ตอนที่ 196-2
เจ้าเป็นของข้าถึงจะถูกต้อง!
ในตอนนั้นหานฉายไฉ่ก็ได้เร่งรุดมาถึงพอดี
ก็เหมือนกับระเบิดก็ไม่ปานพุ่งตกลงสู่พี้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงให้หวงฝู่เฮ่าเทียนกับหวงฝู่ฮ่วนเงยหน้ามองเขาสายตาหนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็ไม่ได้สนใจเขาอีก
หานฉายไฉ่เพิ่งจะมาถึงได้ไม่ทันไร คนของสามตระกูลใหญ่ที่เหลือก็เริ่มทยอยกันมาถึงแล้ว
ในนั้นก็มีพวกจิ่งเทียนกับฮวาฉินฉินที่จากไปแล้ว แล้ววกกลับมาใหม่
คนของแคว้นระดับสองที่ออกมาก่อนพวกนั้นเดิมก็ไม่ได้ออกจากวังหลวงไปไหน ตอนที่เกิดความผิดปกติขึ้น พวกเขาก็เป็นพวกที่มาถึงที่นี่เร็วที่สุด เซวียฉงก็อยู่ในขบวนของแคว้นอวี่
เขาไม่ได้มาเข้าร่วมงานประลองครั้งนี้ เพียงมาแค่ในฐานะของราชทูตนำขบวนเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้รับฟังเรื่องราวจากปากของผู้เข้าร่วมแคว้นอวี่คนอื่นๆ แล้ว ก่อนหน้ายังคิดเสียดายในตัวมู่ชิงเกออยู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏเหตุพลิกผันเช่นนี้ได้?
ในเขตหวงห้ามคนที่มารวมตัวก็ยิ่งมายิ่งมากขึ้น
ก็ในตอนที่เฉินปี้เฉิงถูก ‘คาย’ ออกมาแล้ว รูขนาดใหญ่ก็ยังร่วงตกออกมาอีกคนหนึ่ง
ในตอนที่คนผู้นี้ปรากฏออกมา นัยน์ตาทั้งสองข้างของหวงฝู่ฮ่วนก็พลันหดเล็กลง ไม่ได้คิดอ่านให้มากความพุ่งทะยานออกไป ก่อนจะรับร่างอ่อนแอ้นนั่นเอาไว้ได้อย่างมั่นคง
เจียงหลีไอพลังอ่อนล้า ทั้งในแววตายังแฝงไว้ด้วยความตกตะลึง
ในตอนที่ถูกหวงฝู่ฮ่วนรับตัวเอาไว้ นางก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่นัยน์ตาสีทองจะปรากฏแววเกรี้ยวกราด ถลึงตา ตะโกนไปทางเขา “ชั่วช้า! เจ้ากลับกล้าเอาเปรียบข้า ฮ่องเต้หญิงรึ!”
หวงฝู่ฮ่วนฝืนยิ้มแต่กลับไม่ปล่อยมือ “ฮ่องเต้หญิงถ้าหากข้าปล่อยมือตอนนี้ ท่านก็จะตกลงไปบาดเจ็บเอาได้”
ในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความยินดี ยินดีที่เจียงหลีไม่เป็นอะไร ยังมีแรงมาโต้เถียงกับเขา
เจียงหลีมุมปากยกสูงขึ้น แค่นเสียงเย่อหยิ่งเสียงหนึ่ง ไม่พูดอะไรอีก
นางตอนนี้พลังจิตแห้งขอด ก็ไม่อยากจะตกลงไปได้รับบาดเจ็บจริงๆ
หึ อุ้มก็อุ้มไปเถอะ!
