Skip to content

พลิกปฐพี 184-3

ตอนที่ 184-3

ต่อยตีศัตรูที่เข้ามาป่วน

บนระเบียงทางเชื่อม เฮยมู่กับโหลวเสวียนเถี่ยลอบสื่อสายตาหากัน เมื่อครู่พวกเขาก็จดจ่อชมการแข่งขันของมู่ชิงเกอทุกรอบ นอกจากในใจจะก่นด่านักรบไร้ค่าแคว้นอวี่ผู้นั้นแล้ว ก็ยังทำการแลกเปลี่ยนการประเมินพลังที่แท้จริงของมู่ชิงเกอ

พูดกันตามตรงในบรรดาคนเหล่านี้ ผู้ที่เข้าใจพลังที่แท้จริงของมู่ชิงเกอที่สุดน่าจะเป็นเฮยมู่ เพราะว่าพวกเขาประมือกันสองรอบ อีกทั้งเป็นการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างแสดงไพ่ตายของทั้งคู่ออกมา

แต่ว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ด้วยพรสวรรค์ดุจมารปีศาจของมู่ชิงเกอ ตอนนี้เขาก็ไม่กล้ารับประกันว่ามู่ชิงเกอไปถึงขั้นไหนแล้ว

มู่ชิงเกอนั่งอยู่ข้างนอกทีก็นั่งเป็นครึ่งวัน จนกระทั่งนางเห็นคณะของสี่ตระกูลใหญ่กับจิ่งเทียนที่เดินเข้าไปในกรงแห่งหนึ่ง

คิดอยู่เพียงชั่วครู่ นางก็ผุดลุกขึ้นเดินไปทางกรงนั้น

บุญคุณความแค้นระหว่างนางกับจิ่งเทียนก็น่าจะถึงเวลาตัดสิน

เกี่ยวกับจิ่งเทียน มู่ชิงเกอไม่ได้เรียกว่าความแค้น

เพราะถึงอย่างไรการท้าทายที่เขามีต่อนาง พอถึงสุดท้ายก็เป็นตัวเขาเองที่รับผลของมัน

แม้ว่าเขาจะเคยปรารถนาในตัวซางจื่อซู แต่ว่าท้ายสุดก็ไม่ได้ทำเรื่องที่ทำให้เขาต้องถึงที่ตาย

ดังนั้นหากจิ่งเทียนรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร นางก็จะไม่จัดเขาเป็นศัตรู แต่หากไม่รู้จักขอบเขตเช่นนั้นนางก็ทำได้เพียงขจัดภัยร้ายที่จะสร้างความลำบากในอนาคตเสีย มู่ชิงเกอเดินเข้าไปในกรง ประมุขตระกูลจิ่งที่นั่งอยู่บนระเบียงทางเชื่อมร้อนใจขึ้นมาทันที เขากำมือไว้ที่เท้าแขนเก้าอี้แน่น นั่งหลังไม่ติดพนักเก้าอี้

บุญคุณความแค้นระหว่างจิ่งเทียนกับมู่ชิงเกอ ภายหลังประมุขตระกูลจิ่งได้สอบถามรายละเอียดจากบุตรชายตัวเอง

แม้ว่าตัวเขานั้นจะไม่หวังให้มู่ชิงเกอผูซึ่งมีพรสรรค์อันโดดเด่น บดบังพรสวรรค์ที่บุตรชายตนเองภาคภูมิใจ แต่ว่าพลังที่มู่ชิงเกอแสดงออกมาในตอนนี้กลับทำให้เขาเอ่ยปรามความไม่ยอมใครของบุตรชายตนเอง

โดยเฉพาะการกระทำภายหลังตำหนักหลีกง ความสัมพันธ์ระหว่างมู่ชิงเกอกับคนผู้นั้นของตำหนักหลีกง คลุมเครือไม่ชัดเจน ยิ่งต้องระวังตัวให้มาก ประมุข ตระกูลจิ่งซึ่งมีสายตากว้างไกลรู้สึกว่าไม่ควรเป็นศัตรูกับมู่ชิงเกอ

ดังนั้นเขาไม่เพียงแต่เตือนบุตรชายตนเอง ยังไม่อนุญาตให้เขาไปหาเรื่องมู่ชิงเกอ

บุญคุณความแค้นระหว่างมู่ชิงเกอก่อนหน้านี้ก็ให้หายกันไป

อย่างไรก็ตาม บุตรชายเขาผู้นี้ก็ไม่เคยแสดงท่าทีดีๆ เลย วันนี้มู่ชิงเกอเป็นฝ่ายเข้าหาบุตรชายของเขา เขาเดาความคิดของมู่ชิงเกอไม่ออก ยิ่งกังวลว่าบุตรชายตนเองจะถูกกระตุ้น จนต้องทำเรื่องอะไรที่ไม่อาจไถ่ถอนคืนได้

