Skip to content

พลิกปฐพี 185-1

ตอนที่ 185-1

นี่ถึงเรียกว่าเล่นแส้!

“ชอบเล่นแส้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ? เช่นนั้นข้าก็จะเล่นกับเจ้า!” เมื่อนํ้าเสียงเย็นชาของมู่ชิงเกอตกลงแส้อำพรางเมฆาก็เกิดเสียงแหลมแสบแก้วหูดังออกมา พุ่งไปใส่หลานเฟยเยว่ที่อยู่บนพื้น

เงาของแส้ยาว ขยายขึ้นในดวงตาของหลานเฟยเยว่

นางหวาดกลัวจนร้องออกมา “อย่า!”

สองมือจับกุมแก้มของตัวเองไว้แน่น กลิ้งไปอีกทาง แต่ว่าแส้อำพรางเมฆา ในมือของมู่ชิงเกอก็เพิ่มความเร็วขึ้น

ถึงแม้ว่านางจะหลบเลี่ยงได้ทันเวลา แต่แส้ก็ยังฟาดลงบนหลังของนางอยู่ดี

“อ้า—–!” เสียงร้องอย่างโหยหวนดังออกมาจากปากของหลานเฟยเยว่ ชุดสีนํ้าเงินบนตัวของนางเต็มไปด้วยดินฝุ่น ส่วนหลังก็ถูกแส้อำพรางเมฆาฟาดจนฉีกขาด เนื้อแตกจนเกือบจะมองเห็นกระดูก

ความเจ็บปวดจากแผ่นหลัง ทำให้ร่างของหลานเฟยเยว่มีเหงื่อเย็นซึม เจ็บจนร่างกายสั่นสะท้าน นางใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอำมหิตพุ่งมองไปทางมู่ชิงเกอ ส่วนแส้ที่สองของมู่ชิงเกอก็ได้ฟาดลงมาแล้ว

หลานเฟยเยว่คิดจะหลบอย่างทุลักทุเล แต่ก็ถูกรัดเข้าที่เอว ทำให้ทั้งร่างลอยปลิวไปชนกับกำแพงแข็งๆ

“อั๊ก!” หลานเฟยเยว่อยู่บนพื้น กระอักเลือดออกมา

เงาแส้ของมู่ชิงเกอฟาดลงไม่หยุด หลานเฟยเยว่ดุจดังหนูที่ตกลงในนํ้ามันร้อน โดดไปโดดมา แต่ก็หนีไปไม่พ้นจากการหวดไล่ของแส้อำพรางเมฆา

นี่เป็นอาวุธที่นางชอบมากที่สุด อยู่ข้างกายนางมาสิบกว่าปีแล้ว

ตอนนี้ตกอยู่ในมือของคนที่นางเคียดแค้นมากที่สุด ทั้งยังหันมาทำร้ายตัวเอง

หลานเฟยเยว่ร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด ในใจเกลียดแค้นมู่ชิงเกอ แม้แต่แส้อำพรางเมฆาก็พลอยเกลียดไปด้วย แส้อำพรางเมฆาถูกชิงไป เปลี่ยนเป็นอาวุธที่มาทำร้ายตนเอง ภายในใจของนางก็ดุจดังถูกทรยศ

“จักรพรรดิหยวน นี่มันเกินไปแล้ว!” ประมุขตระกูลหลานสงสารบุตรสาว อดไม่ได้ที่จะกดดันหวงฝู่เฮ่าเทียน

หวงฝู่เฮ่าเทียนมองไปที่เขา นัยน์ตาสื่อความหมายว่า ไม่เข้าใจที่ประมุขตระกูลหลานพูด

ความลำเอียงเช่นนี้ทำให้ประมุขตระกูลหลานกัดฟันด้วยความแค้น เขาเอ่ยกับหวงฝู่เฮ่าเทียนด้วยความแค้นที่พร้อมจะฆ่าคนว่า “บุตรสาวข้าแพ้แล้ว คุณชายมู่ยังรังแกหญิงสาวเช่นนี้อีก นี่จะถือว่าเป็นลูกผู้ชายได้อย่างไร?”