อาการนิ่งเงียบของเจียงหลีก็ทำให้หวงฝู่ฮ่วนตื่นเต้นยินดีนัก ยังดีที่เขาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ชอบแสดงความรู้สึกโกรธรู้สึกชอบออกมาภายนอก ดังนั้นคนรอบข้างก็เลยไม่เห็นถึงความผิดปกติ
มีเพียงแต่หวงฝู่เฮ่าเทียนเท่านั้น เขาเข้าใจบุตรชายของตนดี ถึงได้มีความสงสัยอยู่บ้าง
แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้กลับไม่มีเวลาให้เขาเค้นถาม ดังนั้นเขาถึงทำได้เพียงกดความสงสัยในใจเอาไว้ ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“มู่ชิงเกอเล่า?”
เท้าทั้งสองข้างของเจียงหลีพอตกลงถึงพื้น หูด้านข้างก็ดังขึ้นด้วยเสียงสอบถามห่วงใยของหวงฝู่ฮ่วน พร้อมกับเสียงเค้นถามที่ร้อนรนของหานฉายไฉ่
หนึ่งคนเป็นห่วงนาง ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นห่วงมู่ชิงเกอ
พอถูกหานฉายไฉ่เอ่ยกำชับ หวงฝู่ฮ่วนก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีคนที่สำคัญที่สุดอีกผู้หนึ่งที่ยังไม่ปรากฏตัวออกมา ชั่วขณะนั้นในใจก็กลายเป็นเคร่งเครียด เร่งรีบ เปลี่ยนคำถามพลางเอ่ยขึ้น “ฮ่องเต้หญิง คุณชายมู่เล่า? เขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
เจียงหลีเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เงยหน้ามองไปทางหานฉายไฉ่
ด้วยความสามารถด้านการข่าวของหอสรรพสิ่งที่หานฉายไฉ่มี จะรู้ว่าระหว่างนางกับมู่ชิงเกอสนิทกันก็ไม่ยาก ที่นางขมวดคิ้วก็เพียงเพราะรู้สึกเสียดายแทนเขา
น่าเสียดายนัก! นายน้อยของหอสรรพสิ่งผู้นี้ต่อให้โดดเด่นเกินคนอย่างไร และดีกับมู่ชิงเกอเช่นไร สุดท้ายแล้วก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง
“เขา?” ใบหน้างามลํ้าของเจียงหลีปรากฏรอยยิ้มแปลกๆ ขึ้นสายหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามของทั้งสองคน ทำเพียงแหงนมองไปยังรูโหว่ขนาดยักษ์บนท้องฟ้ารูนั้น
ปากทางเข้าช่องว่างที่ถูกบังคับให้เปิดออก ก็เต็มไปด้วยพายุกรรโชกอันดุดัน ฉีกกระชากตัวช่องว่าง ทำให้ทางเชื่อมไปสู่ช่องว่างปรากฏบิดเบี้ยวไปมา
ในช่องว่างแห่งการทดสอบ บนท้องฟ้าของสุสานเทวะ
กลับมีเงาร่างของคนสองคนกอดแนบแน่นอยู่ด้วยกัน เส้นผมสีดำขลับเกาะเกี่ยว หนึ่งขาวหนึ่งแดงดูเสริมรับกันจนผู้คนต้องตกตะลึง จิตใจสั่นสะท้าน สายลมกรรโชกตรงทางเข้าก็ส่งผลกระทบมายังสุสานเทวะ
ชายเสื้อถูกพัดจนโบกสะบัดปลิวพลิ้วไปมา เส้นผมเริงระบำเกาะเกี่ยวกัน
ใบหน้าของมู่ชิงเกอถูกคนบางคนกอบกุมเอาไว้แน่น
แนบชิดไปกับแผ่นอกกว้างอันอบอุ่นของเขา จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นและกลิ่นหอมพิเศษที่ไหลแล่นมาจากตัวเขา
ไออุ่นเหล่านั้นก็ราวกับว่าจะกอบกุมตัวนางจนกลายเป็นเกราะป้องขึ้นชั้นหนึ่ง ช่วยนางปัดป้องลมฝนจากภายนอก
กู่หยากับกู่เย่ที่ซ่อนอยู่ในเงามือลอบสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะเร้นกายหายไปจากจุดที่ยืนอยู่เดิมอย่างรู้ความ พวกเขาไม่อยากหลังจากเสร็จภารกิจแล้วถูกคนฆ่าปิด ปาก พวกเขายังทำเรื่องที่มีประโยชน์หน่อยดีกว่า อืม อย่างเช่นออกไปดู ดูสถานการณ์ด้านนอก ออกไปดูคนพวกนั้นที่กล้าคิดร้ายต่อนายหญิงของพวกเขา!