แต่ว่าหลังจากที่เข้าไปในกรงแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ก็ไม่อนุญาตให้คนข้างนอกสอดมือเข้าไปยุ่ง เวลานี้นอกจากเขาจะร้อนใจแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก

มู่ชิงเกอเดินเข้ามา สีหน้าของจิ่งเทียนก็เปลี่ยนไป สีหน้าหม่นหมองคลํ้าลงเหลือที่เปรียบ เขาเม้มริมฝีปากแน่น คล้ายกับว่าพยายามจะอดกลั้นอะไรเอาไว้ มองจ้องมู่ชิงเกอ ดวงตาคู่นั้นเบื้องหน้ามู่ชิงเกอไม่มีวี่แววทะนงตนตั้งนานแล้ว เหลือเพียงแววตาระวังภัยและตื่นตระหนก

มู่ชิงเกอดูท่าทีของเขาอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้มา สะสางบุญคุณระหว่างเรากันเถอะ”

จิ่งเทียนยังคงสงบนิ่ง

มือทั้งสองข้างของเขาก็ปล่อยลงข้างกาย เดี๋ยวกำหมัดแน่น เดี๋ยวคลายมือออกช้าๆ เดี๋ยวก็กลับมากำหมัดแล้ว ก็คลายออก ซํ้าไปซํ้ามา…

ประมุขตระกูลจิ่งก็ค่อนข้างตื่นเต้น กังวลว่าบุตรชายตนเองจะวู่วามทำเสียเรื่อง!

มู่ชิงเกอและจิ่งเทียนต่างก็เป็นศิษย์โรงโอสถ ทั้งสองจะประลองกัน ท่านผู้อาวุโสหัวหน้าโรงโอสถก็ค่อยๆ ปรือตาขึ้น ค่อยๆ แย้มยิ้ม

ตอนแรกที่จิ่งเทียนก้าวขึ้นสู่ปรมาจารย์นักปรุงยาระดับจิตวิญญาณ ก็ตัดสัมพันธ์กับอาจารย์ผู้มีพระคุณอย่างใจดำ แต่ก็ไม่ได้ถูกขับไล่ออกจากโรงโอสถ หนึ่งเพราะการกระทำของเขาไม่ได้ผิดกฎของโรงโอสถ สองเพราะแม้ว่าเขาจะเย็นชา เย่อหยิ่งจองหอง แต่ก็ไม่ได้เป็นคนชั่วช้าเลวทรามอะไร สามเพราะเห็นแก่ตระกูลจิ่ง หลังจากการประลองโอสถระหว่างมู่ชิงเกอกับจิ่งเทียน ท่านผู้เฒ่าก็เสนอว่าใครชนะจะได้เป็นผู้อาวุโส ก็เพื่อใช้มู่ชิงเกอมากระตุ้นจิ่งเทียนให้เขาลดความเย่อหยิ่งจองหองลง ปลูกฝังจิตวิญญาณขจัดความใจร้อนของเขา

แต่ว่าหากจะต้องเลือกระหว่างทั้งสองคน ตัวเลือกของเขาย่อมเป็นมู่ชิงเกออย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่ว่าจะเป็นความชื่นชมที่มีต่อมู่ชิงเกอ หรือเป็นเพราะมู่ชิงเกอเกี่ยวพันกับอนาคตของโรงโอสถ

ตอนนี้เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไรคล้ายกับว่าขึ้นอยู่กับจิ่งเทียนผู้เดียว การตัดสินใจของเขาเป็นตัวแทนการตัดสินใจที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคน และยังเกี่ยวพันกับแนวทางการดำเนินต่อไปของตระกูลจิ่งและโรงโอสถ

การประลองรอบนี้ยังไม่ทันได้เริ่มการต่อสู้อย่างเป็นทางการ แต่ว่าบรรยากาศรอบๆ ก็ตกอยู่ในภาวะตึงเครียด จากในกรงขยายไปบนระเบียงทางเชื่อม

โหลวเสวียนเถี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยส่อเสียดผู้อาวุโสโรงโอสถด้วยความลำพองใจ “การแข่งขันของศิษย์ขั้นสูงทั้งสองของโรงโอสถ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสให้ความสำคัญกับใคร?”