หวงฝู่เฮ่าเทียนยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เสียงที่ดูแคลนของเจียงหลีก็ดังเข้ามา “หูข้างไหนของเจ้าที่ได้ยินว่าบุตรสาวของเจ้าพูดว่ายอมแพ้? ในเมื่อนางยังไม่ได้ยอมแพ้ เช่นนั้นการแข่งขันก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป”

“นางมารเจ้าหุบปาก!” ประมุขตระกูลหลานตะคอกใส่เจียงหลี

ในสายเลือดของแคว้นกู่วู่ มีสายเลือดของเทพอสูร สายเลือดเช่นนี้ในสายตาของเขากลับกลายเป็นปีศาจที่ไม่ใช่คน

นัยน์ตาของเจียงหลีเยียบเย็นขึ้น ฉายแววสังหาร

หวงฝู่ฮ่วนเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเข้มงวดในทันที “ประมุขตระกูลหลาน ท่านกล่าวเกินไปแล้ว”

สีหน้าของหวงฝู่เฮ่าเทียนก็ดำคลํ้าขึ้น มองไปที่ประมุขตระกูลหลาน “จิตใจที่ขุนนางหลานรักบุตรสาวนั้นข้าเข้าใจ แต่ก็ไม่ควรโมโหคนอื่น ยังไม่รีบขออภัยฮ่องเต้เจียงอีก?”

สีหน้าของประมุขตระกูลหลานบิดเบี้ยวเขียวคลํ้าขึ้น รู้ว่าขอร้องหวงฝู่เฮ่าเทียนก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ก็ไม่ยอมขออภัยเจียงหลี เพียงแค่สบถออกมาคำหนึ่ง กลับไปยังที่ของตนเอง

ในตอนนี้ เขาก็ได้แต่หวังว่ามู่ชิงเกอคงไม่โหดเหี้ยมจนเกินไป หากว่าเขาฆ่าหลานเฟยเยว่จริงๆ เช่นนั้นตระกูลหลานก็จะเป็นศัตรูกับเขาจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง!

มือของประมุขตระกูลหลานที่อยู่บนที่พนักวางแขนเก้าอี้ ได้กำจนแน่นแล้ว

ท่าทางของประมุขตระกูลหลาน ทำให้นัยน์ตาของหวงฝู่เฮ่าเทียนฉายแววเยียบเย็นขึ้นแวบหนึ่ง ในตอนที่ความเยียบเย็นในสายตาหายไป เขาก็หันไปทางเจียงหลี ยิ้มอย่างขออภัย “ฮ่องเต้เจียงโปรดอย่าได้ถือสา ประมุขตระกูลหลานอยู่ในภาวะร้อนใจจึงพูดโดยไม่ทันได้คิด”

เจียงหลียิ้มเย็น “ไม่เป็นไร บัญชีในวันนี้จะต้องมีวันหนึ่งที่ต้องชำระ”

คำพูดของนางทำให้หวงฝู่ สองพ่อลูกไม่รู้จะต่อคำอย่างไร ทำได้เพียงยิ้มๆ ตอบ ทั้งสองคนลอบส่งสายตาหากัน ล้วนรู้สึกว่าตระกูลหลานนี้เป็นจิ้งจอกห่มหนัง เสือแล้วยังจะเย่อหยิ่งอีก ตอนนี้ความฝันสลายไปแล้ว ยังคงไม่รู้จักฐานะของตนเอง

เพี๊ยะ—–

เพี๊ยะ เพี๊ยะ—–

“อ๊า——

ถึงแม้ว่าร่างกายของหลานเฟยเยว่นั้นจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ว่าใบหน้าของนางก็ยังคงไม่มีร่องรอยด่างพร้อย! นี่เป็นจุดที่ทำให้นางรู้สึกว่ายังโชคดี แต่ว่า ร่างกายของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแส้ เลือดเนื้อปริแตก ฝุ่นดินติดผสมไปกับบาดแผล สกปรกมาก ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน

นางนอนอยู่บนพื้น นัยน์ตาฉายแววแค้นเคืองมองมู่ชิงเกอที่ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ ในตอนที่มู่ชิงเกอเดินเข้ามาใกล้นั้น ดวงอาทิตย์สาดส่องจากด้านหลังของนาง ทำให้ใบหน้าของนางกลายเป็นเงามืดสายหนึ่ง ส่วนหลานเฟยเยว่ก็นอนอยู่ในเงามืดนั้น

หลานเฟยเยว่มองดูนาง กลั้นหายใจ ความแค้นในดวงตาไม่จางหายไป

ท่าทางของมู่ชิงเกอดูเยียบเย็น ไม่ได้สนใจในความแค้นของนาง เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “แส้ครั้งที่หนึ่งที่เจ้าฟาดใส่ข้า คือคิดจะทำลายโฉมหน้าของข้าอย่างนั้น หรือ?”

ถึงแม้ว่าจะเป็นคำถาม แต่ว่าในนํ้าเสียงกลับแฝงไว้ด้วยความมั่นใจ

ดวงตาของหลานเฟยเยว่หดตัวลง ดูเหมือนนางจะเดาได้ว่ามู่ชิงเกอจะทำอะไรต่อไป!

