ตอนที่ 195-4
ตบะหมื่นปีแลกกับความปลอดภัยของเจ้า!
ความดำมืดอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดินหลินชวน แทรกซึมเข้าไปในทุกสิ่งทุกอย่าง
ในช่องว่างที่กำลังพังทลาย กู่หยากับกู่เย่ก็ชันเข่าอยู่บนพื้นใบหน้าเย็นชาก็เต็มไปด้วยความกังวลและเคร่งเครียด
ซือมั่วในตอนนี้ก็ราวกับว่าจะหลอมกลืนไปกับความมืด เขาโอบกอดมู่ชิงเกอ จ้องมองไปทางนาง ก่อนจะค่อยๆ กล่าวว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์รอข้า!”
พร้อมกันกับเสียงของเขาที่จบลง รอบด้านอยู่ๆ ก็ถูกแสงเจ็ดสีเข้าปกคลุม ก่อนจะกลืนกินทุกสิ่งลงไป
เวลา…ย้อนกลับแล้ว…
โลกขนาดเล็กใหญ่ เพราะประกาศิตหวนคืนของซือมั่ว เวลาก็กำลังย้อนกลับ ย้อนกลับไปยังก่อนหน้าการรุมสังหาร
เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นก็เหมือนกับถูกมือขนาดยักษ์อันไร้ตัวตนสายหนึ่ง ทำการบดขยี้ทิ้งไป ก่อนจะฝืนดึงทั้งหมดย้อนกลับ
ช่องว่างแห่งการทดสอบก็หวนคืนกลับไปยังช่วงก่อนที่มันจะพังทลาย ช่วงที่มู่ชิงเกอยังไม่ได้ดึงพลังสายฟ้าออกมาเพิ่มความเร็วในการพังทลายของช่องว่าง ตอนที่องครักษ์เขี้ยวมังกรทั้งสามร้อยนายยังไม่ตาย เจียงหลียังไม่ตาย เฉินปี้เฉิงยังไม่ตาย จ้าวหนานซิงยังไม่ตาย ฟ่งอวี๋เฟยยังไม่ตาย…
ในตอนที่ทหารกล้าของแคว้นอวี๋กับแคว้นลี่ที่ตายไปพวกนั้นกำลังจะฟื้นคืน ซือมั่วที่อยู่ในช่องว่างก็พลันกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“ท่านประมุข!”
“ท่านประมุข!”
กู่หยากับกู่เย่พลันร้องตะโกนกันขึ้นอย่างเคร่งเครียด แต่ซือมั่วดวงตาทั้งสองข้างก็ยังคงปิดสนิท แต่เงาร่างของเขากลับกลายเป็นเลือนรางลง กู่หยากับกู่เย่ก็ เหมือนกัน ผ่านไปชั่วอึดใจ ทั้งสามก็พลันหายลับไป
พลังแห่งการย้อนกลับสลายหายไป เวลาของมิติที่มีทั้งหมดต่างก็พากันย้อนกลับไปยังหนึ่งชั่วยามก่อนหน้า หานฉายไฉ่กะพริบตาพริบๆ เขายังคงยืนอยู่ที่เขตหวง ห้ามของวังหลวง
กุญแจบนท้องฟ้าเพิ่งจะแตกออกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นผงห้าสีร่วงตกลงมา
“ไป ตามข้าไปที่ตำหนักหลีกง!” หานฉายไฉ่ดึงคอเสื้อของหวงฝู่ฮ่วน คำรามขึ้นเสียงดังกับเขา
แต่หวงฝู่ฮ่วนกลับยิ้มขมขื่นเอ่ยกับเขา “องค์มหาปราชญ์ก็ไม่อยู่ ไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด?”