เจตนาท้าทายที่แฝงอยู่ในนั้นชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

คำพูดของโหลวเสวียนเถี่ย ทำให้สายตาของประมุขตระกูลจิ่งย้ายมาตกลงบนร่างของผู้อาวุโสโรงโอสถ

ผู้อาวุโสหัวหน้าโรงโอสถยิ้มออกมาอย่างสงบเยือกเย็น เผยท่าทีสบายอารมณ์เอ่ยกับโหลวเสวียนเถี่ยว่า “ต่างก็เป็นคนของโรงโอสถเรา ไม่ว่าใครจะชนะ ผู้เฒ่าเช่นข้าก็รู้สึกได้หน้าทั้งนั้น”

ประโยคคำตอบที่ตีความได้สองความหมาย ทำเอาโหลวเสวียนเถี่ยรู้สึกไม่พอใจ เขาคิดที่จะถากถางไปอีกสักหลายประโยค แต่ก็ถูกเฮยมู่ยับยั้งอารมณ์หุนหันของเขาไว้ ช่วงนี้พวกเขาสงบเงียบก็เพื่อที่จะจัดการศัตรูในคราวเดียว ไม่อาจให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวก่อนที่จะเริ่มแผนการได้ โหลวเสวียนเถี่ยรับรู้ได้ถึงเจตนาของเฮยมู่ ทำได้เพียงส่งเสียงดังในลำคอ

ความกังวลใจของประมุขตระกูลจิ่งค่อยๆ คลายลง เบนสายตากลับไปมองในกรงอีกครั้ง เขาเอ่ยขึ้นในใจว่า ‘เทียนเอ๋อร์ ขอเจ้าอย่าทำให้บิดาผิดหวัง!’

คล้ายกับว่าเขาจะได้ยินเสียงในใจของบิดา จิ่งเทียนสงบนิ่งอยู่เป็นนาน เขากำๆ คลายๆ หมัดอยู่เช่นนั้น มองมู่ชิงเกอและเอ่ยว่า “บุญคุณความแคว้นระหว่างเจ้ากับข้าจบกันไปตั้งแต่ที่โรงโอสถแล้ว”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น

พูดตามความจริง ปฏิกิริยาตอบโต้กลับของจิ่งเทียนทำให้นางคาดไม่ถึงอยู่บ้าง เดิมทีนางนึกว่าบนเวทีที่เป็นทางการเช่นนี้จิ่งเทียนน่าจะไม่พลาดโอกาสที่จะ ประลองกับนาง

แต่ว่า เขากลับปล่อยวาง

ทันใดนั้นจิ่งเทียนก็ขยับตัว แต่กลับไม่ได้ลงมือ เพียงแค่เดินผ่านมู่ชิงเกอออกไปทางประตูเหล็กทมิฬด้วยฝีเท้ามั่นคง

“แบบนี้นับเป็นการยอมแพ้โดยไม่สู้หรือเปล่า?” เจียงหลีขมวดคิ้วเอ่ยถาม

หวงฝู่ฮ่วนยิ้มเป็นนัยความหมายลึกซึ้งชัดแจ้ง พยักหน้า และเอ่ยขึ้นว่า “ดูท่าว่าการกดดันของมู่ชิงเกอจะทำให้จิ่งเทียนเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต่อไปตระกูลจิ่งอยู่ในมือเขา ประมุขตระกูลจิ่งก็สามารถวางใจได้”

จากคำพูดของเขา เจียงหลีหันเหสายตามองไปที่ประมุขตระกูลจิ่งซึ่งนั่งฝั่งขวาเว้นจากจักรพรรดิหยวนไป แน่นอนว่านางจับสังเกตรอยยิ้มพึงพอใจบนมุมปากเขาได้ด้วย

นางเลิกคิ้วครู่หนึ่งก่อนจะเบนสายตากลับมามองหวงฝู่ฮ่วน “ดูท่าการเป็นสี่ตระกูลใหญ่ย่อมต้องมีสิ่งที่ไม่ธรรมดา”

หวงฝู่ฮ่วนระบายยิ้ม เอ่ยตอบไม่ตรงคำถามว่า “สายตาของประมุขตระกูลจิ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่เสด็จพ่อของข้ายังชื่นชม”

ในฐานะประมุขผู้นำตระกูล จำเป็นต้องรับผลทุกการตัดสนใจ

เจียงหลีเองในฐานะฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นกู่วู่ แม้ว่าความพิเศษของแคว้นกู่วู่จะทำให้นางลดเรื่องรำคาญใจลง แต่ว่าเหตุผลข้อนั้นนางก็พอรู้

นางเอ่ยขึ้นยิ้มๆ ว่า “เฒ่าเจ้าเล่ห์! ตระกูลจิ่งยังนับว่าฉลาด”

ฉลาดที่ไม่ปล่อยให้บุตรชายตนเองเคียดแค้นต่อมู่ชิงเกอ มิฉะนั้นแล้วหากมู่ชิงเกอเอาคืนขึ้นมา คาดว่าอาจจะต้องมีการล้างกระดานสี่ตระกูลใหญ่เสียใหม่ ตระกูลจิ่งจะยังคงอยู่หรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version