การจากไปของกู่หยาและกู่เย่ก็ไม่ได้ส่งผลอันใดต่อคนทั้งสองที่กำลังกอดกัน เสียงหัวใจที่เต้นระรัวอย่างดุดันก็ขับเอาไอเย็นยะเยือกรอบกายมู่ชิงเกอออกไป
นางซบอยู่ในอกของชายหนุ่มอย่างว่าง่าย สูดดมกลิ่นไอพวกนั้นที่ทำให้นางสงบ มือทั้งสองข้างไม่ทันรู้ตัวก็โอบกอดไปยังเอวแกร่ง สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง ของกล้ามเนื้อของเขา ทั้งสองคนค่อยๆ ร่อนกายลง ในที่สุดก็เหยียบลงไปบน กองเศษหินของสุสานเทวะ กองเศษหินที่ถูกเหยียบก็แตกกระจายออกไปบางส่วนส่งเสียงดังขึ้นมาบางเบา ทำเอามู่ชิงเกอตื่นจากภวังค์ นางก็เงยหน้าขึ้นจากอกอันอบอุ่นที่เริ่มจะทำให้นางรู้สึกหลงใหล มองไปยังใบหน้าสมบูรณ์แบบอันไร้ที่ติของซือมั่ว ถามขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อย “ธุระของเจ้าจัดการเสร็จแล้วรึ?”
คำกล่าวประโยคนี้ก็ทำเอานัยน์ตาสีอำพันของซือมั่วดำมืดลง อดที่อยากจะตีก้นของเด็กสาวผู้นี้ไม่ได้ เกิดเรื่องที่ใหญ่โตเช่นนี้ นางที่สนใจที่สุดกลับเป็นเรื่องที่ว่าเขาจัดการธุระเสร็จแล้วหรือยัง?
หรือว่านางจะทำเรื่องอย่างการร้องไห้เอ่ยฟ้องเขาว่า ถูกรังแกไม่เป็นกัน?
แต่ว่านี่ถึงจะเป็นมู่ชิงเกอ
เป็นคนที่เขาต้องตา!
แข็งแกร่ง ยืนหยัด แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพึ่งพาผู้ใด ถึงแม้นางจะรู้ว่าหากแกล้งออดอ้อนร้องขอก็จะช่วยให้บรรลุจุดประสงค์ได้ แต่นางก็ไม่เลือกเส้นทางสายนั้น
ในนัยน์ตาสีอำพันฉายเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ หน้าผากที่ย่นเข้าหากันของซือมั่วก็ทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้นอย่างรู้ทัน “เจ้ากำลังโมโห? แต่ว่าเพราะ…เหตุ…
อือ…”
คำพูดยังไม่ทันกล่าวออกมาก็ถูกชายหนุ่มอุดมันอย่างอุกอาจ มู่ชิงเกอดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะถูกตาเฒ่าปีศาจนี่ขืนจูบอย่างเอาแต่ใจเช่นนี้!?
ริมฝีปากทั้งสองบดขยี้เข้าหากันจนรู้สึกเจ็บหนึบอยู่รางๆ การจูบของชายหนุ่ม…. อื้อ ต่อให้นางจะไม่มีประสบการณ์อะไร แต่อิงจากสัญชาตญาณของหญิงสาว การจูบเช่นนี้ก็ออกจะหยาบกระด้างเกินไปแล้ว! อีกทั้งความรู้สึกที่มอบให้นางก็ เหมือนกับจะกำลังแก้แค้น
แต่ว่าซือมั่วกำลังแก้แค้นอันใดกัน?