“อย่า—–! อย่า—–! อย่าทำ!” ดวงตาของนางฉายแววหวาดกลัวขึ้นมา ตอนที่ถูกมู่ชิงเกอใช้แส้อำพรางเมฆาฟาดจนเจ็บปวดนั้น นางก็ล้วนแต่ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวถึงขนาดนี้ แต่ว่าในตอนนี้ กลับเผยความหวาดกลัวออกมา

นางใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายส่ายหน้า ใช้นํ้าเสียงร้องขอ คิดอยากจะถอยไปข้างหลัง ถอยไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย แต่น่าเสียดายเรี่ยวแรงของนางหมดลงแล้ว ไม่อาจขยับตัวได้

มู่ชิงเกอค่อยๆ ยกมือขึ้น สะบัดแส้อำพรางเมฆาที่อยู่ในมือ

ดูเหมือนว่านางจะจงใจเคลื่อนไหวให้ช้าลง มอบโอกาสหนีให้หลานเฟยเยว่ ทั้งยังดูคล้ายกับกำลังทำให้นางอับอาย

ความหวาดกลัวในแววตาของหลานเฟยเยว่ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น นางไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่านางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร หากว่าใบหน้าของนางถูก ทำลาย ใบหน้านี้คือความภาคภูมิใจของนาง ถ้าหากว่าโดนทำลายไปเช่นนี้ ต่อไปนางจะสามารถใช้อะไรไปทำให้มหาปราชญ์โปรดปรานได้อีก?

เสียงของแส้อำพรางเมฆาฟาดลงมา พุ่งเข้าหาใบหน้าของหลานเฟยเยว่

นางตื่นตะลึงชะงักอยู่ที่เดิม ทำได้เพียงแต่เบิกดวงตากว้างจ้องแส้ที่ฟาดลงมา

เพี๊ยะ—–!

“พวกเรายอมแพ้แล้ว!” เสียงของประมุขตระกูลหลานดังขึ้น พร้อมกับเสียงแส้

“กรี๊ด—–!” พร้อมกันขึ้นมานั้น ก็ยังมีเสียงร้องอย่างโหยหวนของหลานเฟยเยว่ดังขึ้น นางกุมแก้มของตน กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น เลือดสีแดงไหลเปื้อนไปทั่วพวง แก้มของนาง มู่ชิงเกอยังยืนอยู่ที่เดิม

คำพูดของบิดาทำให้นางได้สติ นางใช้เสียงที่สั่นๆ ตะโกนออกมา “ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้!”

“ฮู้!” หวงฝู่ฮ่วนปล่อยลมหายใจออกมา เอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ นัยน์ตาฉายแววนับถือเอ่ยว่า “คุณชายมู่ ลงมือได้ร้ายกาจจริงๆ!” ทำร้ายทารุณดอกไม้งามได้

แน่นอนว่า ต่อหน้าของเจียงหลี หวงฝู่ฮ่วนไม่กล้าพูดประโยคหลังออกไป

เจียงหลีหัวเราะเยาะเย้ย “สำหรับศัตรูแล้วจะยังรักหยกถนอมบุปผาไปทำไม? ศัตรูก็คือศัตรู ไม่มีส่วนความงดงามของชายหญิง”

คำพูดของนาง ทำให้หวงฝู่ฮ่วนนิ่งลงไป

เป็นครั้งแรกที่เขาพิจารณาฮ่องเต้เจียงแห่งแคว้นกู่วู่อย่างจริงจัง ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทำให้นางไม่เหมือนใครจะไม่ได้มีเพียงความงดงามน่าหลงใหลภายนอก แต่ยังมี จิตใจที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป ซึ่งทำให้จิตใจของคนหวั่นไหวได้มากที่สุด

ความเด็ดขาด โหดเหี้ยม ทั้งยังมีการแยกแยะบุญคุณความแค้นอย่างชัดเจนของนาง นิสัยที่เผ็ดร้อนดุจดั่งแสงอาทิตย์ในเวลานี้ ล้วนแต่เริ่มดึงดูดหวงฝู่ฮ่วน

“มองอะไร? คิดจะหาประโยชน์จากข้าอย่างนั้นหรือ?” เจียงหลีกวาดตามองหวงฝู่ฮ่วนอย่างขุ่นเคืองแวบหนึ่ง แต่ว่านํ้าเสียงกล่าวตักเตือนนี้เมื่อเข้าไปอยู่ในหูของหวงฝู่ฮ่วน ก็ดุจดังเสียงที่ดูอบอุ่นและรักใคร่ ทำให้เขาต้องถอนสายตากลับเงียบๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมให้เจียงหลี ค้นพบความคิดในใจของเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version