คำพูดเดิมก็หลุดออกมาจากปากของหานฉายไฉ่ หลังจากนั้นก็เขาวกกลับไปที่หอสรรพสิ่ง ค้นหาวิธีการอื่นๆ ในการเปิดช่องว่าง
ในตอนนี้ท้องฟ้าของเทียนตูก็ยังสว่างสดใส เหล่าชาวเมืองต่างก็รวมตัวอยู่ด้วยกัน ทำการวิพากษ์วิจารณ์ถึง ‘หมู่เมฆเจ็ดสี’ บนท้องฟ้าของวังหลวง
ในอีกมิติที่ไม่ทราบชื่อ การสู้รบที่ดุเดือดสนามหนึ่งก็กำลังแผ่ขยายออกไป
กองทัพที่ดูเหมือนกับมนุษย์กองหนึ่งก็กำลังพัวพันกับเหล่าสัตว์ประหลาดที่มีพลังกล้าแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วน กำลังเข่นฆ่าเอาชีวิตซึ่งกันและกัน!
ไกลออกไป กษัตริย์ของพวกเขาก็กำลังปะทะอย่างดุเดือดกับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ มันมีลำคอยืดยาวดู น่าเกรงกลัว สัตว์ประหลาดตัวนั้นร้องคำรามออกมาเสียงหนึ่ง ยังคงไม่สามารถเข้าไปใกล้ชายผู้งดงามชุดขาวผู้นั้นได้
ทันใดนั้นเองร่างกายของซือมั่วที่กำลังต่อตีก็พลันสั่นสะท้านไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาสีอำพันพลันเปล่งแสงวาววับออกมาหลายสาย ในตอนที่สายตาของเขาสบเข้ากับ ดวงตาตั้งตรงของราชาปีศาจตนนั้น มันก็เต็มไปด้วยความรังเกียจและชิงชัง
กรงเล็บแหลมคมของราชาปีศาจยื่นมาตรงหน้าของเขา เขาแต่เดิมก็สามารถหลีกพ้นมันได้อย่างสบายๆ
แต่ว่าเขากลับไม่ทำเช่นนั้น แต่ขยับกายพุ่งไปด้านหน้า
การกระทำที่ผิดปกติของเขาก็ทำเอาราชาปีศาจนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง ทั้งยังทำเอากู่หยากับกู่เย่ที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุดพากันตื่นตระหนกไปด้วย
พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงทำให้ท่านประมุขทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้
ปัง—–!
การโจมตีของราชาปีศาจตกลงไปบนตัวของซือบั่ว เลือดสายหนึ่งพลันหยดลงจากปาก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ทำการบั่นศีรษะของราชาปีศาจตนนั้น พร้อมกันกับควักหัวใจของมันออกมาบดขยี้มันทิ้งในทันที
ร่างอันใหญ่ยักษ์ของราชาปีศาจก็พลันร่วงตกลงจากท้องฟ้าอันมืดมิด
พอมันตายไป พลังของสัตว์ประหลาดพวกนั้นก็พากันถดถอยลงไปด้วย ปล่อยให้กองทหารกลายเป็นฝ่ายไล่สังหาร!
ซือมั่วร่อนลงพื้น กู่หยาและกู่เย่พริบตาโผล่มาที่ตรงหน้าของเขา เร่งร้อนกล่าวว่า “ท่านประมุข!”
รอยเลือดสีแดงฉานยังคงเหลือติดที่มุมปากของซือมั่ว แม้แต่ตัวเสื้อของเขาก็ยังกระเด็นเปื้อนอยู่หลายรอย
ท่านประมุขได้รับบาดเจ็บ!
พอค้นพบความจริงนี้เข้าก็ทำเอาในแววตาของกู่หยากับกู่เย่ฉายแววหวั่นเกรง
กี่ปีแล้วกัน?
จำไม่ได้แล้วว่าเป็นกี่พันหรือกี่หมื่นปีมาแล้วที่ท่านประมุขไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ไหนแต่ไรมา ก็มีเพียงเขาไปทำร้ายคน ไม่เคยมีใครทำร้ายเขาได้
แต่ตอนนี้ท่านประมุขกลับได้รับบาดเจ็บ?