ซู๊ด!
มู่ชิงเกอที่กำลังคิดล่องลอย ท่าทางไม่ได้สนใจอยู่ๆ ก็ถูกความเจ็บตรงริมฝีปากที่ไหลแล่นขึ้นมาจนได้สติ ในตอนที่นางสบเข้ากับแววตาข่มขู่ของชายหนุ่ม นางก็ เหมือนกับว่าจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง
อ้อ ชายผู้นี้ก็เหมือนกับว่ากำลังจะต่อว่านางที่ไม่ตั้งใจรับจูบที่เขามอบให้?
“…” มู่ชิงเกอพลันรู้สึกว่าในหัวของตนกำลังว้าวุ่น
ต่อตียังไงกัน จากฉากการปะทะกลายเป็นฉากดูดดื่มอันหยาดเยิ้มนี่ได้?
การจูบของซือมั่วก็ค่อยๆ กลายเป็นอ่อนโยนลง ไม่ได้มีความรุนแรงและหยาบกระด้างเหมือนตอนก่อนหน้า
เขาก็จุมพิตไปยังริมฝีปากอ่อนนุ่มที่ตนเฝ้าคะนึงถึงอย่างดูดดื่ม การละเลียดชิมที่บางเบาและความอุ่นชื้นของปลายลิ้นก็ทำเอามู่ชิงเกอทั่วทั้งร่างอ่อนระทวย
ไอร้อนสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากจุดตันเถียนของนาง แผ่ซ่านไปทั่วรอบกายอย่างรวดเร็วทำเอาทั่วทั้งนางกลายเป็นร้อนรุ่มอย่างแปลกประหลาด
นัยน์ตากระจ่างใสของมู่ชิงเกอก็พลันปรากฏแววตาพร่าเลือนขึ้นมา ‘หอมมาก!’ นางก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ากลิ่นของบุรุษจะสามารถทำให้ผู้คนสุขสบายเช่นนี้ได้ รสจูบของซื่อมั่วก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกต่อต้าน แต่กลับกันกลับทำให้นาง
รู้สึกเหมือนกับกำลังถลำลึกดำดิ่งอย่างไรอย่างนั้น
ผ่านไปไม่นาน เปลือกตาทั้งสองข้างของมู่ชิงเกอก็ค่อยๆ ปิดลง ขนตายาวกระเพื่อมสั่นไหว
มือคู่นั้นของนางขยับจากเอวของซือมั่วไปที่คอของเขา มือทั้งสองข้างของนางโอบไปที่คอของเขา ดึงให้เขาก้มลงมามากขึ้น ส่วนปลายเท้าทั้งสองข้างของนางก็ไม่ทันรู้ตัวเขย่งสูงขึ้นไป ให้ตนเองได้ใกล้ชิดชายหนุ่ม
จูบจูบนี้ก็ทำให้สองลืมเลือนเรื่องราวทั้งหมด
ความเย้ายวนถลำลึกสายหนึ่ง ค่อยๆ รุกคืบไปบนตัวของทั้งสองคน
ในตอนที่ลมหายใจของพวกเขากลายเป็นเร่งร้อน ซือมั่วอยู่ๆ ก็ถอยออกไป ผละออกจากปากแดงบวมของนางจากการถูกจุมพิต ก่อนจะกอดนางไว้ในอก
สัมผัสอันแนบชิดนั่นทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกว่าร่างกายของตนเหมือนกับจะถูกหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของชายหนุ่ม นางมองไม่เห็นถึงซือมั่วที่กำลังปิดตาอดกลั้น
เพียงแต่แค่รู้สึกสงสัยในการกระทำของชายหนุ่ม