายตาของหมู่คน เดินเข้าไปภายในหอสรรพสิ่งกับคนของหอสรรพสิ่ง
มู่ชิงเกอถูกนำเข้าไปทางถนนสายเล็กที่ดูห่างไกล ยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งเงียบ ดูเหมือนว่าไกลออกไปจากห้องโถงด้านหน้าที่จัดงานประมูล
“ข้ามาร่วมงานประมูล” มู่ชิงเกอเอ่ยเตือน
ในการประมูลครั้งนี้ มีของที่นางจำเป็นต้องได้หากว่า พลาดไปแล้ว ครั้งต่อไปก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบอีก
บ่าวที่นำทางด้านหน้าหยุดลง หันกายกลับมาคำนับมู่ชิงเกอแล้วเอ่ย “คุณชายมู่วางใจ นายน้อยพูดแล้วว่าจะไม่ทำให้เสียเรื่อง”
พูดแล้ว บ่าวคนนั้นก็หันกายนำทางต่อ
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น ทำได้เพียงตามไป
หอสรรพสิ่งของเทียนตูใหญ่โตมาก ดุจดังเป็นวังหลวง
มู่ชิงเกอตามบ่าวคนนั้นวนไปรอบหนึ่ง ถึงได้เข้าไปในตัวอาคาร
ภายในอาคารมีทางเข้าหลายทาง เส้นทางวกไปวนมา เชื่อมโยงกัน ดุจดังเป็นเขาวงกต หากว่าไม่มีคนนำทาง ก็ง่ายดายมากที่จะหลงทาง
มู่ชิงเกอตามบ่าวคนนั้นอ้อมไปอ้อมมา ตอนที่เดินผ่าน
ทางเดินหนึ่ง ก็มองเห็นบรรยากาศของห้องโถงประมูล ตอนนี้ภายในนั้นก็มีคนนั่งอยู่เต็มไปหมดแล้ว
มีจำนวนมากที่เป็นคนที่มู่ชิงเกอคุ้นเคยในเทียนตู
ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ สำนักใหญ่ทั้งสาม แคว้นระดับสอง ยังมีจ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟยก็อยู่ในนั้นในตอนที่นางเดินผ่านทางเดินนั้นก็ยังมองเห็นเจียงหลีและหวงฝู่ฮ่วน
สุดท้ายของทางเดินนั้นเป็นทางโค้ง
หลังจากโค้งไป รอบด้านก็เปลี่ยนเป็นเงียบสงบลง
ทั้งต้องขึ้นบันไดอีกหลายชั้น ลงอีกหลายชั้น หลังจากผ่านสะพานโค้งแล้วในที่สุดมู่ชิงเกอก็ถูกนำไปอาคารสามชั้นที่ดูเหมือนเจดีย์หยก
การตกแต่งภายในอาคาร ภายใต้การมองของมู่ชิงเกอนั้นดูโอ้อวดมาก มีสีทองเต็มไปหมด มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นสถานที่ของใคร
เมื่อบ่าวนำมู่ชิงเกอมาถึงแล้วก็ถอยออกไป