ถ้าหากรํ่าลือออกไป เกรงว่าคงจะมีคนไม่น้อยที่ต้องการให้พวกเขาตกตายเพราะบกพร่องในหน้าที่
ซือมั่วยกนิ้วขึ้นมา ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเช็ดไปที่รอยเลือดตรงมุมปากของตนออกเบาๆ ท่าทางเร่งร้อนก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้าจัดการที่เหลือด้วย”
พอกล่าวจบก็หายวับไปจากจุดที่ยืนอยู่ กู่หยากับกู่เย่หลังจากทิ่ซือมั่วหายไปแล้ว พวกเขาอยู่ๆ ก็ รู้สึกปวดหัวราวกับถูกเข็มทิ่มแทง
ฉากภาพบางประการไหลแล่นเข้าสู่หัวของพวกเขา
ในตอนที่ความเจ็บปวดสลายหายไป ทั้งสองคนก็พลันมองหน้าสบตากันในแววตาล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึง
พลังแห่งการหวนคืนไม่ได้มีผลอะไรกับตัวของซือมั่ว กู่เย่กับกู่หยาก็เช่นกันยังคงจำเรื่องราวในตอนที่ซือมั่วทำการลบล้างมันออกไปได้ พอจำได้ก็ทำให้พวกเขารู้ว่า ที่ท่านประมุขยอมได้รับบาดเจ็บก็เพราะต้องการร่นเวลาในการสู้รบให้จบลงโดยเร็ว
เขาอยากจะรีบกลับไปช่วยคนผู้นั้น!
“ดูท่าพวกเราคงจะได้มีนายหญิงจริงๆ แล้ว” กู่เย่เอ่ยกับกู่หยาอย่างทอดถอนใจ
แต่กู่หยากลับไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เขาเพียงกล่าวขึ้นท่าทางกังวล “ท่านประมุขที่ใช้ศาสตร์ต้องห้าม พลังการฝึกฝนก็คงต้องถูกลบไปเป็นหมื่นปี เมื่อครู่ก็ยังถูกราชาปีศาจโจมตีเข้าไปอีก เกรงว่า…”
กู่เย่เอ่ยขึ้นท่าทางขึงขัง “เรื่องนี้ห้ามเล็ดลอดออกไปอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น…”
ในแววตาของทั้งสองคนล้วนแต่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ในช่องว่างแห่งการทดสอบที่กำลังพังทลาย ศึกใหญ่ก็พลันหยุดชะงักลงชั่วคราว มู่ชิงเกอกับเจียงหลียืนเคียงข้างกัน งูยักษ์ประจำการอยู่ที่ด้านหลังของพวกนาง องครักษ์เขี้ยวมังกรทั้งสามร้อยนายยืนอยู่ด้านหน้าของพวกนาง กำลังเผชิญหน้ากับทั้งสามขุมกำลัง
เฉินปี้เฉิง จ้าวหนานซิง ฟ่งอวี๋เฟยถูกจับตัวไว้
“มู่ชิงเกอ เจ้าถ้าไม่อยากให้พวกเขาตกตายต่อหน้าเจ้าทีละคน ก็ไม่สู้ฆ่าตัวตายเสีย?” ไท่สื่อเกากล่าวเยาะเย้ยขึ้นอย่างเหิมเกริม
มู่ชิงเกอกำไปที่ทวนหลิงหลง ตาทั้งข้างปิดลงพร้อมกับค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หลังจากที่ดวงตาทั้งสองข้างนั้นเปิดออก ประกายแสงอันดุดันก็พลันพุ่งออกมาจากนัยน์ตา “ฆ่า—–!”
“ฆ่า—–!”
“ฆ่า—–!”
“ฆ่า—–!”
เหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรร้องคำรามออกมาจากจิตวิญญาณ พุ่งไปทางยอดยุทธ์ขั้นกักเก็บอย่างไม่คิดชีวิต เจียงหลีก็พางูยักษ์พุ่งทะลวงไปยังปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บผู้ หนึ่ง
ในช่องว่างของมู่ชิงเกอก็เหมือนกับกลายเป็นเสถียรมากขึ้น ค่อยๆ ขั้นตื่นขึ้นมา ช่องว่างที่ถูกเลือดของนางแทรกซึมเข้าไปอยู่ๆ ก็เกิดเป็นฝนโลหิต
หลังจากฝนโลหิตตกลงไป สีท้องฟ้ากับผืนดินก็กลับคืนไปสู่สีแรกเริ่มของมัน
และฝนโลหิตที่ตกลงไปแล้วพวกนั้นก็รวมตัวกันเป็นกองเลือดกองหนึ่ง ไหลไปทางไข่ยักษ์เจ็ดสีที่ตั้งอยู่ในตำหนักอย่างเงียบเชียบ
ไข่ยักษ์เจ็ดสีใบนั้นก็ทำการดูดกลืนพวกมันอย่างต่อเนื่อง รอยร้าวบนเปลือกไข่ก็สะท้อนเสียง ‘เปรี๊ยะ’ ออกมา มีรอยร้าวเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย
“แว้…”
เสียงร้องอ่อนแอดังแทรกออกมาจากช่องว่างของเปลือกอย่างบางเบา
เหมิงเหมิงที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าในช่องว่าง ก็พลันหลุดออกมาจากภวังค์นางกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้น กล่าวว่ากระซิบกระซาบกับตัวเอง “เกิด อะไรขึ้น?”
ต่อจากนั้นดวงตาของนางก็พลันเบิกกว้างขึ้น ร้องขึ้นเสียงตระหนก “มีคนใช้ศาสตร์ต้องห้ามหวนคืน!” ต่อจากนั้นนัยน์ตาของนางก็ทอวาววับ ยิ้มกล่าวว่า “เป็นเช่นนี้เหมิงเหมิงก็ไม่ต้องเปลี่ยนนายใหม่แล้ว!”
“ก๊าซ—–
ในระหว่างการปะทะ มู่ชิงเกออยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของสัตว์อสูร
มู่ชิงเกออาศัยช่องว่างมองไป ก่อนจะมองเห็นว่างูยักษ์ของเจียงพลันกลายเป็นระเบิด ส่วนการโจมตีของปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บผู้นั้น ก็ยังคงพุ่งตรงไปทางเจียงหลี
ถ้าหากถูกโจมตีเข้าเจียงหลีก็จะต้องตายเป็นแน่!
ในระหว่างที่ร้อนรนมู่ชิงเกอก็กระชากจี้สีเลือดบนคอของตน ขว้างโยนไปทางยอดยุทธ์ขั้นกักเก็บ
บึ้ม—–!
“อ๊าก—–!”
พร้อมกันกับเสียงระเบิดก็มีเสียงร้องโหยหวนดังตามมาด้วย
ปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บที่โจมตีเจียงหลีผู้นั้นก็พลันกลายเป็นเศษผง จี้สีเลือดของมู่ชิงเกอก็กลายเป็นเงาร่างเลือนรางสายหนึ่งก่อนจะหายลับไปในอากาศ
พอเจียงหลีปลอดภัยแล้ว มู่ชิงเกอก็ลอบถอนหายใจขึ้นในใจ
นางคิดไม่ถึงว่าหยดเลือดที่ซือมั่วทิ้งไว้ให้ในตอนนั้น จะมีพลังที่กล้าแกร่งถึงเพียงนี้
ทันใดนั้นเองนางก็รู้เสียใจอยู่บ้างที่ไม่ได้เอามาหลายๆ หยด หากเอามาสักสิบหยดแปดหยดยังจะต้องกลัวสุนัขเฒ่าหน้าไม่อายพวกนี้อีกรึ?
ความคิดยังไม่ทันสลายหายไป การโจมตีก่อนหน้าที่เพิ่งหลบไปได้ก็พุ่งตกมาทางมู่ชิงเกอ
นางฝืนรับมันเอาไว้ แต่ข้างหูกลับไหลสะท้อนขึ้นมาด้วยเสียงของแตกหัก เหมือนกับว่าต่างหูสีม่วงบนหูก็กำลังเกิดรอยร้าว
และในตอนนั้นเองนํ้าเสียงที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวนเกรงก็พลันสะท้านลงมาจากฟ้า—–
“พวกเจ้ารนหาที่ตาย—–!”